บทที่ 25 ลงทุนกับผู้กลับบ้านเกิด ความเข้าใจในวิถียุทธ์ที่สะสมทีละน้อย
ระหว่างทางจากศาลาชิวสุ่ยมุ่งหน้าสู่ถ้ำเทพศาสตรา
หลังจากเดินไปได้เพียงชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป ประตูสำนักก็พลันปรากฏเบื้องหน้า
ในยามนั้นเอง หน้าประตูสำนักกลับมีผู้คนยืนเรียงแถวยาวเหยียด โดยมีผู้ดูแลศิษย์ชั้นนอกท่านหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่ผู้คนที่มาติดต่อ เบื้องหน้าเขามีกองป้ายประจำตัวซ้อนกันอยู่สูงทีเดียว
“ศิษย์สายตรงหลี่”
เมื่อเห็นหลี่โม่ หญิงชราผู้ดูแลจึงทักและก้มตัวคำนับอย่างนอบน้อม แม้ศิษย์สายตรงจะไม่มีอำนาจที่แท้จริงภายในสำนัก แต่สถานะของพวกเขาย่อมสูงกว่าผู้ดูแลศิษย์ชั้นนอกอย่างแน่นอน
หลี่โม่คุ้นหน้าหญิงชราผู้นี้อยู่บ้าง เพราะในวันนั้นเอง เธอยังเคยตรวจรากฐานกระดูกของเขาและระบุว่ามีพร์ระดับปิ่ง (丙)
ศิษย์ชั้นนอกโดยรอบที่กำลังทยอยมาส่งคืนป้ายประจำตัว เมื่อเห็นเสื้อคลุมยาวลายเมฆสีขาวบนร่างของหลี่โม่ ต่างก็แสดงสีหน้าอิจฉาและปรารถนาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่น ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทุกคนต่างส่งป้ายประจำตัวคืนให้หญิงชรา แล้วสะพายสัมภาระเดินออกจากประตูสำนักไป
“พวกเขาเป็อะไรไปหรือขอรับ?”
หลี่โม่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะในยามนี้ยังไม่น่าจะถึงกำหนดเวลาที่สำนักจะขับไล่ศิษย์ชั้นนอกออกไป เหตุใดผู้คนมากมายเช่นนี้จึงมาเข้าแถวส่งคืนป้ายประจำตัว ราวกับจะลาออกจากสำนักชิงเยวียนกันเล่า?
“เพราะการทดสอบศิษย์ใหม่ใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อขึ้นชื่อว่าการทดสอบ ย่อมมีความอันตรายแฝงอยู่บ้าง”
หญิงชราผู้นั้นยื่นมือซ้ายที่กางออกให้หลี่โม่ดู เผยให้เห็นว่านิ้วทั้งห้าของเธอเหลือเพียงสามนิ้ว
“เป็เช่นนี้นี่เอง”
หลี่โม่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เข้าใจความหมายของหญิงชราผู้นั้นได้ในทันที เขาตระหนักว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความมั่นใจในการต่อสู้เพื่อ่ชิงตำแหน่งศิษย์ชั้นใน หากเลือกที่จะอยู่ต่อ ก็จำเป็ต้องเข้าร่วมการทดสอบศิษย์ใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง หากพิการและยังไม่สามารถเข้าสู่ศิษย์ชั้นในได้ ท้ายที่สุดก็จะถูกขับออกจากสำนัก และในอนาคต แม้แต่การใช้ชีวิตก็จะเป็ปัญหาใหญ่หลวง แต่การเสียชีวิตในการทดสอบก็ยังเป็เื่ที่เสี่ยงเลยทีเดียว
“ศิษย์หลายคนหลังจากเข้าสำนักแล้ว ก็มิได้คิดที่จะเข้าสู่ศิษย์ชั้นในเลยด้วยซ้ำ”
หญิงชราผู้นั้นส่ายหน้า พร้อมวางป้ายประจำตัวที่เพิ่งรับมาอย่างไม่ใส่ใจ การเรียนรู้ความสามารถบางอย่างในฐานะศิษย์ชั้นนอก แล้วกลับสู่บ้านเกิดเพื่อเปิดสำนักฝึกยุทธ์ หรือเป็มือปราบ คืออนาคตที่หลายคนมองว่าดีเลิศ
หลี่โม่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความรู้สึกหลากหลาย วิถีแห่งยุทธ์เปรียบดั่งแม่น้ำที่ไหลทวนกระแส ผู้คนส่วนใหญ่หาได้เป็ปลาที่ว่ายทวนน้ำไม่ หากแต่เป็เพียงเม็ดทรายที่ถูกกระแสน้ำพัดพาไปเท่านั้น หากมิใช่เพราะมีระบบช่วยเหลืออยู่ในมือ อนาคตของเขาคงไม่ดีไปกว่านี้เท่าใดนัก คงจะต้องกลับไปที่อำเภอ แล้วภายใต้การจัดการของบิดา ก็คงจะได้เป็หัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ประจำเมืองกระมัง
เขากำลังจะจากไป ทว่าด้วยความบังเอิญ เขากลับใช้ 'เนตรทิพย์ลิขิตฟ้า' ที่เปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา สอดส่องมองผู้คนเบื้องหน้าทีละคน
ทันใดนั้น
ข้อมูลของหลายคนก็พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
【ชื่อ: อู๋ปิง】
【อายุ: 19 ปี】
【รากฐานกระดูก: ไม่มี】
【ระดับ: ปราณโลหิตสามเส้นชีพจร】
【ลิขิตฟ้า: สีขาว】
【คำวิจารณ์: ผลการฝึกยุทธ์ของอาปิงไม่ค่อยดีนัก】
【เหตุการณ์ล่าสุด: เพิ่งได้รับจดหมายว่าสามีคนที่สามของแม่ม่ายหวังที่ปากหมู่บ้านเสียชีวิตแล้ว เตรียมกลับบ้านเกิดเพื่อตามหารักแท้】
...
มองไปรอบๆ
ศิษย์ชั้นนอกกลุ่มนี้ที่ตัดสินใจลาออกจากสำนักชิงเยวียนด้วยตนเอง ส่วนใหญ่แล้ว 'ลิขิตฟ้า' ของพวกเขาเป็สีขาว หรือสีเทา และโดยพื้นฐานแล้วก็ไม่มีมูลค่าในการลงทุนใดๆ เลย เช่นเดียวกับอู๋ปิงผู้นี้ หากช่วยเขาตามจีบแม่ม่ายหวัง สุดท้ายจะได้รางวัลอะไร? หากแย่ที่สุดก็เป็เงินทองไม่กี่อีแปะ หากดีที่สุดก็อาจจะได้ของพิเศษ เช่น ผ้าปิดหน้าอกของแม่ม่ายหวัง...
แน่นอนว่าทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น
【ชื่อ: หลิวฮุย】
【อายุ: 19 ปี】
【รากฐานกระดูก: ไม่มี】
【ระดับ: ปราณโลหิตสามเส้นชีพจร】
【ลิขิตฟ้า: สีดำ】
【คำวิจารณ์: ผู้โชคร้ายที่มักจะถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ】
【เหตุการณ์ล่าสุด: ระหว่างทางกลับบ้านเกิด ถูกหลอกให้ติดกับดักหญิงงาม พยายามเป็วีรบุรุษช่วยหญิงงามแต่ไม่สำเร็จ กลับถูกหญิงผู้นั้นแทงข้างหลังด้วยมีด แล้วโยนลงแม่น้ำให้ปลากิน】
...
หลี่โม่อ่านจบแล้วก็ถอนหายใจแ่เบา อย่างไรเสียก็เป็ชีวิตคน เขาตระหนักว่าตนเองไม่สามารถมองทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเ็าได้ ตราบใดที่มิได้มีความแค้นฝังลึก เขาก็ไม่ปรารถนาที่จะเห็นอีกฝ่ายตายอย่างไม่รู้เื่รู้ราว
“หลิวฮุย!”
“เอ่อ... อืม? ศิษย์สายตรงหลี่?”
หลิวฮุยตะลึงไปชั่วขณะ ชี้ไปที่ตัวเอง ราวกับไม่เชื่อว่าศิษย์สายตรงหลี่ผู้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจะเอ่ยชื่อของเขาออกมา เขาพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าตนเองมีความสัมพันธ์อันใดกับอีกฝ่าย
“ไม่ทราบว่าศิษย์สายตรงหลี่มีเื่อันใดจะสั่งการหรือขอรับ?”
“เ้าจะกลับบ้านเกิด แล้วแวะผ่านอำเภอชิงเหอด้วยหรือไม่?”
หลี่โม่ก้าวเข้าไปถาม
“เอ่อ... ไม่ผ่านขอรับ...”
หลิวฮุยเอ่ยถามด้วยความงุนงง อำเภอชิงเหองั้นหรือ? นั่นไม่เพียงแค่ไม่ได้อยู่บนเส้นทางเท่านั้น แต่ยังอยู่ห่างไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว เดิมทีเขาสามารถเดินทางทางน้ำ ล่องเรือตามกระแสไปก็ถึงบ้านแล้ว แต่หากจะไปอำเภอชิงเหอ ก็จะต้องเดินทางทางบกเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขางุนงงยิ่งกว่านั้นก็คือ หลี่โม่กลับล้วงเอาทองคำแท่งเล็กขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมาจากแขนเสื้อ
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“เอ่อ... ผ่านขอรับ! ผ่าน!”
หลิวฮุยก็ไม่ได้โง่ เขารีบตอบสนองในทันที ดูเหมือน ศิษย์สายตรงหลี่้าให้เขาไปที่อำเภอชิงเหอเพื่ออะไรบางอย่างสินะ ทองคำแท่งเล็กนั่น ดูแล้วน่าจะมีน้ำหนักสี่ถึงห้าตำลึง ซึ่งเพียงพอจะใช้ซื้อบ้านหลังหนึ่งที่บ้านเกิดได้เลย
“อืม ผ่านก็ดีแล้ว”
“เ้าช่วยนำสารไปบอกนายอำเภอหลี่ต้าหลงที่อำเภอชิงเหอหน่อยว่า...”
“ศิษย์สายตรงเชิญกล่าว”
…
ชั่วครู่ต่อมา
หลิวฮุยก็ถือทองคำแท่งเล็กเดินจากไปอย่างร่าเริง บนศีรษะของเขา 'ลิขิตฟ้า' สีดำกลับกลายเป็สีขาวอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์ และเหตุการณ์ล่าสุดของเขาก็กลายเป็ “อ้อมเส้นทางกลับบ้านเกิด ระหว่างทางได้รู้จักกับหัวหน้าคุ้มภัยสำนักคุ้มภัยหยางเวย และได้เป็นักคุ้มภัย”
และที่ข้างหูของหลี่โม่ก็พลันมีเสียงใสกระจ่างดังขึ้น
【ขอแสดงความยินดีกับท่านเ้าของระบบ, ลงทุนสำเร็จ, ช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์สองปี】
แม้หลิวฮุยจะไม่ใช่ผู้มีลิขิตฟ้าพิเศษใดๆ เป็เพียงคนธรรมดาทั่วไป แต่เขาก็ยังคงมอบความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์ถึงสองปีให้แก่หลี่โม่
“นี่ก็นับเป็โชคดีที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว”
มุมปากของหลี่โม่ยกยิ้มเล็กน้อย อันที่จริงเขาไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น สิ่งดีๆ อย่างความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์นั้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ยิ่งน้อยเท่าไหร่ก็ยังคุ้มค่าที่จะสะสม เพราะการสะสมทีละน้อยย่อมก่อเกิดเป็กองใหญ่
ดังนั้น หลี่โม่จึงกระทำตามรูปแบบเดิมๆ
ห้านาทีต่อมา
【ขอแสดงความยินดี, ลงทุนสำเร็จ, ช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์สองปี】
...
สิบนาทีต่อมา
【ขอแสดงความยินดี, ลงทุนสำเร็จ, ช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์สองปี】
...
ครึ่งชั่วยามต่อมา
【ขอแสดงความยินดี, ลงทุนสำเร็จ, ช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต】
【ผลตอบแทนจากการลงทุน: ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์สองปี】
...
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โลกใบนี้มิได้สงบสุขนัก ภัยพิบัติจากธรรมชาติและภัยที่เกิดจากน้ำมืุ์ล้วนมีอยู่ ผู้คนที่ประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างทางกลับบ้านเกิดนั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนพบเจอเสือโคร่งดุร้าย หวังว่าหมัดหกประสานที่เพิ่งฝึกมาจะสามารถต้านทานพลังนั้นได้ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวในการหลบหลีก และกลายเป็อาหารของมันไป บางคนเจอร้านค้ามืด ถูกจับไปทำเป็ซาลาเปาไส้เนืุ้์ กล่าวโดยรวมก็คือ สิ่งเหล่านี้ทำให้หลี่โม่เข้าใจว่า ทำไมตอนที่เขาเดินทางมายังเมืองจื่อหยาง บิดาถึงได้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจ้างสำนักคุ้มภัยมาคุ้มครอง
เหล่าผู้โชคร้ายเหล่านี้ ทำให้หลี่โม่ได้รับผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ นั่นคือความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์แปดปีเข้ากระเป๋า! หากได้ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์อีกสักยี่สิบสามสิบปี ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถผลักดันวิชาใดวิชาหนึ่งไปสู่ขั้นสมบูรณ์ได้
“ก่อนการทดสอบศิษย์ใหม่ จะมีคนลาออกจากสำนักอย่างต่อเนื่อง”
“สามารถมาดูได้ทุกวัน เพื่อหาโอกาสลงทุน”
หลี่โม่ อารมณ์ดีมาก เหลือเวลาอีกสิบสามวันก็จะถึงการทดสอบศิษย์ใหม่แล้ว แม้หลังจากนี้ผู้ที่ลาออกจากสำนักจะลดน้อยลง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์เจ็ดสิบถึงแปดสิบปี ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้วิชาป้องกันตัวหลายวิชาของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้น
หลี่โม่กวาดตามองสำรวจผู้คนในกลุ่มอีกครั้ง พลางรำพึงว่า 'อืม... ไม่มีเด็กหนุ่มผู้มี 'ลิขิตฟ้า' สีดำอีกแล้วหรือ'
เขาจึงก้าวเท้าเดินอย่างพึงพอใจ มุ่งหน้าสู่ถ้ำเทพศาสตรา พลางคิดในใจว่า 'ไม่เป็ไร พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่'
เมื่อครู่เขาได้สอบถามมาแล้วว่าศิษย์ที่ลาออกจากสำนักเพื่อกลับบ้านเกิดจะมาที่หน้าประตูสำนักใน่เช้า และไม่ว่าอย่างไร ่นี้เขาก็ตั้งใจจะไปถ้ำเทพศาสตราทุกวันอยู่แล้ว จึงต้องผ่านที่นี่ทุกวันเป็ปกติ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้