ยอดเขาิเฟิงสูงตระหง่านกว่าพันจั้ง บนไหล่เขาเต็มไปด้วยซากโบราณ
ขณะเดินไปตามทาง หนิงเทียนจะััถึงกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์ในป่าได้อยู่เสมอ ทว่าเขาก็ต้องกลับมามือเปล่าทุกครา
หลินเสี่ยวซินพูดด้วยรอยยิ้ม “เ้ายังไม่ได้ปลุกทักษะพิเศษจึงไม่สามารถใช้พร์โดยกำเนิดของรากบ่มเพาะได้ โอกาสที่จะคว้ารากบ่มเพาะมาด้วยมือเปล่านั้นแทบเป็ศูนย์”
บ้าเอ๊ย!
หนิงเทียนได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจอย่างมาก ทั้งที่เขาััได้ถึงรากบ่มเพาะแล้ว แต่กลับไม่อาจคว้ามาได้ ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง
“ดูเหมือนข้าต้องปลุกทักษะให้ได้โดยเร็ว”
ยามนี้หนิงเทียนอยู่ในขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า่ต้น ขณะที่การปลุกทักษะจำเป็ต้องอยู่ใน่ปลาย และเมื่อพิจารณาเส้นลมปราณอันมหึมาของตนแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องใช้พลังิญญามากเพียงใด
ระหว่างทางขึ้นยอดเขาิเฟิงมีป่าหินโบราณตั้งอยู่ ที่นั่นมีพืชพรรณบางตา และยามนี้ก็มีผู้บำเพ็ญจำนวนมากมารวมตัวกัน
“ว้าว! มีคนอยู่ตรงซากโบราณเยอะเชียว”
ทันทีที่หนิงเทียนมาถึงก็เห็นว่าผู้บำเพ็ญหลายสิบคนกำลังเดินสำรวจพลางััเศษซากปรักหักพังในป่าหิน ทั้งยังกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างถี่ถ้วนราวกับเกรงว่าตนจะพลาดของดี
“ที่นี่จะมีโชคอยู่บ้างไหมนะ?”
เขาเห็นความคาดหวังบางอย่างในสายตาของคนเหล่านี้ อีกทั้งรากพฤกษาในร่างก็เริ่มสั่นรัว เขาจึงรับรู้ได้ว่าที่แห่งนี้มีรากบ่มเพาะซ่อนอยู่
“จะรีดไถพวกเขาอย่างไรให้สมเหตุสมผลดี?”
บริเวณนี้มีคนจำนวนมาก หากใช้ความรุนแรงคงจัดการได้เพียงสองสามคนและคนอื่นๆ ก็จะหนีเตลิดไป ดังนั้น เขาต้องคิดอย่างรอบคอบ
เขาเดินเข้าไปในป่าหินพร้อมมองไปรอบๆ เพื่อเสาะหาเป้าหมาย
“ไชโย! ข้าพบแล้ว!” หนิงเทียนร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นแล้ววิ่งไปยังเสาหินโดยพลัน ก่อนจะยัดบางสิ่งเข้าสู่อ้อมแขนอย่างรวดเร็ว
“เ้าพบสิ่งใด? จงเอาออกมา”
“ส่งมา! ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องจัดการเ้า”
“เ้าคนป่านี่มาจากที่ใด? กล้าดีอย่างไรมาปล้นของของข้า? รีบส่งมันมาเดี๋ยวนี้!”
เพียงครู่เดียวก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ พร้อมการรวมตัวตรงเสาหินของผู้บำเพ็ญเพื่อกักบริเวณหนิงเทียน
หนิงเทียนยืนบนเสาหินด้วยสีหน้าหงุดหงิด เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มเสียใจกับความตื่นเต้นของตนเมื่อครู่นี้แล้ว
หลินเสี่ยวซินยืนอยู่นอกฝูงชน นางพูดสิ่งใดไม่ออก ชายผู้นี้สามารถสร้างปัญหาได้ทุกที่ที่เขาไปเสียจริง
เ้าพบสมบัติแล้วก็แค่จากไปเงียบๆ ไม่ได้หรือ? จะโห่ร้องทำบ้าอะไร?
เอาละ ทุกคนกำลังจับจ้องเขาอยู่ มาดูกันว่าคราวนี้จะหลบหนีได้อย่างไร?
“เ้าคนต่ำช้า หูหนวกหรือ? รีบส่งของมา!” ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินถือท่อนเหล็กพร้อมขู่คำรามหนิงเทียนด้วยท่าทีสง่างาม
คนมากมายในบริเวณใกล้เคียงต่างหวาดกลัวจนต้องถอยหนี
“หยวนลี่จากสำนักร้อยอสูร! เขาทั้งแข็งแกร่งและดุร้าย”
“หากสิ่งใดตกสู่เงื้อมมือของเขาแล้ว เกรงว่าผู้อื่นจะไม่มีหวังอีก”
ผู้บำเพ็ญหลายคนหวาดกลัวหยวนลี่และไม่อยากยั่วยุเขา
หนิงเทียนพูดอย่างหดหู่ “ทำไมข้าต้องฟังเ้า?”
“ข้าแข็งแกร่งกว่าเ้าหลายพันเท่า หากเ้าไม่มอบของมา ข้าจะทุบตีเ้าให้ตาย!” หยวนลี่เป็คนอารมณ์ร้อน เขาพุ่งหาหนิงเทียนโดยตรง
“เ้ากำลังรังแกข้าด้วยสิ่งที่ข้าหามาอย่างยากลำบาก”
“ข้ารังแกเ้าแล้วอย่างไร?” หยวนลี่ถามพร้อมเหวี่ยงท่อนเหล็กฟาดไปทางหนิงเทียน
เขาอยู่ในขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าทั้งยังปลุกทักษะแล้ว นอกจากนี้รากบ่มเพาะของเขายังมาจากรากลิงิญญา ซึ่งมีพละกำลังมหาศาลถึงขนาดยกูเาได้
หยวนลี่มีรูปร่างสูงและกำยำ ความแข็งแกร่งก็ไม่ธรรมดา ยิ่งปลุกทักษะพิเศษแล้วเขายิ่งมีพลังเพิ่มเป็ทวีคูณจนสามารถปลดปล่อยพลังแขนได้เป็สองเท่าในชั่วพริบตา ซึ่งเพียงพอที่จะกวาดล้างบรรดาผู้ร่วมขอบเขตทั้งหมด ดังนั้น ผู้ที่ทราบรายละเอียดนี้ย่อมไม่กล้ายั่วยุเขา
หนิงเทียนพยายามหลบหลีก ขณะที่ท่อนเหล็กวืดกระแทกพื้นไปมาจนเกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย
“พวกเ้าคิดว่าคนผู้นี้จะทนได้กี่กระบวนท่า?”
“สามกระบวนท่าก็มากเกินพอแล้ว”
“หากปราดเปรื่องเสียหน่อยอาจทนได้อีกสักพัก แต่หากประมาทเลินเล่อ หยวนลี่ก็สามารถเอาชนะได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว”
เหล่าผู้ชมการต่อสู้ต่างพูดคุยกัน พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่าหยวนลี่เป็ฝ่ายชนะแน่นอน
“เ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!” หนิงเทียนยังคงหลีกหนีอย่างต่อเนื่อง แต่การเคลื่อนไหวของหยวนลี่ก็โเี้ขึ้นเรื่อยๆ
นี่ไม่ใช่การชิงสมบัติทั่วไป แต่เป็การจงใจสังหาร!
หยวนลี่หัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “ใต้หล้านี้มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด หากได้เกิดใหม่ในภพหน้า เ้าต้องไม่ลืมพกความฉลาดไปด้วย”
ทันใดนั้นท่อนเหล็กก็ฟาดลงมาอย่างแรง หนิงเทียนชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาเ็าแฝงประกายแห่งเปลวเพลิง และทันทีที่เขาบิดข้อมือขวา พลังิญญาก็มารวมตัวอยู่ที่ปลายนิ้ว ดอกไม้บินห้าดอกค่อยๆ แย้มกลีบ พร้อมลอยหมุนวนอย่างน่าหลงใหล
เมื่อดอกไม้บินบานสะพรั่ง รัศมีใบมีดก็ปลิวว่อนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ก่อนจะพุ่งกระแทกท่อนเหล็กของหยวนลี่อย่างรุนแรงราวูเาถล่ม แขนของหยวนลี่จมลงไปในห้วงแรงกดดันและเปล่งเสียงคำรามแห่งความเคืองแค้นออกมา
พื้นกรวดแตกร้าว ฝุ่นขาวฟุ้งกระจาย คลื่นกระแทกแผ่ขยายไปโดยรอบ
“ให้ตายเถอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เห็นไม่ชัด แต่เหมือนจะเป็การต่อสู้ที่สูสี”
“เ้าหนุ่มนั่นสามารถต่อกรกับหยวนลี่แบบตัวต่อตัวได้หรือ? นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายใช่ไหม?”
แม้จะเห็นการโต้กลับที่ทรงพลัง ทว่าเหล่าผู้ชมก็ยังไม่มองหนิงเทียนในแง่ดี พวกเขายังปักใจเชื่อว่าหยวนลี่จะชนะ
หลินเสี่ยวซินเริ่มกังวลเล็กน้อย แต่นางก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ทำได้แค่เป็ห่วงเท่านั้น
“วัวสูงม้ามหึมา[1]ก็ไม่ได้ทรงพลังนักนี่” หลังจากหนิงเทียนโจมตีกลับ เขาก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น
วิชาทะยานหลงเงาตัดผกาปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มีเพียงสองดอกไม่ใช่ห้า จากนั้นก็มุ่งหน้าหาอีกฝ่ายพร้อมพลังในมือ
หยวนลี่ถอยหลังไปสองก้าวและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
เขาเป็ใคร?
นี่ไม่สมเหตุสมผลเสียเลยที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาขอบเขตเดียวกันจะถูกหนุ่มหน้าขาวผู้หนึ่งโต้กลับ
“เพิ่มพลังทวีคูณ!” หยวนลี่เปล่งเสียงดุดัน ก่อนจะฟาดท่อนเหล็กในมือลงมาจนเกิดเสียงน่าสะพรึงกลัว
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยพละกำลัง พลังิญญาบนปลายนิ้วกลายเป็ใบมีดคม แล้วส่งเสียงพึมพำผสานกับพลังอันน่าสยดสยอง
เคร้ง! เคร้ง!
ท่อนเหล็กและใบมีดปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงกัมปนาท หนิงเทียนยังคงนิ่งเฉย ทว่าร่างของหยวนลี่กลับสั่นสะท้าน เหล็กแกร่งหลุดออกจากมือ ทั้งยังกระแทกหน้าอกจนเขาลอยไปชนเสาหิน
“อั๊ก!” เสียงความเ็ปดังออกมาจากปากของหยวนลี่
ฉากนี้อยู่เหนือความคาดหมาย ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ล้วนพูดไม่ออก ทั้งยังมองอย่างเหลือเชื่อ
“บ้าเอ๊ย! นี่มันเื่บ้าอะไร? หยวนลี่จงใจอ่อนให้หรือ?”
“ให้ตายเถอะ จะมีผู้ใดยอมอ่อนให้เช่นนี้อีก?”
“หยวนลี่ดุร้ายมาก เหตุใดถึงพ่ายแพ้เขาได้?”
ทุกคนสับสน สิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาเมื่อครู่นั้นยากที่จะเชื่อ
มีเพียงหลินเสี่ยวซินที่แสดงความโล่งใจออกมา พลังของชายผู้นี้ช่างโเี้ยิ่งนัก
“เ้าจะทำอะไร?” หยวนลี่เืกบปาก ยิ่งเห็นหนิงเทียนเข้ามาใกล้ ใจของเขาก็ยิ่งบีบรัด
“รังแกเ้าไง!” หนิงเทียนคว้าเท้าซ้ายของหยวนลี่แล้วยกชายร่างสูงกำยำขึ้นมา จากนั้นก็ทุ่มเขาลงจนเกิดเสียงร่างกระทบพื้น ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ล้วนแสดงสีหน้าเ็ป
หยวนลี่กรีดร้อง อวัยวะภายในของเขาแทบแหลกละเอียด สภาพที่ปรากฏตรงหน้าค่อนข้างน่ากลัว
หนิงเทียนแกะถุงมิติของหยวนลี่ออกมา เมื่อเปิดดูก็พบว่านอกจากหินิญญาที่มากกว่าหนึ่งโหลแล้ว ยังมีรากบ่มเพาะอีกด้วย
“ว้าว! สิ่งนี้ยอดเยี่ยมมาก”
เมื่อหนิงเทียนหยิบรากบ่มเพาะออกมา ก็ดึงดูดความอิจฉาของผู้คนนับไม่ถ้วนทันที เพราะมูลค่าของรากชิ้นนี้สูงถึงหินิญญาหนึ่งพันก้อน
“เ้าเด็กเหลือขอไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มันลงมืออย่างโเี้ จัดการมัน!”
หยวนลี่ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เขายังมีสหายร่วมทางและสหายร่วมสำนัก
“ผู้ที่สยบเ้าเด็กนั่นได้ก่อนคือผู้แข็งแกร่ง! หากทำได้ก็รับรางวัลเ่าั้ไป!”
สิ้นเสียงะโ าแย่งชิงรากบ่มเพาะก็เริ่มต้นทันที
“คิดจะปล้นข้าหรือ? หึๆ ข้าก็อยากปล้นพวกเ้าเช่นกัน” หนิงเทียนเบี่ยงกายไปด้านข้างแล้วโบกสะบัดแขนขวา พร้อมกวัดแกว่งกระบี่ซึ่งควบแน่นด้วยมวลพลังิญญาอันยิ่งใหญ่
หลินเสี่ยวซินบ่นขึ้นอย่างรู้ทัน “เขาต้องจงใจทำเช่นนี้เป็แน่”
ในป่าหินมีผู้บำเพ็ญอยู่หลายสิบชีวิต นอกจากหลินเสี่ยวซินแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเข้าโอบล้อมหนิงเทียนเพื่อรอฉวยโอกาสจากสถานการณ์คับขันนี้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากเพียงลำพัง หนิงเทียนก็เต็มไปด้วยจิติญญาอันกล้าหาญ แต่สุดท้ายเขาก็พบกับวิกฤต
แม้เขาจะเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้า แต่ก็ไม่อาจต้านทานการจู่โจมของฝูงชนนับสิบได้ ไม่นานเขาก็ได้รับาเ็ ทว่ายังคงเปี่ยมไปด้วยความโเี้ดังเดิม
“ทะยานหลงเงาตัดผกา!”
จิติญญานักสู้ของหนิงเทียนนั้นสูงส่งยิ่ง อีกทั้งพลังของเขาก็น่าอัศจรรย์ กระบี่อยู่ยงคงกระพัน ไม่จำเป็ต้องอาศัยทักษะอื่นใด เขาแค่ต้องรับมือศัตรูด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น
เส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้ามีข้อได้เปรียบพิเศษในด้านนี้ แม้จะอยู่ใน่ต้น แต่พละกำลังของเขาก็เหนือกว่าผู้บำเพ็ญ่สมบูรณ์เป็อย่างมาก
ในการต่อสู้ระยะประชิด หนิงเทียนต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆ เช่น กลุ่มผู้บำเพ็ญซึ่งปลุกทักษะแล้ว พวกเขาจะมีทั้งทักษะความเร็ว ทักษะเสริมความแข็งแกร่ง ทักษะผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและนุ่มนวล ทักษะเถาวัลย์รัดร่าง ตลอดจนทักษะเจาะทะลุ ซึ่งทักษะเหล่านี้ล้วนป้องกันได้ยาก และเพิ่มความลำบากให้เขา
ดังนั้น เขาจึงอาศัยความมุทะลุของตนแล้วจดจ่อกับการต่อสู้ที่ยาวนานกว่าหนึ่งเค่อ[2] จนสุดท้ายก็สามารถกำราบทุกคนให้ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นได้
“ฮ่าๆ หินิญญาทั้งหมดเป็ของข้า ว้าว! เ้ามีรากบ่มเพาะด้วย”
หลังจากปล้นสัมภาระของพวกเขาแล้ว หนิงเทียนก็ได้รากบ่มเพาะเพิ่มมาถึงสามชิ้น ทั้งยังมีหินิญญาอีกหนึ่งกองใหญ่ นอกจากนี้เขายังรวบรวมอาวุธทุกชนิดที่มีประโยชน์ไว้ในกำไลหยกหยวนอีกด้วย
“เ้ามันโจรไร้มโนธรรม! เอาหินิญญาของข้าคืนมา ฮือๆ”
ภาพตรงหน้าช่างน่าสังเวช ทั้งยังมีเสียงก่นด่าดังขึ้นตลอดเวลา
“หากยังด่าข้าอีก ข้าจะเปลื้องผ้าพวกเ้าให้หมด แล้วจับห้อยไว้บนต้นไม้”
“เ้ากล้าดีอย่างไร? เอ่อ... ไม่นะพี่ใหญ่! อ๊า! กางเกงข้า...”
หนิงเทียนเชือดไก่ให้ลิงดู[3] เขาเปลื้องผ้าคนผู้หนึ่งจนเปลือย ก่อนจะนำไปห้อยบนต้นไม้ให้นกชม ส่งผลให้คนอื่นๆ กลัวจนต้องหุบปากสนิท
แม้หนิงเทียนจะาเ็สาหัส แต่เขาก็มีความสุขกับรากบ่มเพาะสี่ชิ้นและหินิญญาอีกหลายร้อยก้อนในมืออย่างมาก
หลินเสี่ยวซินค่อยๆ ประคองหนิงเทียนออกไป จากนั้นทั้งสองคนก็พากันหาที่หลบซ่อนในป่าทึบ
“สาวน้อย มานี่สิ หินิญญาสองก้อนนี้คือรางวัลของเ้า”
ก่อนหน้านี้หลินเสี่ยวซินได้รับาเ็ และหินิญญาเพียงก้อนเดียวของนางก็ถูกหนิงเทียนแย่งชิงไป ดังนั้น ความเร็วในการฟื้นตัวจึงต่ำลง
“ที่แท้เ้าก็ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง” นางรับหินิญญามาดูดซับพลังเพื่อรักษาอาการาเ็ และในขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวรอบด้าน
หนิงเทียนก็ดูดซับพลังิญญาเพื่อรักษาาแเช่นกัน ทว่าสิ่งที่เขาทำนั้นกลับทำให้หลินเสี่ยวซินใ
“ผู้บำเพ็ญขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าดูดซับพลังิญญาทั้งหมดในหินิญญาหนึ่งก้อน ระดับพลังจะลดลงไปถึงครึ่งเดือน และวันนี้เ้าก็ดูดซับไปแล้วสองก้อน มากเช่นนี้ร่างกายย่อมทนไม่ไหวแน่ หากเ้ายังดูดซับหินิญญาสี่ก้อนในเวลาเดียวกันเพิ่มอีก นี่จะไม่ต่างจากการแสวงหาความตาย”
หนิงเทียนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของนาง เขามีเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าจะมาใช้มาตรฐานเดียวกับคนทั่วไปได้อย่างไร?
ในกระบวนการรักษาตัว เขาสนใจเพียงสถานการณ์ของตนเท่านั้น
ขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าแบ่งออกเป็สี่่ ได้แก่ ่ต้น ่กลาง ่ปลาย และ่สมบูรณ์ ผู้ที่มีพลังิญญาน้อยกว่าสามส่วนของความจุรวมของเส้นลมปราณจะถือว่ายังอยู่ใน่ต้น หากมีสี่ถึงหกส่วนจะอยู่ใน่กลาง เจ็ดถึงเก้าส่วนคือ่ปลายซึ่งสามารถปลุกทักษะได้ และสิบส่วนก็คือ่สมบูรณ์
ยามนี้หนิงเทียนอยู่ใน่ต้นของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า ทว่า่ต้นนั้นมีขนาดกว้างใหญ่เพียงใดเขาเองก็ไม่อาจทราบได้
ในเวลานี้หนิงเทียนจึงพยายามตรวจสอบอย่างจดจ่อ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำเอาเขาพูดไม่ออก
หลังจากชดเชยการใช้พลังิญญาก่อนหน้านี้แล้ว หนิงเทียนก็พบว่าปริมาณพลังิญญาทั้งหมดในร่างเป็เพียงเสี้ยวหนึ่งของความจุในเส้นลมปราณเท่านั้น
นี่มัน่โคตรเริ่มต้นชัดๆ ไม่ต่างจากทารกฝึกคลานเลย!
หนิงเทียนหดหู่ใจอย่างมาก โชคดีที่เขามีหินิญญาอยู่ในมือ
ขณะดูดซับหินิญญา เขาก็ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของพลังิญญาในร่างไปพร้อมกัน หลังจากลองคำนวณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป
ทุกครั้งที่ดูดซับหินิญญาสิบก้อน ปริมาณพลังิญญาในร่างกายของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย...
“ให้ตายเถอะ! ต้องใช้เวลาบำเพ็ญอีกกี่เดือนกี่ปี ข้าถึงจะอยู่ใน่ปลายของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าและปลุกทักษะขึ้นมาได้เล่า?”
น่าหดหู่ยิ่งนัก ข้าต้องใช้หินิญญาอีกกี่พันก้อนกัน?
---------------------------------------
[1] วัวสูงม้ามหึมา (牛高马大) หมายถึง คนที่มีรูปร่างสูงและแข็งแกร่ง
[2] เค่อ (刻) เป็คำบอกเวลาของจีน โดย 1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที
[3] เชือดไก่ให้ลิงดู (杀鸡儆猴) มีความหมายว่า ทำโทษเป็เยี่ยงอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นทำตาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้