บทที่ 78 ค่ำคืนในป่าสีเื
พลบค่ำมืดมิดราวโลหิตเข้มข้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมอกหนา แสงสีแดงสะท้อนดวงจันทร์ฉาบฉาย
หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน ป่าสีเืขนาดใหญ่ก็อันตรายมากขึ้น เสียงสัตว์ปีศาจคำรามดังอย่างต่อเนื่อง ดูน่ากลัว
ภายใต้การนำของซ่งอี้ ทุกคนในกลุ่มัเหล็กมาถึงแม่น้ำที่คดเคี้ยวโดยไม่มีอันตรายใดๆ ตั้งค่ายข้างูเาหินเล็กๆ วางสิ่งของสำหรับการขนส่งไว้ และเริ่มจุดไฟเพื่อเตรียมอาหารเย็น
“ซ่า-”
ข้างค่ายมีแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลเชี่ยว คลื่นน้ำสะท้อนท้องฟ้าสีแดงเข้มและแสงสุดท้ายของอาทิตย์อัสดงส่องแสง
ฉู่อวิ๋นเดินไปที่แม่น้ำ นั่งยองๆ แล้ววักน้ำมาล้างหน้า ทำให้ร่างกายของเขาเย็นและสดชื่นขึ้น
“ตึก ตึก ตึก”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมา เขาลุกขึ้นยืนและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือป่าทึบโดยไม่รู้ตัว
ยามนี้เอง เขามองเห็นแสงสายรุ้งพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในระยะไกล พุ่งสูงและส่องประกายด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ราวกับัที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และหายวับไปในพริบตา
“นั่นคืออะไร?” ฉู่อวิ๋นใเล็กน้อย เขาจำได้ว่าเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนตอนที่เขาอยู่ที่ทะเลโอสถ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในป่าสีเื จึงสามารถเห็นมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แสงที่หายวับไปบนท้องฟ้าดูเหมือนจะมีชีวิต ทำให้หัวใจของฉู่อวิ๋นเต้นแรง
“จิ๊ดจิ๊ด!”
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหวงก็ะโออกจากอ้อมแขนของมู่หรงซินและรีบะโเข้ามาในฝ่ามือของฉู่อวิ๋น มันส่งเสียงร้องแหลมอย่างต่อเนื่อง ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองไปยังทิศทางของสายรุ้ง
ดูเหมือนว่าเสี่ยวหวง้าให้ฉู่อวิ๋นพามันไปที่นั่น
“เ้าหนู ตอนนี้ไม่ได้นะ จะไปที่นั่นต้องใช้เวลาเดินทางจากที่นี่อย่างน้อยครึ่งวัน และระหว่างทางต้องมีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งไม่น้อยแน่ๆ เราต้องเกาะกลุ่มกันไป” ฉู่อวิ๋นลูบขนของเสี่ยวหวงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
แม้ว่าเขาเองก็้าสำรวจความลับของแสงนั่นด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือการไปที่เมืองชุยเสวี่ย เพื่อตามหาฉู่ซินเหยา
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของฉู่อวิ๋นในตอนนี้ เป็ไปไม่ได้เลยที่จะเดินดุ่มๆ ในป่าสีเืที่มีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งเทียบเท่าขั้นมหาสมุทรไปได้ปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง
“นี่ จอมยุทธ์ฉู่ เ้าไม่พักผ่อนหรือ? ดูอะไรอยู่?” เฟิงเยี่ยนที่จัดการดูแลงานในมือเสร็จแล้ว กัดผลผิงกั่วแล้วเดินไปหาด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่เฟิง ท่านรู้จักแสงนั่นไหม?” ฉู่อวิ๋นชี้ไปที่ท้องฟ้าและถามอย่างสงสัย
“เ้าหมายถึงแสงสีรุ้งขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาจากใจกลางป่าสีเืทุกคืนนั่นใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับ”
“อ้อ... แม้ว่าข้าจะติดตามหัวหน้าซ่งเดินผ่านป่าสีเืมาหลายครั้ง แต่ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแสงสีรุ้งเลยจริงๆ แต่ว่ากันว่าตำแหน่งของแสงสีรุ้งนั้นเป็ที่อยู่อาศัยของาาแห่งป่าสีเื” เฟิงเยี่ยนกล่าว
“าาแห่งป่าสีเื?” ฉู่อวิ๋นประหลาดใจ ป่าสีเืมีาาด้วยหรือ?
“ใช่แล้ว สิ่งที่เรียกว่าาาแห่งป่าสีเืคือาาราชสีห์เขี้ยวโลหิต เป็ผู้นำของราชสีห์เขี้ยวโลหิต สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้ และมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับผู้แข็งแกร่งขั้นมหาสมุทรระดับสูง มันเป็สัตว์ปีศาจที่น่ากลัวมาก”
“แต่ว่านะ ข้าได้ยินมาว่าใน่กระแสสัตว์ปีศาจครั้งล่าสุด มีกลุ่มนักรบขั้นมหาสมุทรที่กล้าเข้าไปในป่าสีเื ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไร แต่ทั้งหมดก็ถูกราชสีห์เขี้ยวโลหิตกัดตายอยู่ดี” เฟิงเยี่ยนกล่าวเสริมด้วยสีหน้าเสียใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกใจสั่น เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว และกัดฟันกรอด
กลุ่มนักรบที่เฟิงเยี่ยนกล่าวถึงนั้น คือสมาชิกที่เสียชีวิตไปแล้วของตระกูลฉู่เชื้อสายไป๋หยางแน่นอน พวกเขาพยายามคุ้มครองฉู่เฟยและตระกูลหลักให้หนีไปได้ ทำให้ทั้งกลุ่มถูกราชสีห์เขี้ยวโลหิตล้อมโจมตีจนตาย
“เอาล่ะ อย่านั่งเหม่ออยู่เลย ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เราต้องพักผ่อนที่นี่และรอจนถึงรุ่งสางก่อนที่จะออกเดินทางต่อได้ มาลองกินเนื้อหมูป่าพวกนั้นกัน!” เฟิงเยี่ยนตบไหล่ฉู่อวิ๋นแล้วจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
ฉู่อวิ๋นรับคำ จากนั้นก็จ้องมองไปยังทิศทางใจกลางป่าสีเือีกครั้ง ดวงตาของเขาซับซ้อน หัวใจเต้นแรงจนสับสน
“นั่นคือที่ที่ท่านลุงทิ้งชีวิตเอาไว้จริงๆ แม้แต่พวกเขาที่อยู่ในระดับสี่และห้าของขั้นมหาสมุทรก็ยังหนีไม่พ้นจากกระแสสัตว์ปีศาจ แล้วข้าจะผ่านป่าสีเืไปได้อย่างราบรื่นจริงๆ หรือ?”
เมื่อคิดถึงศพัฉลามเงินที่อยู่หน้าทางผ่านเข้าป่าสีเื และความถี่ของกระแสสัตว์ปีศาจที่ไม่แน่นอน ฉู่อวิ๋นก็เริ่มกังวลมากขึ้น
จนกระทั่งเสี่ยวหวงได้กลิ่นหมูป่าย่าง มันก็น้ำลายไหลหยดลงพื้น ส่งเสียง “จิ้ด จิ้ด” และะโกระสับกระส่ายในอ้อมแขนของเขา เมื่อถึงตอนนั้น ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกตัว จึงหันกลับไปยังค่ายนั่งล้อมรอบกองไฟ
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็สีแดงเข้ม ถึงเวลาย่ำค่ำแล้ว
กองไฟหลายลูกกำลังลุกโชนอย่างรุนแรง ประกายไฟปลิวไปทุกที่ เนื้อหมูป่าที่กำลังย่างสีแดงสด น้ำมันจากเนื้อหยดลงเรื่อยๆ สิ่งกลิ่นหอมหวน ชวนให้น้ำลายไหล
“มาเถอะ! เ้าสองคนลองกินอาหารที่ข้าปรุงดู อิอิ! รับประกันว่าพวกเ้าจะต้องชมข้าไม่ขาดปากเป็แน่!” เมิ่งซานฉีกยิ้มกว้าง ยื่นเนื้อหมูป่าย่างเสียบไม้สองไม้ให้ฉู่อวิ๋น จากนั้นก็เริ่มย่างในส่วนของตัวเองต่อ
ฉู่อวิ๋นส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ยื่นไม้หนึ่งให้มู่หรงซิน แล้วพูดว่า “เนื้อหมูป่ามีรสชาติอร่อย ย่างจนกรอบนอกนุ่มใน คงอร่อยดี ซินเอ๋อร์ลองกินดู ระวังร้อน”
“ข้ารู้น่า...คุณหนูเช่นข้าต้องให้เ้ามาเตือนหรือไง?! หึ!” มู่หรงซินหน้าแดง นางไม่คิดว่าฉู่อวิ๋นจะเตือนนางอย่างระมัดระวังขนาดนี้ หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น ก่อนจะก้มหน้าลงกัดเนื้อหมู่ป่าอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูท่าทางของมู่หรงซินที่ไม่กังวลต่อภาพลักษณ์ของตนเอง ฉู่อวิ๋นก็หัวเราะเบาๆ ดูเหมือนว่ามู่หรงซินจะหิวตลอดทาง ลำบากนางแล้ว
ฉู่อวิ๋นกัดเนื้อหมูป่าเข้าไปอีกคำหนึ่ง ตามที่คาดไว้ เนื้อมีรสหวาน เข้มข้น และอร่อยมาก
“จิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด!”
ในเวลานี้ เสี่ยวหวงเริ่มตื่นเต้นและะโขึ้นลงข้างๆ ฉู่อวิ๋น มันจ้องไปที่เนื้อหมูมันเยิ้มด้วยดวงตากลมโต ไม่ละสายตาไปไหนด้วยสีหน้าหิวโหย
“ก็ได้ๆ ให้เ้า” ฉู่อวิ๋นยกยิ้มและป้อนหมูป่าย่างสองชิ้นใส่ปากของเสี่ยวหวง ทำให้ตัวกลมๆ ของมันบิดไป ดูน่ารักมาก
แต่เสี่ยวหวงหลับกินเนื้อสองชิ้นใหญ่หมดภายในพริบตา จากนั้นก็ส่งเสียง “อ้า” อ้าปากกว้าง และรอให้ฉู่อวิ๋นป้อนให้อีกครั้ง ทำให้ฉู่อวิ๋นกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย
แม้ว่าเสี่ยวหวงจะมีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าฝ่ามือด้วยซ้ำ แต่ความอยากอาหารของมันก็ยิ่งใหญ่จนน่าประหลาดใจ
หลังจากป้อนอาหารอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด มันก็แทะหมูย่างหมดไปทั้งตัว แต่ก็ยังไม่พอใจ มันส่งเสียงร้องต่อ ทำให้นักรบที่อยู่ใกล้ๆ มองดูด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนรู้สึกว่าฉู่อวิ๋นคนนี้ไม่เพียงแต่มีพละกำลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เท่านั้น แต่ยังเลี้ยงสัตว์ปีศาจแสนน่ารักที่มีความอยากอาหารที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ไม่แพ้กัน!
ทว่าสัตว์ปีศาจตัวน้อยนี้ไม่มีพลังต่อสู้ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน มันก็ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงมากกว่า...
หลังจากกินอาหารเย็นรอบกองไฟ ทุกคนในกลุ่มัเหล็กก็เริ่มพักผ่อน ไม่ว่าจะนอนหลับ หรือฝึกฝนโดยการหลับตา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในป่าสีเืแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยอันตราย ไม่มีความบันเทิงใดๆ ให้เร้าใจอีก
นอกเสียจากว่าจะเต็มใจเป็อาหารของสัตว์ปีศาจ ก็เชิญเดินเตร่ไปรอบๆ ได้เลย
ค่ำคืนมืดมิดราวสายน้ำ ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินพักอยู่ในกระโจมเดียวกัน แต่มู่หรงซินก็ไม่ได้ขัดขืน หลังจากอิ่มท้องนางก็กอดเสี่ยวหวงและหลับไปโดยไม่ได้ห้ามฉู่อวิ๋นไม่ให้เข้าไป
แต่ฉู่อวิ๋นไม่คิดจะพักผ่อน เขาต้องใช้เวลาในการฝึกฝน
ภายใต้คำแนะนำของซ่งอี้ ฉู่อวิ๋นมาถึงบริเวณปลายแม่น้ำ แม้ว่าที่นี่จะอยู่ห่างจากค่าย แต่ก็มีบริเวณกว้างขวางและเปิดโล่ง เอื้อต่อการยืดหมัดและเท้าของเขา ทั้งยังไม่มีสัตว์ปีศาจอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นมันจึงเป็สถานที่ฝึกฝนที่ดี
“ฟุ่บฟุ่บ!”
ภายใต้ความมืดมิด ข้างแม่น้ำไหลเอื่อย มีแสงฝ่ามือรูปัทะลุท้องฟ้า กระแสแสงวูบวาบ และเสียงคำรามของัแ่เบาดังออกมา
หลังจากฝึกฝนเป็เวลาสองชั่วยาม ฉู่อวิ๋นเหงื่ออาบร่างแต่รู้สึกสบายมาก ไม่เพียงแต่ฝ่ามือัพเนจรของเขาจะก้าวหน้ามากขึ้นเท่านั้น แต่ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เบาลง และเข้าใกล้ระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณมากขึ้นเรื่อยๆ
ระดับเจ็ดของขอบเขตการควบแน่นพลังปราณ คือขอบเขตของการขัดเกลาอวัยวะภายใน ตราบใดที่ฉู่อวิ๋นขัดเกลาิัและเนื้อได้สำเร็จ เขาก็สามารถทะลวงผ่านได้
“ก้าวหน้าไม่น้อย ขอแค่เป็เช่นนี้ต่อไป นอกเสียจากนักรบบางคนที่มีวิชายุทธ์พิเศษ ในขอบเขตควบแน่นพลังปราณก็ไม่มีใครที่ข้าสู้ไม่ได้” เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มกว้าง และฝึกทักษะการใช้ฝ่ามือและฝึกฝนร่างกายหนักขึ้น
“แซ่ก——”
ยามนี้ มีเสียงสั่นเบาๆ ดังมาจากป่าทึบบริเวณใกล้เคียง แต่ฉู่อวิ๋นที่มีประสาทััที่ชัดเจนได้ยินในทันที
“หัวหน้าซ่งบอกว่าไม่มีสัตว์ปีศาจอาศัยอยู่แถวนี้นี่ แล้วนั่นคือเสียงอะไร?” ด้วยความสงสัย ฉู่อวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเปลี่ยนใจและเดินเข้าไปในป่าทึบเพื่อตรวจสอบ
ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน เงาของใบไม้แกว่งไกวให้เกิดเสียงกรอบแกรบ ย่างก้าวของฉู่อวิ๋นราวกับภูตผีที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นาน แหล่งที่มาของเสียงก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นร่างหนึ่งแวบวับอยู่ตรงหน้าเขา
“ฮิฮิ แม่นางน้อย อย่าขยับเขียว เ้ายังอยากขัดขืนอยู่หรือ? อยากลิ้มรสหมัดข้าอีกหรือ?”
“ฮิฮิ ไม่คิดว่าเราสองคนจะผ่านเข้ารอบแรกได้ ต้องรีบมาสนุกกันแล้ว ไม่เช่นนั้นพี่ใหญ่และคนอื่นๆ จะมาเร่งเอา!”
ฉู่อวิ๋นะโขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ มองลงไปและเห็นชายสองคนยิ้มอย่างชั่วร้าย
ข้างหน้าพวกเขา มีผู้หญิงผมยาวยุ่งเหยิงถูกแขวนอยู่บนกิ่งไม้ มองใบหน้าไม่ชัดเจน แต่นางมีรูปร่างที่บอบบางและสวมเสื้อผ้าหนังสัตว์
มุมปากมีเืไหลลงมา เห็นได้ชัดว่านางถูกตบตีหลายครั้งแล้ว
ในเวลานี้ มือของนางถูกมัดแน่น นางลอยอยู่ในอากาศ พยายามดิ้นรนอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าดุร้าย พร้อมก่นด่าไม่หยุด “ปีศาจ! เดรัจฉาน! ถ้าพวกเ้ากล้าแตะต้องข้า ข้ารับรองเลยว่าข้าจะกัดเ้าให้ตาย! อาฮู้ว! อาฮู้ว!”
“ฮ่าๆ เ้าเป็เหยื่อของเราแล้วนะ สนุกไปด้วยกันเถอะ!” ชายร่างสูงคนหนึ่งพูด
“ถอดเสื้อผ้าหนังสัตว์ของเ้าออกก่อนดีกว่า จิ๊จิ๊!”
ชายคนนั้นก้าวไปทีละก้าว ยื่นมือออกไปและพยายามฉีกเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นออก ทำให้นางสะบัดอย่างแรง แม้แต่ข้อมือบอบบางก็ยังถูกเชือกข่วน แต่ก็ไร้ผล
“อ๊ะ!” หญิงสาวทำได้เพียงกรีดร้อง เสียงของนางหวีดแหลม
“ควั่บ!”
ตอนนี้เอง แสงเย็นตกกระทบลงมากลางอากาศและหายไปในพริบตา
ครู่ต่อมา ศีรษะของชายที่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนั้นก็แยกออกจากกัน และร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นทันที
“เ้า...” ชายอีกคนหนึ่งตกตะลึงอ้าปากกว้าง แต่เมื่อกำลังจะพูด เขาก็รู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวที่ลำคอแล้วมองเห็นภาพตรงหน้าพลิกกลับหัว จากนั้นก็สูญสิ้นสติสัมปชัญญะไปในทันที
ฉู่อวิ๋นเก็บกระบี่ใส่ฝัก มองดูศพทั้งสองบนพื้นด้วยสายตาเ็า และพูดอย่างเฉยเมย “เชอะ กลุ่มหมาป่า สมแล้วที่ได้ชื่อว่ากองโจร ไม่เพียงแต่ปล้นชิง แต่ยังข่มเหงเด็กสาวชาวบ้านด้วย สมควรตาย”
“ฟิ้ว--” ลมเย็นพัดผ่าน เสื้อผ้าที่ชายสองคนถอดออกมีลวดลายรูปหมาป่าประดับอยู่ ดูน่ากลัวและน่าสยดสยอง