ณ เรือนเฉินจื่อของนางจ้าว เหมยเซียงกำลังเย็บรองเท้าอยู่ภายในห้องโดยมีนางจ้าวนอนเอียงตัวอิงข้างเตียงหลับตาพักผ่อนอยู่
แม้จะบอกว่าพักผ่อน ทว่านางจ้าวกลับเอาแต่คิดโน่นนี่ไม่หยุดอยู่ในใจนับั้แ่นางตื่นมายามเช้าตรู่ ก็ได้ยินเหมยเซียงบอกกล่าวเื่ที่หลิ่วจิ้งถูกลักพาตัวไปเมื่อคืนทั้งได้ยินเื่ที่หลิ่วจิ้งถูกฮูหยินผู้เฒ่าตีจนหมดสติไปด้วย
ตอนแรกนั้นนางรู้สึกสะใจนัก ขอเพียงไม่ใช่นางไม่ว่าสตรีคนใดของหั่วอี้เกิดเื่นางก็ล้วนดีใจทั้งสิ้น
เดิมทีนางคิดจะเสแสร้งด้วยการไปเยี่ยมที่หอหั่วเยี่ยนสักหน่อยหาใช่เพราะนางเป็ห่วงหลิ่วจิ้ง แต่นางอยากวางท่าเป็กุลสตรีแสนดีให้หั่วอี้เห็น
ยามนี้นางไม่คิดจะไป่ชิงสิ่งใดทั้งนั้น นางแค่้าให้คุณชายน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยขอเพียงมีคุณชายน้อยเป็แรงหนุนทั้งอำนาจและความรักพวกนั้นนางไม่จำเป็ต้องไป่ชิงก็จะกลายเป็ของนางเอง
ทว่าเื่อยากไปเยี่ยมก็ส่วนอยากไปนางจ้าวกลับกังวลว่าหากหลิ่วจิ้งยังคงล้มป่วยอยู่ เกรงว่าอาจเจ็บไข้จะมาถึงตัวนางด้วยนางขบคิดไปมาอยู่เช่นนี้ ที่สุดท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
“เหมยเซียง เตรียมรังนกชั้นเลิศให้ข้ากล่องหนึ่งข้าจะไปเยี่ยมฮูหยิน”
เหมยเซียงเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย มองนางจ้าวอย่างไม่เข้าใจ“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ ท่านมิใช่บอกว่าฮูหยินยังป่วยอยู่เพราะคำนึงถึงคุณชายน้อยจึงไม่ไปััเื่อับโชคเช่นนี้หรอกหรือเ้าคะเหตุใดฮูหยินใหญ่ยังคิดจะไปอีกเล่า”
นางจ้าวโบกมือ ไม่อยากอธิบายให้มากความเวลานี้ร่างกายนางอืดอาดขึ้นทุกวัน พูดมากสักหน่อยก็จะหอบไปหลายชั่วยาม
อย่างไรนางก็ไปเพราะตัวหั่วอี้ เื่เล็กน้อยระหว่างนั้น นางไม่้าให้เหมยเซียงเข้าใจไปเสียทุกเื่
ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสพบหั่วอี้อย่างสมเหตุสมผลสักครั้งต่อให้ต้องทุ่มสุดตัว หนนี้นางก็ต้องไปให้จงได้
ตอนที่นางจ้าวออกไปท้องฟ้าก็มืดหมดแล้วดีที่ในจวนแม่ทัพไม่ขาดเหลือเงินค่าน้ำมันตะเกียงเป็ที่สุด บนทางเดินใหญ่น้อยทุกหนแห่งจึงจุดตะเกียงน้ำมันเอาไว้มากมายเหมยเซียงประคองนางจ้าวเดินไป นางจึงเดินได้อย่างสบายนัก
เมื่อนางจ้าวมาถึง ภายในหอหั่วเยี่ยนก็กำลังครึกครื้นอยู่ทีเดียวที่แท้หลังจากหั่วอี้อาบน้ำแล้วก็กลับไปที่ห้องของหลิ่วจิ้งและมาทันเวลาอาหารเย็นพอดี
นานๆ ครั้งที่หั่วอี้จะมีเวลาอยู่ทานอาหารกับหลิ่วจิ้งในเรือนห้องครัวจึงทำอาหารเพิ่มอีกหลายจาน
คืนวานหั่วอี้สั่งว่าให้อาเหมิ่งต๋าแยกออกไปตามจับโจรที่หนีไปหลังจากอาเหมิ่งต๋าวุ่นวายอยู่ข้างนอกมาทั้งวัน ตอนนี้ก็กลับมารายงานผลกับหั่วอี้และยังมีนายกองเฉินมากับเขาด้วย
ความสนิทสนมของอาเหมิ่งต๋ากับหั่วอี้นั้นไม่ต้องเอ่ยถึงส่วนนายกองเฉินผู้นี้เป็หั่วอี้ผลักดันเขาขึ้นมากับมือเขาย่อมรู้สึกเป็เกียรติที่ได้ภักดีต่อหั่วอี้
คนเหล่านี้ล้วนไม่ใช่คนนอกหั่วอี้ย่อมให้พวกเขาอยู่ทานอาหารเย็นไปพลาง ฟังพวกเขารายงานผลไปพลาง
“คารวะฮูหยินใหญ่เ้าค่ะ” เสียงอวี้จิ่นดังมาจากนอกห้อง
“ฮูหยินอยู่หรือไม่ ข้าตั้งใจมาเยี่ยมฮูหยินโดยเฉพาะ”หลิ่วจิ้งวางตะเกียบในมือ คิดในใจว่าต่อให้เ้าแสร้งทำก็น่าจะแสร้งให้แเีกว่านี้สักหน่อยในห้องมีเสียงหัวเราะเสียงสนทนาดังลั่น กลับยังแกล้งถามว่าอยู่หรือไม่แม่ทัพผู้นี้เลือกหาสตรีเช่นใดมากันนะ แต่ละคนช่ำชองกันทั้งนั้น
“ไฉ่เอ๋อร์มาหรือ รีบเข้ามาเร็ว” หั่วอี้ได้ยินเสียงนางจ้าวกลับไม่ได้ลุกขึ้น
เหตุที่เมื่อครู่นี้นางจ้าวอยู่ตรงประตูแต่จงใจชักช้าไม่เข้ามาในห้องทันทีก็เพราะอยากดูว่าหั่วอี้จะออกมารับนางหรือไม่
ใครๆ ก็ว่ากันว่ามารดาได้ดีเพราะบุตรแม้จะบอกว่าเวลานี้ยังไม่รู้ว่าลูกในท้องจะเป็เด็กชายหรือเด็กหญิงแต่ดีชั่วอย่างไรก็เป็บุตรคนแรกของหั่วอี้ ดังนั้นจึงล้ำค่าและมีความสำคัญยิ่ง
นางจ้าวรอครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นเงาของคนที่นางอยากจะเห็นจึงค่อยก้าวเข้าไปในห้องอย่างไม่ใคร่ยอมใจ
ภายในห้อง หั่วอี้และหลิ่วจิ้งนั่งแนบชิดกันอยู่ในที่นั่งหลัก เห็นดังนี้แววตาของนางจ้าวก็มืดมนลงตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้ แต่ไรมาล้วนเป็ที่นั่งของหั่วอี้เพียงคนเดียวเคยให้สตรีอื่นนั่งข้างเขาแต่เมื่อใดกัน หนำซ้ำข้างๆยังมีอาเหมิ่งต๋าและนายกองเฉินนั่งอยู่ด้วย
เห็นบรรยากาศสำราญภายในห้อง นางนึกด่าทอตนเองอยู่ในใจว่าตนมาเสียเที่ยวจริงๆหนำซ้ำทั้งที่เห็นว่านางมา แต่ท่านแม่ทัพก็ยังไม่มีท่าทีเปลี่ยนไปแต่อย่างใด
นางจ้าวพบเห็นโลกมามากจึงเก็บงำความไม่พอใจอย่างล้นเหลือนี้เอาไว้ในใจ ไม่มีท่าทีออกมาให้เห็นแม้แต่น้อยใบหน้านางมีรอยยิ้มขณะเข้าย่อตัวคำนับหั่วอี้และหลิ่วจิ้งซึ่งนั่งในที่นั่งหลัก“จ้าวไฉ่เอ๋อร์คารวะท่านแม่ทัพและฮูหยินเ้าค่ะ”
“ไม่ต้องมากพิธี ไฉ่เอ๋อร์ตอนนี้เ้ากำลังท้องวันหน้าไม่ต้องมีพิธีรีตองเช่นนี้ ระวังให้มากและคอยดูแลลูกให้ดี รีบนั่งลงเสียเ้าทานอาหารแล้วหรือยัง อยากทานอีกสักหน่อยหรือไม่”
ที่สุดหั่วอี้ก็พูดจาในสิ่งที่นับว่านางจ้าวฟังแล้วเข้าหูแม้ความหมายในทุกถ้อยคำล้วนเอ่ยถึงลูกเป็หลักก็ตามแต่นางก็จะยึดถือเอาว่าเป็ความห่วงใยที่หั่วอี้มีต่อนาง เมื่อคิดได้เช่นนี้ความไม่พอใจที่ได้มาพบเห็นภาพความครึกครื้นในเรือนหลักก็ลดทอนลง
ตอนที่นางจ้าวเข้ามา อาเหมิ่งต๋าไม่ได้มีท่าทีใดกลับเป็นายกองเฉินที่รีบลุกขึ้นยืนประสานมือคำนับนางจ้าว “คารวะฮูหยินใหญ่ขอรับ”
นางจ้าวหันไปยิ้มตอบนายกองเฉินคราหนึ่งนายกองเฉินผู้นี้ติดตามท่านแม่ทัพมาแต่เล็กนางจ้าวเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพหลายปีแล้ว ย่อมคุ้นเคยกับนายกองเฉินเป็อย่างดี
นายกองเฉินให้ความเคารพนางมาโดยตลอดซึ่งย่อมทำให้นางมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างจากผู้อื่นด้วยเช่นกัน
“เรียนท่านแม่ทัพไฉ่เอ๋อร์ทานอาหารเย็นแล้วเ้าค่ะ ตอนกลางวันคอยจะง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดจนยามนี้จึงพอกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง นี่อย่างไรจึงรีบมาเยี่ยมฮูหยินในทันทีเ้าค่ะ”
การมาถึงของนางจ้าวทำให้บรรยากาศซึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่มีอยู่เดิมสงบลงชั่วขณะ
“ขอบใจฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่มีน้ำใจจริงๆข้าขอขอบใจฮูหยินใหญ่ไว้ตรงนี้”
‘แสดง เ้าแสดงไปสิ ทำเป็เสแสร้งอุบายเล็กน้อยเช่นนี้ผู้ใดบ้างจะทำไม่เป็’ หลิ่วจิ้งไม่เชื่อหรอกว่านางจ้าวจะหวังดีกับนางขนาดนั้น
สองตาดำขลับทั้งคู่ของนางจับจ้องนางจ้าว ดูคล้ายว่าซาบซึ้งขอบคุณแต่กลับมีความคิดอ่านลึกล้ำอื่นอยู่ภายใน
“เหมยเซียง เอารังนกที่ข้าจะนำมามอบให้ฮูหยินมา”หลังนางจ้าวสั่งความ เหมยเซียงก็รีบเอากล่องของกำนัลในมือมาวางต่อหน้าทุกคน
หลิ่วจิ้งเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ดูท่าว่านางจ้าวจะ้าแสดงตัวเป็กุลสตรีแสนดีถึงที่สุดให้จงได้เช่นนั้นนางก็จะให้ความร่วมมือแสดงด้วยก็แล้วกันเพราะแสดงละครอยู่คนเดียวก็มิใช่ว่าทุกคนจะแสดงออกมาได้ดี
“ฮูหยินใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ร่างกายของข้าแข็งแรงมาแต่ไรจะขวัญผวาได้ง่ายดายเพียงนั้นได้อย่างไรกัน ฮูหยินใหญ่มอบของกำนัลล้ำค่าเช่นนี้ทั้งที่เป็ฮูหยินใหญ่เองที่ระยะนี้ต้องบำรุงร่างกายให้มาก ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรขอบใจเ้าอย่างไรจึงจะดี”
หลิ่วจิ้งพูดพลางลุกขึ้น เข้าไปรับของกำนัลกับเหมยเซียงด้วยตัวเอง
“อวี้จิ่น รีบไปเอาเห็ดหลินจือที่ท่านแม่ทัพนำมาวันนี้เข้ามาเร็ว”
อวี้จิ่นรีบเข้ามาอย่างคล่องแคล่วเมื่อได้ยินคำสั่ง นางเดินไปหยิบกล่องของขวัญกล่องหนึ่งที่ห่อไว้อย่างงดงามออกมาจากชั้นวางของ
หลิ่วจิ้งรับกล่องมาจากมืออวี้จิ่น “ฮูหยินใหญ่นี่เป็เห็ดหลินจือร้อยปีดอกหนึ่ง แม้ไม่ล้ำค่าเท่าเห็ดหลินจือเืดอกนั้นแต่ก็เป็ยาบำรุงหายาก หวังว่าฮูหยินใหญ่จะรับไว้ถือว่าข้าสร้างคุณูปการต่อทายาทคนแรกของสกุลหั่วในอนาคตก็แล้วกัน”
_____________________________
