ผลงานที่หยางเฉินแสดงออกในการสอบนั้น ต่างเป็ที่สนใจของพนักงานในบริษัทเป็อย่างมาก แม้แต่ใน่พัก หยางเฉินก็ถูกยกให้เป็หัวข้อสนทนาประจำวันไปเรียบร้อยั้แ่ยังไม่เข้าทำงาน
หลังจากเซ็นสัญญาเข้าทำงาน โม่เชี่ยนนีนำหยางเฉินไปยังชั้น 18 ซึ่งทั้งชั้นเป็ของแผนกประชาสัมพันธ์
เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อหยางเฉินเดินเข้าไป พนักงานหญิงต่างให้การต้อนรับหยางเฉินเป็อย่างดี พวกเธอต่างชื่นชมความสามารถของหยางเฉิน ซึ่งนั่นทำให้พวกเธอรู้สึกตื่นเต้น
หลังจากหยางเฉินแนะนำตัวเสร็จ โม่เชี่ยนนีก็พาหยางเฉินไปที่โต๊ะของเธอ
ภายในออฟฟิศ มีกระถางต้นลิลลี่สีแดงวางเล็กน้อย ตกแต่งเรียบง่าย โต๊ะเป็ระเบียบ บนผนังเต็มไปด้วยโล่รางวัลต่างๆ บ่งบอกถึงความสำเร็จของเ้าของห้องเป็อย่างดี
หยางเฉินรู้สึกชื่นชมต่อหัวหน้าคนใหม่ของเขา ผู้หญิงคนนี้ทั้งสวยและมีเสน่ห์ แต่เธอก็มีไหวพริบและความมั่นใจ ไร้ซึ่งการกระทำที่ไม่สมควร ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอได้รับตำแหน่งนี้มาด้วยความสามารถของเธอเอง
"นั่งลงเถอะ จะรับเครื่องดื่มอะไรไหมคะ" โม่เชี่ยนนียิ้มถามอย่างสุภาพ
"ไม่ครับ ผมไม่หิว"
โม่เชี่ยนนีหัวเราะพลางรินน้ำใส่แก้วให้หยางเฉิน
"เหตุผลที่ฉันถามคุณไม่ใช่เพื่อให้คุณดื่มน้ำแก้กระหาย แต่มันเป็การบอกเป็นัย ว่าเรามีเื่ต้องคุยกันอีกนาน คุณเป็ประชาสัมพันธ์ คุณไม่ควรจะพลาดเื่เล็กน้อยแค่นี้นะคะ"
หยางเฉินรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย เขาเพิ่งเข้ามาทำงานวันแรกก็โดนรับน้องเข้าให้แล้ว เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้
"เอิ่ม… คุณโม่ ผมเป็คนกักขฬะ ให้ทำงานอะไรเล็กน้อยผมทำได้หมด แต่บอกตามตรงว่างานประชาสัมพันธ์ผมไม่ถนัดเลยจริงๆ"
"ฉันไม่เชื่อว่าชายที่พูดได้ทั้งอิตาลีและเยอรมัน อีกทั้งยังรู้จักเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนได้รวดเร็วจะเป็คนกักขฬะ"
โม่เชี่ยนนีจ้องมองหยางเฉินด้วยแววตาวาววับสดใส
"เอ่อ..." หยางเฉินอับจนถ้อยคำกับสายตาดั่งเหยี่ยวที่มองมา เขาทำได้แค่ยกมือตอบไปว่า
"คุณโม่ คุณจะเชื่อผมหรือไม่ก็แล้วแต่ ผมมาที่นี่เพื่อหางาน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งประชาสัมพันธ์ต้องทำอะไรบ้าง แต่ขอให้เชื่อเถอะ ในเมื่อผมเซ็นสัญญาเข้าทำงานแล้ว ผมจะทำมันให้ดีที่สุด"
โม่เชี่ยนนีรู้สึกว่าหยางเฉินไม่ได้โกหก เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
"ฉันได้ดูประวัติส่วนตัวของคุณแล้ว รู้สึกว่ามันขัดแย้งกันนิดหน่อย"
"คุณจบปริญญาโทจากฮาร์วาร์ด และเป็คนเดียวจากผู้สมัครทั้งหมดที่จบปริญญาโทจากไอวี่หลีก (มหาวิทยาลัยดังของอเมริกา) เป็เหตุผลเดียวที่คุณถูกยกเว้นในการสอบรอบสุดท้าย แล้วในแง่ของภาษาต่างประเทศและเื่แฟชั่น ความสามารถของคุณก็โดดเด่นมาก"
"ขอบคุณมากครับ ผมแค่โชคดีน่ะ" ฟังหัวหน้ากระหน่ำคำชมมาที่เขา ทำให้หยางเฉินไม่ค่อยสบายใจเท่าไร
โม่เชี่ยนนีเองก็ไม่ค่อยพอใจกับข้อแก้ตัวของหยางเฉิน เธอกลับไปที่เก้าอี้และถามหยางเฉินว่า
"หยางเฉิน ถ้าคุณไม่รู้เื่ตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ทำไมคุณถึงมาสมัครงานล่ะ"
"คุณอยากรู้ความจริงไหม"
"ทำไมฉันต้องไม่อยากรู้ล่ะ?"
"ผมคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณไม่รู้ ความจริงมันค่อนข้างจะลำบากสำหรับคุณ"
"ความจริง ฉัน้าฟังความจริง" โม่เชี่ยนนีหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ลูกน้องใหม่คนนี้ไม่มีความยำเกรงในตัวหัวหน้าเลยหรืออย่างไร?
หยางเฉินถอนหายใจยาว "เอาล่ะ เหตุผลที่ผมมาสมัครงานที่นี่เป็เพราะว่า ภรรยาของผม้าให้ผมหางานที่ดูมีหน้ามีตา"
"ภรรยาของคุณให้คุณหางานที่มีหน้ามีตา?" โม่เชี่ยนนีรู้สึกมึนตึงไปในทันที เธอเลิกคิ้วถามต่อไป "แล้วคุณทำงานอะไรมาก่อน?"
"เอ่อ… ผมขายแพะย่างเสียบไม้อยู่ที่ตลาดตะวันตกน่ะ บางทีคุณอาจเคยเห็นผมมาแล้วก็ได้ ผมทำมาได้ครึ่งปีแล้วล่ะ" หยางเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยรอยยิ้มสดใส
โม่เชี่ยนนีรู้สึกอยากจะบ้า ขายแพะย่าง ชายที่ได้รับการพิจารณาเป็พิเศษจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะเป็คนขายแพะย่าง
"ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะคุณหยางเฉิน คุณอย่ามาล้อเล่นกับฉัน" โม่เชี่ยนนีพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างหนัก
หยางเฉินงงงวยเป็อย่างยิ่ง เขาล้อเล่นเมื่อไรกัน? เขาเปลี่ยนเป็พูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที
"คุณโม่ คุณอาจดูถูกงานของผม แต่คุณไม่ควรดูถูกผม ผมอาจเป็แค่คนขายแพะย่าง แต่ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกคุณ ผมภูมิใจที่เป็คนขายแพะย่าง!"
ใบหน้าของโม่เชี่ยนนีเปลี่ยนเป็ขาวซีด เธอกัดฟันแน่นพูดต่อไปว่า
"นายยังจะล้อฉันเล่นอยู่อีกหรือ? ชายผู้จบจากฮาร์วาร์ด สามารถพูดได้ทั้งสองภาษา แถมรู้จักเสื้อผ้าแฮนด์เมดจากดีไซเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนจะเป็คนขายแพะย่าง? แล้วคนอื่นๆ ล่ะ ทุกคนภายในเมืองนี้ พวกเขาเป็คนขายผักหรือยังไงกัน!"
หลังจากการะเิอารมณ์ของโม่เชี่ยนนีจบลง หยางเฉินก้มหน้าลงทันทีและตอบไปว่า
"คุณโม่ ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาขายผักมาก่อนหรือเปล่า แต่คุณควรไปถามพวกเขาเอาเองนะ"
"นาย… นี่นาย..." โม่เชี่ยนนีราวกับโดนสายฟ้าฟาดแผ่นดินะเิ เขาเป็คนแบบไหนกัน เขาไม่อยากจะโตแล้วใช่ไหม?
หยางเฉินมองหัวหน้าของเขาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าได้ก่อปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว ก่อนจะเข้าทำงานเขาก็ทำหัวหน้าโกรธขนาดนี้ หยางเฉินไม่รู้จะทำเช่นไร เขาจะพูดโกหกแต่ก็ถูกหัวหน้าบอกห้าม พอเขาพูดความจริงเธอก็โกรธเขาอีก แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ หยางเฉินตัดสินใจนิ่งเงียบในที่สุด
โม่เชี่ยนนีเปรียบดั่งวีรสตรีท่ามกลางเหล่าพนักงาน เธออาจจะโกรธ แต่ก็สามารถปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เธอมองหยางเฉินด้วยสีหน้าไม่เหมือนเก่า เธอมองหยางเฉินอย่างกับชายเ้าชู้ที่มาที่นี่เพื่อให้ตัวเธอมีความสุข เมื่อคิดได้ดังนี้เธอก็สงบใจลงได้ ยิ้มบอกกับหยางเฉินว่า
"เอาล่ะ ฉันจะไม่ถามอะไรอีก โต๊ะทำงานของคุณอยู่ด้านนอก ล็อกที่สามและจะมีคนมาบอกนายเื่งานในภายหลัง"
"คุณออกไปได้แล้ว"
"โอ้ว ขอบคุณครับคุณโม่ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้" หยางเฉินพูดราวกับยกูเาออกจากอก ขณะที่กำลังจะลุกออกไปนั้น เขาเหมือนจำอะไรบางอย่างได้ จากนั้นหันกลับมากระดกน้ำในแก้วอึกเดียวรวด พร้อมใช้แขนเสื้อเช็ดปากแล้วเดินออกจากห้องไป
หลังจากเห็นการกระทำนี้แล้ว โม่เชี่ยนนีขมวดคิ้วอีกครั้ง เธอรู้สึกไม่อยากเห็นหน้าหยางเฉินอีก แต่หยางเฉินก็เซ็นสัญญาเข้าทำงานแล้ว ถ้าจะไล่ออก บริษัทก็ต้องจ่ายค่าชดเชยค่อนข้างสูง และต้องได้รับการอนุมัติจาก CEO ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะอยู่ใน่ทดลองงาน เขาก็ยังเป็พนักงานบริษัท
คิดอยู่สักพักเธอก็ยกสายโทรศัพท์ขึ้น
"ฮัลโล" เสียงหญิงสาวออกจากปลายสาย
โม่เชี่ยนนีลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
"ซีอีโอคะ ฉันอยากจะเลิกจ้างพนักงานชายที่เพิ่งเข้ามาทำงานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ค่ะ เขามีปัญหาด้านทัศนคติและปัญหาด้านตรรกะอย่างร้ายแรงค่ะ ฉันขอคำอนุมัติจากท่านคะ"
หญิงสาวในเครื่องแบบซีอีโอเงียบไปสักพักจากนั้นตอบกลับมาว่า
"คุณเพิ่งรับเขาเข้าทำงานไม่ใช่หรือไง ทำไมเปลี่ยนใจเร็วนักล่ะ"
"เอาล่ะ ส่งข้อมูลทั้งหมดของเขามาให้ฉัน ฉันจะตัดสินใจอีกที"
"ค่ะท่าน" หลังจากวางสาย โม่เชี่ยนนีถอนหายใจพลางส่งข้อมูลของหยางเฉินให้ซีอีโอทันที