จี๋โม่หานไม่ได้ตอบ แต่ลงจากม้าเดินไปด้านหน้าสองก้าว ทว่าการกระทำง่ายๆ เช่นนี้กลับทำให้ประชาชนที่มามุงดูรอบๆ แตกฮือขึ้นมาทันที
จากตอนแรกที่เงียบไปครู่หนึ่งก็พลันมีเสียงพูดกันเจี๊ยวจ๊าว ทุกคนต่างมองขาของจี๋โม่หานด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเบิกกว้าง ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้
สิ้นประโยคของเจียงจ้าว ปากยังไม่ทันจะได้ปิดดีก็ต้องตะลึงค้างจนอ้าปากน้อยๆ ตามการเคลื่อนไหวของจี๋โม่หาน ตอนที่จ้องขาของอีกฝ่ายดวงตาก็เบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ฝ่าา ขา...ขาของท่าน....”
ขาของจี๋โม่หานพิการไม่ใช่หรือ เขานั่งอยู่บนรถเข็นมาหลายสิบปี เหตุใดจู่ๆ ถึงยืนขึ้นมาได้
จี๋โม่หานไม่ตอบ แต่พูดเสียงเรียบ “วันนี้ข้าเชิญใต้เท้าเจียงมาเพื่อแสดงหลักฐานบางอย่าง เพื่อป้องกันคนมาบอกว่าข้าหลอกลวง”
เจียงจ้าวได้สติกลับมาก็กะพริบตา ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของจี๋โม่หานเท่าไร
ทางด้านองค์ชายห้าเองในที่สุดก็ดึงสติกลับมาได้ท่ามกลางเสียงพูดคุยของประชาชน เขายกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก คุมจิตใจให้มั่นคง จากนั้นก็มองไปทางจี๋โม่หาน แต่วินาทีต่อมาก็ต้องชะงักไปอีกครั้ง
สายตาขององค์ชายห้าจ้องไปยังขาของจี๋โม่หานนิ่ง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ คล้ายเห็นอะไรที่น่าหวาดกลัว “ท่าน....ขาของท่านพิการไม่ใช่หรือ?”
จี๋โม่หานหัวเราะเสียงเย็น ไม่ได้ตอบคำถามของเขา “องค์ชายห้า ถึงเวลาที่พวกเราจะคิดบัญชีกันแล้ว”
องค์ชายห้าในตอนนี้ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกแล้ว แววตาหวาดหวั่น ก่อนจะพูดเสียงแข็ง “ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเื่อะไร ทั้งยังพาคนมาล้อมจวนของข้าเช่นนี้ ท่านควรจะอธิบายให้ข้าฟังสักหน่อยสิ”
“อธิบายหรือ” เสียงของจี๋โม่หานเย็นขึ้นมาทันที “องค์ชายห้าต้องสงสัยว่าวางแผนทำร้ายไทเฮาและโยนความผิดไปให้ซูิเยว่บุตรสาวสกุลซู คำอธิบายนี้พอใจหรือไม่?”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา ประชาชนที่อยู่รอบๆ ก็อยู่เฉยกันไม่ได้แล้ว ข่าวนี้น่าใเสียยิ่งกว่าที่พวกเขาเห็นจี๋โม่หานยืนได้เสียอีก เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นมาทันที
ดวงตาขององค์ชายห้าแดงก่ำ ขอบตาแดง เขารีบปฏิเสธทันที “ท่านพูดไร้สาระอะไร”
เจียงจ้าวที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าตกตะลึง ข่าวที่ได้ยินกะทันหันทำให้เขาใ
งานวันเกิดไทเฮาเมื่อวาน ข่าวที่ซูิเยว่ถูกใส่ร้ายว่าทำคุณไสยใส่ไทเฮากระจายไปในวงกว้าง ตอนนี้ทั้งเมืองต่างก็พูดถึงเื่นี้ ทุกคนยังคาดเดาไปต่างๆ นานา อีกทั้งตอนนี้ก็มีอีกเื่เข้ามาเพิ่ม
จี๋โม่หานโบกมือให้หลิงชวนที่อยู่ด้านหลัง หลิงชวนก็รีบพานักพรตที่ถูกจับคนนั้นออกมา นักพรตตัวสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะมององค์ชายห้า
หลิงชวนยกนักพรตมาตรงหน้าทุกคน แล้วบังคับให้เขาเงยหน้า “ใต้เท้าเจียง ท่านคงคุ้นหน้าคนคนนี้ใช่หรือไม่?”
เจียงจ้าวกลืนน้ำลายก่อนจะพยักหน้า เมื่อวานเขาเองก็อยู่ในงานเลี้ยงจึงคุ้นหน้าคนคนนี้ดี “เป็นักพรตที่ติดตามองค์ชายห้าไปชี้ตัวซูิเยว่เมื่อวาน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หลิงชวนไม่ได้ตอบ แต่ปล่อยมือที่จับนักพรตออกแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“พูด” จี๋โม่หานเอ่ยเสียงเย็นมาหนึ่งคำ
นักพรตตัวสั่น เขาเงยหน้าไปสบตากับองค์ชายห้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ ร่างกายก็ขดเข้าหากันเล็กน้อย
วินาทีที่องค์ชายห้าเห็นนักพรตคนนั้นในใจก็ว้าวุ่นขึ้นมา สายตามองนักพรตโดยแฝงคำเตือนเอาไว้ ได้แค่หวังว่าเขาจะไม่พูดจาเลอะเทอะออกมา
นักพรตหายใจเข้าลึกๆ ก้มหน้าลงไม่มององค์ชายห้าอีก เขาร้องไห้แล้วพูด “องค์ชายห้าเป็คนทำ องค์ชายห้าเป็คนทำทั้งหมดขอรับ”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮา หัวใจขององค์ชายห้ากระตุกวูบ ตอนที่นักพรตพูดประโยคนี้ออกมาในใจก็กู่ร้องว่าแย่แล้ว
หลังจากพูดออกมา นักพรตก็เหมือนกับหลุดพ้นอย่างไรอย่างนั้น เขาหลับตาแล้วพูดต่อ
“ล้วนเป็องค์ชายห้าใช้ให้ข้าทำ ข้าเองก็ไม่ใช่นักพรตอะไร แล้วก็ไม่รู้เื่ไสยศาสตร์อะไรด้วย เป็องค์ชายห้าที่ให้ข้าทำเช่นนี้ ตุ๊กตาตัวเล็กในวังของไทเฮาเหนียงเหนียงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณหนูซูเลยแม้แต่น้อย คุณหนูซูไม่รู้เื่อะไร เป็องค์ชายห้าที่ให้ข้าไปใส่ร้ายคุณหนู เขาบอกว่าจะให้เงินก้อนโตกับข้าหากข้าทำเช่นนั้น”
“เ้าพูดไร้สาระอะไร” องค์ชายห้าตาแดงก่ำ “รู้ไหมว่าการใส่ร้ายเปิ่นหวังนั้นมีความผิดอะไร จะต้องเป็องค์ชายสามขู่ให้เ้าพูดเช่นนี้แน่ ขอแค่เ้าบอกความจริงออกมา เปิ่นหวังจะไม่ไล่เอาความผิดกับเ้า”
จี๋โม่หานหัวเราะเสียงเย็น ไม่ได้พูดแทรก เื่มาถึงตรงนี้แล้ว องค์ชายห้าก็ยังจะดิ้นรน
“ที่ข้าพูดมาทั้งหมดนั้นเป็ความจริง” ไม่รู้ว่านักพรตคนนั้นไปเอาความกล้ามาจากไหน จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นจ้ององค์ชายห้าตาดุ
“ล้วนเป็ท่านที่ให้ข้าทำเช่นนี้ ท่านบอกว่าหลังจากจบเื่นี้จะให้ข้าหนึ่งล้านตำลึง แต่ว่าท่านไม่ได้ทำจริง กลับกันยังส่งคนมาฆ่าปิดปากข้า หากไม่ใช่เพราะคนขององค์ชายสามมาช่วยได้ทันเวลา ข้าก็คงจะตายไปแล้ว”
รอบข้างเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงฮือฮาจะดังขึ้นอีกระลอก
องค์ชายห้าโกรธจนตัวสั่น สายตาจ้องไปยังนักพรตคนนั้น นึกอยากจะถลกหนังของอีกฝ่ายออกมาทั้งเป็ เขาหอบหายใจหนัก หน้าอกขยับขึ้นลงอย่างแรง ต่อมาก็หันไปมองจี๋โม่หานแล้วกล่าว
“เื่พวกนี้ล้วนเป็เ้าที่บอกให้เขาพูดเช่นนั้น เ้าไม่มีหลักฐานมายืนยันด้วยซ้ำ เ้าคิดว่าแค่คำพูดของเขาจะโยนความผิดให้เปิ่นหวังได้หรือ”
“หลักฐาน? อีกเดี๋ยวข้าตรวจสอบในจวนของเ้ารอบหนึ่งก็มีแล้วไม่ใช่หรือ”
“เหอะ” องค์ชายห้าหัวเราะเสียงเย็น “องค์ชายสาม ปกติแล้วข้าให้ความนับถือท่าน แต่ว่าอย่างไรท่านก็คือข้าราชบริพาร ท่านมีสิทธิ์อะไรมาตรวจค้นจวนของข้า”
จี๋โม่หานไม่ได้พูดอะไร แต่หยิบป้ายเหมี่ยนเซ่อออกมา
เขาเลิกคิ้วพูดเสียงเย็น “ข้าจะใช้สิทธิ์ของสิ่งนี้ ตอนนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้ประทานป้ายเหมี่ยนเซ่อให้กับข้า มีป้ายนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้วนลงมือได้ก่อนแล้วค่อยไปรายงาน หรือก็คือข้าสามารถฆ่าเ้าตายที่นี่ได้โดยที่ไม่มีใครทำอะไรข้าได้”
จี๋โม่หานนำป้ายในมือไปถามเจียงจ้าว “ใต้เท้าเจียงจะตรวจดูว่าเป็ของจริงหรือไม่?”
เจียงจ้าวชะงักไปก่อนส่ายหน้า ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะรู้ตัวว่าทำแบบนั้นไปจี๋โม่หานก็มองไม่เห็น เขาจึงรีบตอบ “ไม่ต้อง ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเคยประทานป้ายเหมี่ยนเซ่อให้กับองค์ชายสามหรือก็คือจี๋โม่หาน คนในราชสำนักต่างก็ได้ยินว่าการมีอยู่ของป้ายเหมี่ยนเซ่อนี้สามารถลงมือทำได้ก่อนแล้วค่อยรายงาน
“ถึงแม้จะไม่ต้องขออนุญาต แต่เื่ในวันนี้ก็ขอใต้เท้าเจียงมาเป็พยาน เชื่อว่าคำพูดของนักพรตเมื่อครู่ใต้เท้าเจียงก็คงจะได้ยินทั้งหมดแล้ว ข้าจะใส่ร้ายหรือไม่นั้น แค่ตรวจสอบดูก็รู้แล้ว”
“แน่นอนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” เจียงจ้าวพยักหน้าจริงจัง ตอนนี้เขารู้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้แล้ว ส่วนคำพูดยืนยันของนักพรตเมื่อครู่เขาเองก็ได้ยินชัดเจน
ตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานโดยตรง แต่เื่นี้ไม่เก้าก็สิบส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายห้าแน่นอน
ริมฝีปากบางของจี๋โม่หานยกขึ้นแล้วเอ่ยคำสั่ง “หลิงชวน ค้น”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิงชวนโบกมือ แล้วพาองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังเข้าไปในจวนองค์ชายห้า
องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังองค์ชายห้ารีบก้าวมาด้านหน้า ทำท่าป้องกันเอาไว้ ทั้งสองฝ่ายจึงค้างอยู่ตรงนั้น