บทที่ 135 อั่งเปาของกลุ่มเทพโป๊ยเซียน
กลุ่มเทพโป๊ยเซียนข้ามน้ำข้ามทะเลมา และแสดงความสามารถของแต่ละคนให้เป็ที่ประจักษ์
นั่นคือสิ่งที่เย่จื่อเฉินรู้มาั้แ่ตอนที่ยังเด็ก แต่ก่อนก็เคยดูละครที่เทพทั้งแปดท่านยังไม่ได้เป็เซียนมาแล้ว
สำหรับกลุ่มเทพโป๊ยเซียนทั้งแปดท่านนี้ เขายังมีความยำเกรงและความอยากรู้อยู่ในใจ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…
เทพธิดาเหอเซียนกู่เข้ามาในกลุ่มแล้ว!
เมื่อเทพโป๊ยเซียนทั้งแปดเข้ากลุ่ม เหล่าเทพเซียนในกลุ่มก็พากันโผล่ออกมาต้อนรับอย่างร่าเริงกันเลยทีเดียว
อย่างเช่นว่า…
เทพสายฟ้า : ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม กลุ่มเทพโป๊ยเซียนมาแล้ว
ขุนพล์เทียนเผิง : ข้าจะต้องออกมาร่วมสนุกด้วย
นางฟ้าลูกท้อ : เฮ้ย กลุ่มเทพโป๊ยเซียน!
องค์ชายสามนาจา : ว้าว! กลุ่มเทพโป๊ยเซียนมาแล้ว
ยี่หนึงจินกุน : โฮ่งๆ
แถมบางคนที่ไม่ค่อยจะปรากฏตัวออกมาเท่าไร ก็โผล่ขึ้นมาด้วย
อย่างเช่น…
อู๋กัง : กลุ่มเทพโป๊ยเซียนเข้ามา ทำเอาข้าใจนไม่เป็อันตัดต้นไม้แล้ว
ฉางเอ๋อ : เ้าก็ไม่ต้องตัดแล้ว มันรบกวนข้าจนนอนไม่หลับแล้วเนี่ย
เง็กเซียนเท้าเปลือย : เทพโป๊ยเซียน พวกท่านมากันได้สักที
คนในกลุ่มอาจจะรีบร้อนกันเกินไป หลังจากที่เทพโป๊ยเซียนเข้ากลุ่มมาแล้ว ก็เลยไม่กล้าปรากฏตัวกัน
เย่จื่อเฉินที่เห็นอย่างนี้ก็ร้อนรนอยู่ในใจ จึงได้ส่งข้อความเข้าไปในกลุ่ม
เย่จื่อเฉิน : อะแฮ่ม! ทุกท่านตื่นเต้นที่กลุ่มเทพโป๊ยเซียนเข้าร่วมกลุ่ม อันนี้เข้าใจได้ แต่พวกท่านก็ตื่นเต้นกันเกินไป ดูสิกลุ่มเทพโป๊ยเซียนใกันจนไม่กล้าพูดอะไรแล้ว
เทพสายฟ้า : ว้าว! ท่านเง็กเซียนออกโรงแล้ว
นางฟ้าลูกท้อ : ไอดอล!
องค์ชายสามนาจา : ท่านก็อยู่ด้วยเหรอ ท่านเง็กเซียน
อู๋กัง : นี่มันเซียนาุโผู้นั้นใช่ไหม
ฉางเอ๋อ : ขอน้อมคำนับท่านเง็กเซียน
...
เพียงเย่จื่อเฉินปรากฏตัวออกมา ทิศทางลมในกลุ่มก็ได้เปลี่ยนไป เขาถูจมูกด้วยความประหม่า ก่อนจะกดส่งข้อความไปอีกรอบ
เย่จื่อเฉิน : สนใจสิ่งสำคัญกันหน่อย เชิญกลุ่มเทพโป๊ยเซียนพูดได้
เถียไกว่หลี่ : เอ่อ…ในที่สุดก็มีโอกาสได้พูดสักที
หลู่ตงปิน : สวัสดีทุกท่าน!
เทพกระบี่!
เย่จื่อเฉินที่ถือโทรศัพท์อยู่ตื่นเต้นสุดขีด หลู่ตงปินผู้ได้รับขนานนามว่าเป็ผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็ไอดอลในวัยเด็กของเขาเลย
แน่นอนว่าเป็เพราะประโยคหนึ่งที่มันประทับใจเขาเป็อย่างมาก...
สุนัขกัดหลู่ตงปิน ไม่รู้จักบุญคุณผู้เลี้ยงดู (หมายถึงผู้ที่ไม่รู้บุญคุณผู้มีพระคุณ)
เหอเซียนกู่ : สวัสดีทุกท่าน
ขุนพล์เทียนเผิง : สวัสดีเทพธิดาเหอเซียนกู่ (สติกเกอร์ทำหน้าหื่นต่อท้ายประโยค)
...
เทพสายฟ้า : ขุนพล์เทียนเผิง เ้าเผยธาตุแท้แล้ว
ฉางเอ๋อ : เ้านี่แค่เห็นเทพธิดาเหอเซียนกู่ ก็ก้าวขาไม่ออกแล้ว
เทพสายฟ้า : ทำไมข้าถึงได้กลิ่นน้ำส้มสายชูกันนะ... (น้ำส้มสายชู มีความหมายแฝงว่าหึงหวง)
อู่กัง : ใครกล้าว่าเทพธิดาของข้า!
ขุนพล์เทียนเผิง : @ฉางเอ๋อ ในใจข้ามีแต่เ้า ไม่ได้มีนางเลยนะ
หลันไฉ่เหอ : เดี๋ยวนี้ความสัมพันธ์บน์ซับซ้อนขนาดนี้เลยเหรอ
หานเซียงจื่อ : ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละ
เห็นเทพเซียนบน์ทุกคนคุยกันมันก็น่าสนใจดี แต่ทำไมพวกเขาถึงได้ไม่เข้าประเด็นสำคัญสักทีล่ะ
คนใหม่เข้ากลุ่มมาต้องเอาอั่งเปาสิ!
มาแซะกันอยู่ที่นี่จะมีประโยชน์อะไร อั่งเปาต่างหากที่เป็คำตอบ
ดูท่าแล้วคงจะต้องเป็ตัวเขาที่จะต้องทำลายบรรยากาศนี้
เย่จื่อเฉิน : เลิกทะเลาะกันได้แล้ว คนใหม่เข้ากลุ่มมาแล้วส่งอั่งเปาด้วย
"เซียนผู้นี้เป็ใครกัน?"
แดนลึกลับแห่งหนึ่งในโลกเซียน เถียไกว่หลี่ถือขวดน้ำเต้าบรรจุสุรา แล้วสะกิดหลู่ตงปินที่สวมชุดขาวพร้อมกับเสียบกระบี่ไว้ด้านหลัง
"ท่านถามข้า แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไง? แต่ดูท่าว่าเซียนผู้นี้จะได้รับความนิยมบน์ค่อนข้างมากเลยทีเดียว หรือว่าจะเป็เซียนคนใหม่ที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมา?"
"ข้าว่าก็อาจจะเป็ไปได้"
จางกัวเหล่าเข้ามาร่วมวงด้วย
"สหายเซียนเก่าเหล่านี้ พวกเรารู้จักหมดแล้ว เซียนผู้นี้อาจจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาใน่ที่พวกเราไม่ได้อยู่บน์จริงๆ ก็ได้"
"แล้วพวกเราต้องส่งหรือไม่ส่ง"
"ก็ต้องส่งสิ" หลันไฉ่เหอพูดด้วยรอยยิ้มตาหยี "ไม่ว่ายังไง พวกเราก็จะทำลายกฎไม่ได้ เ้าว่าไหม เหอเซียนกู่"
"ข้าไม่มีความเห็น" เทพธิดาเหอเซียนกู่ลูบไล้ผมพร้อมกับพยักหน้า
"ถ้าอย่างนั้นก็ส่งเถอะ" ฮ่านจงหลี่เคาะกระดาษปิดท้าย
เถียไกว่หลี่ : สหายเซียนอย่ารีบร้อน เราจะส่งไปเดี๋ยวนี้
เถียไกว่หลี่ทำหน้าที่เป็ตัวแทนของกลุ่มเทพโป๊ยเซียน ไม่ว่าจะเป็ตอนไหน คนที่จะเปิดฉากพูดก็คือเขา
เขาเพิ่งส่งข้อความมาได้แป๊บเดียว ในกลุ่มก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ก่อนจะมีอั่งเปาออกมา
เย่จื่อเฉินรวบรวมสมาธิจดจ้องอยู่กับหน้าจอ เขารอมาตั้งนานแล้ว ในวินาทีที่อั่งเปาปรากฏออกมา เขาก็เริ่มแย่งทันที
เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเปิดใช้เน็ตที่ความเร็ว 4G แล้วมันจะแย่งไม่ทัน
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า...
"อะไรวะเนี่ย!"
อั่งเปาปรากฏออกมาเป็แถวยาวเรียงกัน เย่จื่อเฉินตะลึงงันทันที
แล้วจะแย่งของใครเนี่ย
เขาคิดไว้ว่าจะแย่งของเทพธิดาเหอเซียนกู่ แต่หาตั้งนานก็ไม่เจอ เสียเวลาไปหมดแล้ว
เขาจึงตัดสินใจกดโดยเห็นอันไหนก็กดอันนั้น
แต่ก็โคตรซวย เขากดอันไหนอันนั้นก็โดนแย่งไปหมดแล้ว
ขุนพล์เทียนเผิง : ฮ่าฮ่า ข้าแย่งมาได้สี่อัน
เทพสายฟ้า : ได้หกอัน
นางฟ้าลูกท้อ : ข้าแย่งมาได้ตั้งเจ็ดอัน
อู๋กัง : เหอะ อันเดียว!
ฉางเอ๋อ : สามอัน!
เมื่อเห็นว่าเซียนทุกคนในกลุ่มพากันอวดว่าได้อั่งเปากันกี่อัน เย่จื่อเฉินก็ถึงกับน้ำตาตกใน
บัดซบเอ๊ย!
เขาแย่งมาไม่ได้สักอัน
คนที่ยืนรอรถประจำทางอยู่แถวนั้น พอเห็นเย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งข้างทาง ด้วยท่าทางที่เดี๋ยวก็ตื่นเต้นเดี๋ยวก็เศร้าเสียใจ ก็พากันเดินออกห่างเขาเหมือนกับเขาเป็คนบ้า
ในตอนนั้น หลิวฉิงก็นั่งลงข้างเขา แล้วเอ่ยปลอบเสียงแ่
"ไม่ต้องเสียใจไปหรอกน่า เทพเซียนก็ต้องแย่งอั่งเปาเก่งกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว"
"แล้วจะให้ฉันดีใจได้เหรอ?"
เย่จื่อเฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ อั่งเปาของเทพเซียนเลยนะ แถมยังเป็อั่งเปาของกลุ่มเทพโป๊ยเซียนด้วย
ไม่แน่อาจจะแย่งสมบัติมีค่าอะไรมาก็ได้
โดยเฉพาะอั่งเปาของเทพธิดาของเหอเซียนกู่ บางทีอาจจะโชคดีแย่งรากบัววิเศษเก้ารูนั่นมาก็ได้ มันช่วยประหยัดความวุ่นวายไปได้ตั้งเยอะ
ถึงแม้ว่าจะกำลังเจอกับแจ็กพอตก็เถอะ
"นี่ นายเป็คนที่เก่งมากบน์ไม่ใช่หรือไง นายทักไปขออั่งเปาส่วนตัวกับพวกเขาก็ได้นี่นา เรามีของกินของเล่นตั้งเยอะแยะ เอาไปแลกกับพวกเขาก็ได้นี่"
หลิวฉิงลอยไปหยุดอยู่ข้างหลังเย่จื่อเฉิน มือเล็กๆ บีบนวดไหล่ให้เขา
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เย่จื่อเฉินก็ยิ้มออกมาทันที
ยัยผู้หญิงคนนี้ อยู่กับเขามานาน จนแม้แต่ลูกไม้อะไรก็เล่นแบบเขาไปได้มากแล้ว
พอคิดว่าหลังจากที่ฟื้นคืนชีพให้เธอแล้ว จะไม่ได้อยู่กับเธอทุกวันแบบนี้อีกมันก็รู้สึกใจหายอยู่มากเหมือนกัน
"หรือว่าจะไม่ฟื้นคืนชีพให้เธอแล้วดีนะ..."
พอมีความคิดนี้เกิดขึ้นมา เย่จื่อเฉินก็รีบส่ายหัวอย่างแรง
เขาจะต้องทำให้หลิวฉิงกลับมามีชีวิตอีกครั้งให้ได้
ตรู๊ดดด
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นมา เย่จื่อเฉินหยิบออกมาดูเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์
‘เ้าอ้วน’
"คุณไป๋ โทรมาหาผมทำไม?"
ไป๋ต้าไห่นั่งอยู่ในห้องทำงาน ล็อกประตูห้องทำงานไว้อย่างแ่า ในขณะเดียวกันก็เดินวนอยู่ในห้องทำงานมาหลายรอบแล้ว
เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีกล้องวงจรปิดและเครื่องบันทึกเสียง เขาถึงได้เปิดปากพูดขึ้น
‘คุณชายเย่ เมื่อกี้ฮ่าวเหวินเพิ่งติดต่อผมมา’
มุมปากของเย่จื่อเฉินกระตุกขึ้น ดูท่าว่าเ้าอ้วนคนนี้จะตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะขอร่วมมือกับตัวเขา
"ตัดสินใจแล้ว ยอมแล้วเหรอ?"
ไป๋ต้าไห่ที่ยืนอยู่ในห้องทำงานกลืนน้ำลายลงคอ การตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็ตีกับตัวเองอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
‘คุณชายเย่ คุณรับประกันไหมว่าสามารถช่วยภรรยากับลูกสาวของผมออกมาได้?’
"คุณไป๋ คุณสงสัยในความสามารถของผมเหรอ?" เย่จื่อเฉินกระตุกยิ้มปาก แล้วพูดขึ้น "ถ้าคุณคิดจะร่วมมือกับผม ผมก็รับรองได้ว่าจะพยายามสุดกำลังเพื่อช่วยพวกเขา แต่ถ้าคุณไม่ร่วมมือกับผม ฮ่าวเหวินก็ดูเหมือนจะไม่ปล่อยภรรยากับลูกสาวของคุณนะ"
สรุปได้ว่า คำพูดของเย่จื่อเฉินหมายความได้แค่อย่างเดียว
คือคุณไม่มีทางเลือก
‘ตกลง ผมจะร่วมมือกับคุณชายเย่’ ชายอ้วนก็รู้ถึงความหมายในคำพูดนั้นดี จึงพูดขึ้น
‘เมื่อกี้ฮ่าวเหวินบอกให้เริ่มเตรียมการ ทางฝั่งของเขาเตรียมจะลงมือแล้ว’
เย่จื่อเฉินหรี่ตาลงเมื่อได้ยิน แล้วพูดขึ้น
"โอเค คุณก็ให้ความร่วมมือกับเขาเหมือนเดิม ส่วนที่เหลือผมจะจัดการเอง"