ร่วมเรียงเคียงหมอนหรือ ?
หลินกู๋หยู่คิดเกี่ยวกับเื่นี้แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ ท้ายที่สุดแล้ว ชายและหญิงนอนบนเตียงเดียวกัน มันดูไม่ดีเลย ยิ่งไปกว่านั้น สักวันหนึ่งนางจะไปจากฉือหาง
หลังจากคิดไตร่ตรองถึงเื่นี้ หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกแย่ และส่ายศีรษะอย่างลังเล หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดว่า "ไม่เป็ไร"
“เช่นนั้นเ้านอนบนเตียง ข้าจะนอนบนพื้น” ฉือหางชี้นิ้วมือไปที่เตียงและพูดอย่างใจเย็น
หลินกู๋หยู่อ้าปากอยากจะพูดว่าเอวของเ้ายังไม่หายดีเลย เ้ายังนอนบนพื้นไม่ได้
แต่ก็ไม่พูดออกมา ถ้าพูดจริงๆ คืนนี้ทั้งคู่คงไม่ต้องนอนกันแล้ว เื่นี้อาจพูดไม่จบกันทั้งคืนอย่างแน่นอน
จะต้องนอนบนเตียงจริงๆ หรือ?
เมื่อเห็นว่าเตียงไม่ได้ใหญ่เกินไป หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกวิตกเล็กน้อย
“ถ้ามันไม่ได้จริงๆ” ฉือหางมองไปที่ท่าทางลังเลสับสนของหลินกู๋หยู่ ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เ้านอนบนเตียง ส่วนข้าจะนอนบนโต๊ะก็ได้แล้ว”
มีเตียงให้นอนแต่ไม่นอน จะนอนคว่ำหน้าบนโต๊ะงั้นหรือ?
หลินกู๋หยู่สับสนลังเล "ไม่จำเป็แล้ว เราสองคนนอนบนเตียงก็ได้"
หลินกู๋หยู่ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกอย่างรวดเร็ว นางปีนขึ้นไปบนเตียง ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้านใน
นางรู้สึกใจเต้นตึกตักโดยไม่มีสาเหตุ นางไม่เคยนอนกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน หลินกู๋หยู่จับผ้าปูที่นอนไว้ใต้ร่างอย่างกระสับกระส่าย ถ้าไม่ใช่เพราะผ้านวมคลุมร่างของนาง ฉือหางคงจะมองเห็นความกังวลใจของหลินกู๋หยู่ได้
"ดับเทียนเถอะ" เมื่อเห็นฉือหางถอดเสื้อผ้า หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นพูดอย่างรวดเร็ว จากนั้นมุดตัวลงใต้ผ้านวม ยกมือขึ้นแตะที่จมูกเบาๆ
ฉือหางเดินไปที่โต๊ะ เป่าเทียนด้วยลมหายใจเดียว จากนั้นก็หันหลังกลับเดินไปที่เตียง
เสื้อคลุมด้านนอกทั้งหมดวางอยู่บนม้านั่งข้างๆ ฉือหางทิ้งตัวนอนลงช้าๆ ดึงผ้านวมข้างหน้าเขามาคลุมไว้
ทั้งสองห่มผ้านวมคนละผืน
เดิมทีรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงหายใจของคนข้างกาย หลินกู๋หยู่ไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากพลิกไปพลิกมา หลังจากนั้นไม่นาน หลินกู๋หยู่ก็ยังนอนไม่หลับ หันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ นางถามอย่างไม่แน่ใจ "เ้าหลับหรือยัง?"
"ยัง"
เสียงของฉือหางฟังดูไม่ง่วงนอนเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
หลินกู๋หยู่หายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างลังเลว่า "ก่อนหน้านี้ข้าง่วงมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ข้าถึงไม่ง่วงเลย"
ฉือหางลืมตาขึ้นช้าๆ ค่อยๆ คุ้นเคยกับความมืดเบื้องหน้า หันศีรษะมองหลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างๆ เขา พบกับดวงตาที่สดใสคู่นั้น หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ได้
“อืม” ฉือหางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาเสียงของเขาให้สงบนิ่ง
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลินกู๋หยู่มองไปที่ใบหน้าของฉือหางและพูดอย่างขอบคุณหลายส่วนว่า "ในหลายวันนี้ข้าขอบคุณเ้าจริงๆ ถ้าเ้าไม่ดูแลข้า..."
"ข้าทำได้ไม่ดีนัก" เสียงของฉือหางสงบ แต่ดวงตาของเขาที่จ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่นั้นเต็มไปด้วยไฟอันร้อนแรง
เขาไม่ชอบที่หลินกู๋หยู่สุภาพกับเขามากถึงเพียงนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าระยะห่างของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางนั้นห่างไกลกันมาก
“เ้า” การหายใจของฉือหางคล้ายจะหยุดลงชั่วคราว เขามองหลินกู๋หยู่อย่างกระวนกระวาย ก่อนจะมองไปที่ม่านเตียงสีดำเหนือศีรษะของตนเอง น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ “เ้าจะอยู่ต่อหรือไม่?”
เขาต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายจึงสามารถส่งประโยคนี้ออกไปได้
ในใจของเขา หลินกู๋หยู่นั้นสูงส่งเสมอ เสมือนเขานั่งอยู่บนพื้น เงยหน้าขึ้นมองนางอย่างแ่เบา
ราวกับหลินกู๋หยู่เข้าใจครึ่งหนึ่งไม่เข้าใจครึ่งหนึ่ง นางพูดอย่างลังเลและระมัดระวัง "ตอนนี้ข้าก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ?"
แค่ตอนนี้อยู่ที่นี่
หัวใจของเขาหล่นลงสู่ก้นเหวในทันที ฉือหางยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างขมขื่น ดวงตาของเขาร้อนผ่าว เขาสูดอากาศเข้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว”
นางคงไม่เคยมีเขาในหัวใจกระมัง
บางทีในมุมมองของหลินกู๋หยู่ เขาเป็เพียงภาระ ภาระที่ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้
หลินกู๋หยู่รู้สึกงุนงงกับคำพูดของฉือหางเล็กน้อย นางบอกแล้วไม่ใช่หรือว่านางจะจากไปเมื่อเขาหายดี?
"ฉือหาง พี่ฉือหาง..."
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่ามีบางอย่างในคำพูดของฉือหาง ดังนั้นนางจึงพูดต่ออีกว่า "ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่จากไปจนกว่าเ้าจะดีขึ้น"
เหมือนกับราดน้ำเย็นหนึ่งกะละมังใส่ศีรษะของเขาโดยตรง หนาวเย็นจนสั่นไปทั้งตัว ฉือหางเปล่งเสียงอืมก่อนจะหลับตาลง
ราวกับว่าหน้าอกของเขาถูกก้อนหินกดทับอย่างไรอย่างนั้น เขา้าหายใจ รู้สึกอึดอัดมาก
บางทีอาจเป็เพราะฉือหางไม่ได้เคลื่อนไหวมากเกินไป เปลือกตาบนและล่างของหลินกู๋หยู่เริ่มต่อสู้กัน สุดท้ายจึงผล็อยหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้น ฉือหางก็จุดไฟเบาๆ เพื่อเตรียมทำอาหาร
“ให้ข้าทำอาหารเถอะ” หลินกู๋หยู่สวมเสื้อผ้าและลุกขึ้น จากนั้นเดินตรงไปที่เตาโดยไม่ล้างหน้า
"เ้าเพิ่งตื่น ยังไม่ได้ล้างหน้าเลย เ้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ ให้ข้าต้มข้าวก็ได้" ฉือหางพูดขณะยังคงนั่งยองๆ อยู่หน้าเตา จากนั้นเติมฟืนลงไป
หลังจากหลินกู๋หยู่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว กลิ่นหอมจรุงใจของข้าวก็โชยมาที่ปลายจมูก
ข้าวที่นี่อร่อยจริงๆ ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของข้าว หลินกู๋หยู่เดินไปหาฉือหางอย่างรวดเร็ว มองไปที่หม้อที่อยู่เบื้องหน้าเขา "ขอข้าดูหน่อย"
เมื่อพูดจบ เด็กสาวก็หยิบช้อนจากมือของฉือหาง
ต้มข้าวนั้นง่ายมาก แค่ต้มน้ำและใส่ข้าวลงไปโดยตรง ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นเลยเพียงแต่จะต้องใช้เวลาในการหุงนานสักหน่อย
อาจเป็เพราะฉือหางใจร้อน ทุกครั้งที่ข้าวยังไม่ทันได้สุกเขาก็เริ่มยกออกจากเตาแล้ว
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ข้างเตา รอให้น้ำข้าวเดือด ข้าวต้มจนสุกก่อน จากนั้นจึงหยิบชามและเตรียมที่จะทาน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉือหางล้างจาน นางยืนดูเขาล้างทำความสะอาดชามและตะเกียบ "ข้าจะไปที่บ้านของพี่หญิงหลี่ซื่อเพื่อดูอาการป่วยของแม่สามีและลูกชายของนางเสียหน่อย"
"รอข้าด้วย!" ฉือหางพูดเบาๆ รีบล้างจานและเดินกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
ฉือหางวางชามและตะเกียบในมือลง เดินออกจากห้องไปหาหลินกู๋หยู่โดยไม่ทันได้เช็ดมือ "ไปกันเถอะ"
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง "ข้าไปคนเดียวก็ได้ บ้านเขาไม่ไกลมากนัก"
มีเพียงความเงียบจากเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินกู๋หยู่ แววตาของฉือหางจ้องมองนางอย่างเฉยเมย
แววตาทั้งสองข้างนั้นเหมือนแอ่งน้ำ หลินกู๋หยู่มองไม่เห็นอะไรเลย
“ร่างกายของเ้ายังไม่หายดี” ฉือหางกล่าว ยกมือขึ้นเพื่อรวบเศษผมที่บังบนหน้าผากของหลินกู๋หยู่ทัดไว้ด้านหลังใบหูอย่างเป็ธรรมชาติ
โดยปราศจากการต่อต้านของนาง ฉือหางมองหลินกู๋หยู่อย่างมีความสุขอยู่หลายส่วน
"อืม"
เมื่อหลินกู๋หยู่และฉือหางมาถึงบ้านของหลี่ซื่อ พวกเขาก็เห็นหลี่ซื่อกำลังให้อาหารแม่สามีและลูกของนาง
หลินกู๋หยู่ถอนหายใจเบาๆ หากหญิงแซ่หลี่คนนี้ล้มป่วยด้วยละก็ ทั้งครอบครัวอาจจะเสียชีวิตที่บ้านโดยไม่มีใครรู้ก็เป็ไปได้
ในขณะที่กำลังป้อนอาหารให้แม่สามี หลี่ซื่อก็พูดว่า "น้องหญิงหลิน เ้านั่งก่อน ข้าจะป้อนอาหารให้พวกเขาก่อน"
“ข้าจะช่วยเ้าป้อนอาหารให้ลูกของพี่หญิงเอง” หลินกู๋หยู่พูด ก่อนจะหยิบโจ๊กที่อยู่ข้างๆ และป้อนอาหารให้เด็กอย่างระมัดระวัง
หลังจากป้อนอาหารให้ผู้ป่วยทั้งสองคนเรียบร้อย หลี่ซื่อก็มีเวลาว่างแล้ว ใบหน้าของนางฉาบด้วยรอยยิ้ม "เมื่อเช้านี้ เมื่อข้าตื่นขึ้น แม่สามีบอกว่าท่านรู้สึกดีขึ้นมาก"
หลินกู๋หยู่จับชีพจรของแม่สามีของหลี่ซื่อ พลางฟังคำพูดของหลี่ซื่อ นางพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงว่านางรับรู้
หลี่ซื่อยืนอยู่ด้านหลังหลินกู๋หยู่อย่างกระวนกระวาย นางเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ด้วยความรู้สึกประหม่าสุดจะทน
"ร่างกายดีขึ้นจริงๆ" หลินกู๋หยู่พูดอย่างใจเย็น และค่อยๆ วางมือของแม่สามีของหลี่ซื่อลง "แต่พี่หญิงยังต้องใส่ใจให้มาก ร่างกายของคนชรานั้นมักจะอ่อนแอกว่าเสมอ"
หลี่ซื่อพยักหน้าอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มที่มุมปากของนางไม่สามารถหุบได้แล้ว
ถัดมาตรวจชีพจรของลูกชายของหลี่ซื่อ ความสามารถในการฟื้นตัวของเด็กนั้นดีมากกว่าคนชรา นางรู้สึกว่าอาการป่วยของเขาดูเหมือนจะดีขึ้นมาก
ทุกอย่างกำลังจะเป็ไปในทิศทางที่ดี
ใน่แรก คนกลุ่มหนึ่งยืนล้อมบ้านของหลี่ซื่อ คนเ่าั้กำลังรอดูผลการรักษาของหลินกู๋หยู่
ในความเป็จริง หลินกู๋หยู่ไม่จำเป็ต้องพูดอะไร ผู้คนที่ยืนอยู่ที่ประตูได้เห็นสีหน้าแม่สามีของหลี่ซื่อและลูก พวกเขาก็รับรู้แล้วว่าอาการป่วยของทั้งคู่ดีขึ้นมาก
ทันทีที่หลินกู๋หยู่ออกไป คนเ่าั้ก็รีบทักทาย เจ็ดปากแปดลิ้นแย่งกันพูด
“น้องหญิงหลิน ลูกสาวของข้าไม่สบาย เ้าช่วยรักษานางให้ที!”
“น้องหญิงหลิน พ่อของข้าป่วยแล้ว เ้ารีบไปดูกับข้าหน่อย”
"น้องหญิงหลิน เ้าช่วยมารักษาอาการป่วยให้สามีของข้าด้วย!"
...
คนเ่าั้รุมล้อมเข้ามา แต่ละคนต่างพูดเื่ส่วนตัวของตนเอง
มีคนหนึ่งเอื้อมมือไปจับมือของหลินกู๋หยู่ แต่หลินกู๋หยู่ปัดมันทิ้งไป
คนที่เหลือเริ่มดึงหลินกู๋หยู่
รำคาญ น่ารำคาญจริงๆ รำคาญโว้ยยยยยยย!
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ผลักพวกเขาออกไปทีละคน
เมื่อฉือหางเห็นว่าหลินกู๋หยู่ถูกล้อมรอบด้วยคนเ่าั้ในมุมหนึ่ง เขาก็ช่วยผลักฝูงชนออกไปและเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นยังผลักคนที่จับชายเสื้อผ้าของหลินกู๋หยู่ออกไปด้วย
คนเ่าั้แต่ละคนล้วนเห็นแก่ตัว พวกเขา้าให้หลินกู๋หยู่ช่วยรักษา แต่ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของนางแม้แต่คนเดียว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉือหางก็เหลือบมองฝูงชนอย่างเฉยเมย "นี่เป็วิธีที่พวกเ้าเชิญหมอไปรักษาหรือ?"
ถ้อยคำนี้ค่อนข้างรุนแรงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าพวกเขาควรปฏิบัติต่อหลินกู๋หยู่อย่างไร
ทันใดนั้นโลกที่ไม่สงบก็ค่อยๆ มลายหายไป หลินกู๋หยู่มองที่แผ่นหลังของฉือหาง นางรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ได้
“พวกเ้าอย่ารีบร้อน” หลินกู๋หยู่กระแอมไอในลำคอ “มาทีละคน วันนี้ข้าน่าจะสามารถช่วยตรวจโรคให้คนในครอบครัวของทุกคนได้”
“อย่างไรก็ตาม” หลินกู๋หยู่มองไปที่ฝูงชนอย่างเ็า “ข้าไม่ใช่เทพธิดานาง์ บางคนข้าไม่อาจช่วยให้รอดชีวิตได้ ถ้าเกิดพวกเขาตายไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
ตอนนี้หัวใจของทุกคนเป็เหมือนกระจกรู้ชัดแจ้งเต็มอก หากหลินกู๋หยู่ไม่ช่วยชีวิตสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา คนเ่าั้ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขาแต่ละคนยืนยันว่า ไม่ว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิตหรือจะมีชีวิตรอด ทั้งหมดล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินกู๋หยู่ ดังนั้นหลินกู๋หยู่จึงเตรียมตัวเพื่อช่วยคนเ่าั้
จะช่วยชีวิตผู้คน แน่นอนว่าจะต้องใช้วัวจากบ้านของแม่ม่ายสู ถ้าวัวตัวนั้นไม่มีตุ่มฝีดาษ คนในหมู่บ้านจะไม่มีใครหายจากไข้ทรพิษได้
แม่ม่ายสูเป็คนคุยง่าย นางยอมให้เอาวัวไป
สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าหลินกู๋หยู่จะไปไหน ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่รอบตัวนางเสมอ และยังมีบางคนที่คอยช่วยจับวัวโดยเฉพาะ
ทันใดนั้น ฟางซื่อก็วิ่งออกมาจากฝูงชน นางคว้ามือของหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของนางน่าเกลียดมาก "ฉือเย่กำลังจะตายแล้ว! รีบตามข้าไปดู เร็วเข้า!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้