บนลานประลอง เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทั้งสองคนก็ประมือกันไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ถึงแม้ท่าทางการโจมตีของอู๋ทงจะดูเรียบง่ายและบุ่มบ่าม แต่กลับสามารถเล็งไปที่จุดตายในทุกครั้งที่ปล่อยการโจมตีออกไป ทำให้โจวไคจะต้องมีสมาธิสูงมาก เพื่อรับมืออย่างสุดกำลัง!
เพราะเมื่อยอดฝีมือมาประลองกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทันระวังก็อาจจะตกอยู่ในความหายนะได้
“รีบดูเร็ว โจวไคต้านได้แปดกระบวนท่าแล้ว!”
ในเวลานี้เอง โจวไคอาศัยแรงปะทะจากหมัด หาช่องเพื่อเก็บดาบคู่ของเขาที่อยู่บนลานประลองของเขากลับมา แต่ในเวลานี้ อู๋ทงก็หยิบค้อนดาวตกของในมือของเขาทุบโจมตีอย่างบ้าคลั่ง!
โจวไคสบถออกมา เขาไขว้ดาบคู่ แล้วยกขึ้นต้านพลังแรงทุบอันหนักหน่วงของอู๋ทง เขาไถลออกห่างออกไปถึงห้าสิบเมตรจึงหยุดลง
แรงกำลังของอู๋ทงนั้นดุดันมาก ลมปราณของเขาพุ่งะเืไปที่หน้าอกของโจวไค ทำให้เขากระอักเืออกมา
แต่ว่า โจวไคก็ยังไม่ล้มลง!
“ร้ายกาจจริงๆ ...”
มีคนเห็นว่าโจวไคต้านการโจมตีของอู๋ทงไปแล้วถึงแปดกระบวนท่าแต่ยังไม่ล้มลง ก็ส่งเสียงออกมา
คนที่เคยบอกว่าโจวไคไม่น่ารับมือได้เกินสิบกระบวนท่าต่างเก็บปากเงียบหมด พวกเขารู้ดีว่า โจวไคน่าจะเป็ผู้แข็งแกร่งที่จะประมาทไม่ได้ สายตาของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็ความชื่นชมนับถือโจวไคขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ในเวลานี้เอง อู๋ทงที่เดิมอยู่บนลานประลองก็ะโลงมาอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใด เกิดเสียงดังขึ้นจากขาด้านขวาที่แข็งแรงของเขา เท้าที่เหมือนแส้กระทุ้งเข้าใส่ด้านข้างของโจวไค
นี่คือกระบวนท่าที่เก้า!
โจวไครับมืออย่างทุกลักทุกเล แต่ร่างของเขาก็ยังปลิวกระเด็นออกไปไกล
“เ้าหนู เ้ายังรับการโจมตีกระบวนท่าที่สิบของข้าได้ไหม?”
“ัคู่ท่องทะเล!”
อู๋ทงส่งเสียงแล้วสะบัดแขนทั้งสองข้าง ค้อนดาวตกลอยออกมาแล้วพุ่งไปยังโจวไคที่ตอนนี้ปลิวลอยอยู่กลางอากาศยังไม่ตกลงมายังพื้น
เมื่อเห็นค้อนดาวตกที่พุ่งราวกับอุกกาบาตอันน่าสะพรึงกลัวถูกทุบลงมาจากฟากฟ้า โจวไคที่ยังลอยอยู่กลางอากาศจึงหลบไปที่ไหนไม่ได้เลย กระบวนท่าโจมตีครั้งนี้ เขาทำได้แค่ต้องรับมือไปตรงๆ!
“ขอสู้ตายล่ะนะ!”
โจวไคกัดฟันพูด เขาใช้ดาบคู่ในมือรับมือกับค้อนดาวตกอย่างเต็มที่ พริบตาเดียว ก็เกิดเสียงะเิบนดาบคู่ กลายเป็เศษดาบปลิวไปทั่วสี่ทิศ
ลมปราณอันบ้าระห่ำกระแทกไปยังหน้าอกของโจวไค ทำให้เขาปลิวลอยไปไกลอย่างว่าว แค่ไม่กี่อึดใจเขาก็ตกลงมาอยู่ที่ขอบเวทีด้านล่าง
ทั่วทั้งลานประลองเงียบไปหมด สุดท้ายแล้วโจวไคก็ไม่สามารถต้านทานพลังของอู๋ทงถึงสิบกระบวนท่าได้
“ช้าก่อน ...”
ในเวลานี้เอง ก็มีผู้ชมพบว่ามือของโจวไคนั้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ จากนั้น สายตาของทุกคนก็ดูตะลึงไป โจวไคใช้มือดันพื้น ตัวสั่นไปทั้งตัว แล้วพยายามลุกขึ้นมา
หลังจากถูกะเิโจมตีของอู๋ทงเข้าเต็มๆ แล้วยังลุกขึ้นมาได้อยู่ ร่างกายของเขาจะต้องแข็งแกร่งในระดับไหนกันแน่นะ?
ผู้ชมทั้งหลายต่างเห็นถึงพร์และจิตใจที่มุ่งมั่นพยายามของเขาทำให้ทึ่งไปตามๆ กัน แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็คนเริ่มนำะโออกมาว่า “ลุกขึ้นมา ...”
“ลุกขึ้นมา! ลุกขึ้นมา! ลุกขึ้นมา!”
ทุกคนชูมือขวาที่เป็กำปั้นขึ้นเหนือหัว เสียงให้กำลังใจโจวไคดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว
ผ่านไปประมาณสิบอึดใจ ในที่สุดโจวไคก็ลุกขึ้นมาจนได้ ในเวลานี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยาแ แต่ว่า เขาก็ยังคงได้รับเสียงชื่นชมจากทุกคนอยู่
“ข้าทำได้แล้ว!”
โจวไคอดทนต่อความเ็ป แล้วมองไปที่เหล่าผู้ชมด้วยความลำพองตน เสียงโห่ร้องที่ดังสนั่นมันทำให้เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างมาก
อู๋ทงอายุสี่สิบแล้ว โจวไคที่มีอายุแค่ยี่สิบสามปีกลับสามารถรับมือกับอู๋ทงได้ถึงสิบกระบวนท่าได้ ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน โจวไคอาจจะสามารถไปถึงระดับเดียวกับอู๋ทงก็เป็ได้
ในเวลานี้ ผู้คนต่างโห่ร้องะโกันสนั่นหวั่นไหว มันทำให้ในใจของโจวไคนั้นเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จอย่างมากมายขึ้นมา
ถูกต้อง การที่มีผู้ชมเหล่านี้อยู่ ก็เหมือนเป็การช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโจวไค การช่วยเสริม การยกย่องแบบนี้ มันทำให้โจวไครู้สึกเร่าร้อนและกระตือรือร้นมากกว่าเดิม
เป็ไปอย่างที่โจวไคคิด การแบ่งแยกระหว่างคน คือเขาต้องเป็คนเหนือคน!
“เหอะๆ รับมือข้าได้ถึงสิบกระบวนท่า ถือว่าเป็เกียรติสูงสุดในชีวิตเ้าแล้ว”
อู๋ทงโบกมือแล้วพูดเสียงต่ำๆ ว่า “ไสหัวไปซะ”
ถึงแม้อู๋ทงจะพูดจาค่อนข้างหยาบคาย แต่โจวไคจะไปกล้ามีอารมณ์ที่ไหนอีก? เขาพยักหน้า กัดฟันทนความเ็ป แล้วะโลงจากเวทีไป
“การแข่งขันท้าประลองรอบที่สิบ ยังมีใครกล้าท้าสู้กับข้าอีกไหม?” อู๋ทงทุบค้อนดาวตกในมือของเขาลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังขึ้น เขาเหยียบขึ้นไปอยู่บนหัวค้อน แล้วมองไปรอบๆ แต่ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างก้มหน้าลงกันหมด
ห้องพักรอที่ชั้นสองเองก็เงียบกริบ ิอวี่ขมวดคิ้วมองไปที่ลานประลองหมายเลขสามสิบห้า ในใจก็เกิดความลังเล ช่างเถอะ เริ่มจากการท้าประลองรอบแรกก่อนแล้วกัน เพราะทำตัวโดดเด่นเกินไป ก็ไม่ใช่แนวของเขา
จากนั้น ิอวี่ก็ถอยออกจากหน้าต่าง เตรียมจะไปหาลานท้าประลองที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง
“การแข่งท้าประลองรอบที่สิบ เงินรางวัลห้าแสนเหรียญหยกดำ บวกกับเงินที่อู๋ทงประลองชนะมาได้อีกหนึ่งล้านเหรียญหยกดำ รวมทั้งหมดเป็หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญหยกดำ ไม่มีใครเลือกที่จะมาประลองเลยหรือ?” เสียงพิธีกรดังขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น ิอวี่ก็ชะงักไป เขาหันมายิ้มแล้วส่ายหน้า “ทำไมไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้ล่ะ”
หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญหยกดำ มันขาดอีกแค่ห้าแสนเหรียญก็จะได้เป้าหมายสองล้านเหรียญหยกดำที่เขา้าแล้ว อาการป่วยของหยางเสวี่ยหรง ช้าไปหนึ่งวัน ก็จะต้องอันตรายเพิ่มขึ้นอีกวัน ิอวี่ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ!
“พรึ่บ!”
ิอวี่พลิกตัวลงจากหน้าต่าง ใช้เวลาแค่ไม่กี่อึดใจปลายเท้าของเขาก็ััลงที่พื้นของลานประลองหมายเลขสามสิบห้า
ิอวี่ทักทายอู๋ทงอย่างมีมารยาท “เฮ้ เ้าั์”
“หือ?”
เดิมทีอู๋ทงคิดว่าครั้งนี้ก็คงไม่มีใครมาสู้กับเขาอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมีเงาคนคนหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเขา พอก้มหน้ามองดู เขาก็เห็นเด็กหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลาคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มให้กับเขาอยู่ พอเห็นเด็กหนุ่มร่างกายดูอ่อนแอ อู๋ทงคิดว่าเขาคงตาลาย แต่พอตั้งใจมองไปอีกที ก็พบว่าเขาไม่ได้มองผิดเลย
ทุกคนรอบลานประลองล้วนแต่ตะลึงกันไปหมด เด็กหนุ่มคนนี้อายุแค่สิบห้าสิบหกเอง เขามาจากไหนกันนะ?
“ิอวี่?”
ด้านข้างลาน โจวไคที่กำลังจะไปรักษาอาการาเ็พอเห็นิอวี่ขึ้นไปบนลานประลองก็รู้สึกตะลึง จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา
เ้าคนไม่เอาไหน เ้าไม่สนใจคำพูดที่ข้าบอกเ้าไปเลย ในเมื่อเ้ามันบ้าถึงขนาดนี้ กล้าเกินไปที่ออกไปท้าประลองกับอู๋ทง ถ้าหากเ้าตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้วนะ
“เอ่อ ลองตรวจสอบข้อมูลการเข้าร่วมประลองก่อนไหม”
พิธีกรที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ท่านผู้กล้า ิอวี่ อายุสิบหก มาจากเมืองอวินสุ่ย ... ท่านแน่ใจนะว่าท่านจะขอท้าประลองกับอู๋ทงผู้ที่มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่ห้าระดับลอกคราบ ที่ผ่านการท้าประลองมาแล้วถึงเก้าครั้ง ทั้งยังมีประสบการณ์สูงมาก และพลังการต่อสู้โดยรวมก็แข็งแกร่งมากจริงๆ น่ะ?”
พิธีกรตั้งใจพูดให้ดูรุนแรง ก็เพื่อให้ิอวี่รู้ว่ามันยากแล้วจะได้ยอมถอยไปเอง
ไม่มีใครรู้ฐานะของิอวี่เลย พวกเขารู้แค่ว่าในวังหลวงนั้นมีองค์ชายไม่เอาไหนอยู่คนหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาชื่อว่าิอวี่ แล้วเพื่อไม่ให้เป็ที่สะดุดตา เขายังแก้ไขสถานที่เกิดเป็เมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล เพื่อปกปิดฐานะที่แท้จริง
“ที่จริงเ้าไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนั้นก็ได้ ข้าแน่ใจ” ิอวี่ตอบกลับไป
“ก็ได้”
พิธีกรใช้สายตามองไปที่ิอวี่เหมือนมองคนตาย แล้วพูดว่า “เริ่มการประลอง ขอให้เ้าโชคดีนะ”
พูดจบ เสียงโห่ร้องจากด้านล่างลานประลองก็ดังขึ้น ิอวี่อายุแค่สิบหก มีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่สามก็ถือว่าสูงที่สุดแล้ว
แม้แต่โจวไคที่มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนระดับสูงสุดของขั้นที่สี่ยังฝืนรับมืออู๋ทงได้แค่สิบกระบวนท่าเท่านั้น พูดได้เลยว่า ิอวี่แทบไม่มีสิทธิได้อวดดีเลยด้วยซ้ำ!
“เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้มาจากไหนกันเนี่ย?”
อู๋ทงเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคู่ต่อสู้ของเขานั้นจะเป็คนที่ดูอ่อนปวกเปียกไม่เอาไหนแบบนี้ เขาพูดว่า “รีบยอมแพ้ แล้วกลับบ้านไปกินนมแม่ไป ข้าไม่อยากสู้กับเด็กไม่หย่านมแบบนี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ...”
คำพูดของอู๋ทง ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่ลานประลองหัวเราะกันหนักมาก แต่มันก็เป็แบบนั้นจริงๆ ในสายตาของพวกเขา ด้วยรูปร่างของิอวี่ที่ดูไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงในการต้านทานอะไรได้เลย ผู้ท้าทายคนนี้ดูตลกเกินไปหน่อยไหม
ิอวี่หุบยิ้ม แล้วชักสีหน้าจริงจัง “เ้าหัวโล้น ข้าทักทายเ้าเพราะเป็มารยาท แต่คำพูดของเ้ามันดูไร้การศึกษาไปหน่อยนะ”
คำพูดของิอวี่ทำให้ทุกคนในลานประลองถึงกับตะลึงไป หัวโล้น ... เป็ ... เป็คำเรียกขานอู๋ทงอย่างนั้นหรือ?
ิอวี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ? แค่คิดว่าอีกเดี๋ยวเขาก็ตายแล้วยังไม่อนาถพอหรืออย่างไร อยากจะให้แย่กว่านั้นอีกหรือ?
อู๋ทงมองมาที่ิอวี่ด้วยท่าทางน่าสนุก ไม่มีใครเรียกเขาว่าหัวโล้นมานานมากแล้ว เพราะคนที่เรียกเขาแบบนี้ ล้วนแต่ถูกเขาทุบจนเละเป็โจ๊กไปหมดแล้ว!
อู๋ทงคิดดีแล้วว่าอีกเดี๋ยวจะจัดการหักกระดูกิอวี่อย่างไร จากนั้นหลังจากที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งร้องขอชีวิตแล้ว เขาก็จะฉีกปากหมาๆ ของิอวี่ซะ
“ก่อนหน้านี้เ้าสู้ศึกมาแล้วเก้ารอบ พลังน่าจะลดลงไปบ้างแล้ว ข้าจะไม่ใช้กระบี่ จะได้ยุติธรรมหน่อย” เมื่อประเมินแล้ว ิวี่ก็พูดแบบนี้ออกมา
คำพูดนี้ ทำให้ผู้ชมที่อยู่รอบลานประลองถึงกับตกตะลึงไปกันหมด การรับมืออู๋ทงได้สิบกระบวนท่าก็ถือว่าเป็เกียรติสูงสุดมากแล้ว แต่ิอวี่กลับพูดเหมือนกับว่าเขาออมมือให้กับอู๋ทงอย่างนั้นแหละ
บ้า! บ้าไปแล้ว!
อู๋ทงจะรับความความอัปยศอันใหญ่หลวงนี้ได้อย่างไร เขาตะคอกเสียงดังว่า “ตายซะเถอะ เ้าเด็กบ้า!”
พอพูดจบ อู๋ทงก็วิ่งพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของเขาเดิมก็ค่อนข้างใหญ่มากอยู่แล้ว แต่ระดับความเร็วของเขามันน่าทึ่งกว่า ราวกับช้างเชือกหนึ่งที่กำลังถือค้อนดาวตกวิ่งพุ่งเข้ามา
ในวินาทีต่อมา อู๋ทงก็กางแขนที่ใหญ่เหมือนถังน้ำออก จากนั้นก็ประกบมือกลับมาที่ตรงกลาง
“สายฟ้าพุ่งชน!”
“อือ!”
ค้อนดาวตกสองหัวกวาดไปทั้งซ้ายและขวา แล้วตวัดใส่ไปที่ิอวี่ เพื่อปิดเส้นทางหนีด้านข้างของิอวี่
หากิอวี่ไม่หลบ เมื่อหัวค้อนทุบเข้ามา เขาก็จะถูกสายฟ้าของค้อนเหล็กทุบประกบเข้ามาจนเละเป็โจ๊ก หากิอวี่เลือกที่จะะโหนี เขาก็จะเคว้งอยู่กลางอากาศ กลายเป็เป้าให้อู๋ทงเล่นงาน
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อู๋ทงนั้นเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากจริงๆ แค่กระบวนท่าเดียว ก็ทำให้ิอวี่นั้นลำบากแล้ว
“ตายซะเถอะ เ้าเด็กไม่เอาไหน!”
โจวไคที่อยู่ด้านล่างลานประลองหัวเราะ นี่แหละจุดจบที่ทำให้อู๋ทงไม่พอใจ!
แต่ใครจะคิด ิอวี่กลับประสานแขนแล้วกำหมัด เืลมอันเร่าร้อนราวกับลาวาพุ่งพล่านเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้น เขาก็สะบัดแขนออกไปอย่างแรง หมัดของเขาเหมือนกับลูกะุปืนสองลูกใหญ่พุ่งชนเข้ากับค้อนดาวตกสองอันที่ขนาบข้างมาทั้งซ้ายและขวา
“ตู้ม!” เสียงดังที่รุนแรงะเืแก้วหูผู้ชมทุกคนที่อยู่รอบลานประลอง ราวกับถูกค้อนทุบมาที่ใจของพวกเขา
พวกเขาจ้องไปบนลานประลอง กลับพบว่า ชายหนุ่มชุดดำคนนั้นใช้หมัดสองข้างที่ราวกับเหล็กกล้าซัดเข้าใส่ค้อนดาวตก โดยที่ขาทั้งสองข้างของเขานั้นยังอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหนเลย
ต้านได้แล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้