บทที่ 67 หลิงหวาฮูหยิน
“เพียงแต่ว่าสูตรยานี้เดิมทีถูกสร้างขึ้นโดยผู้าุโเมื่อตอนที่เขายังอายุน้อย แต่คนปรุงโอสถขั้นห้าทุกคนที่ข้ารู้จักมา ไม่สามารถปรุงโอสถออกมาได้ แม้แต่เสิ่นตานเจวี๋ยที่มีชื่อเสียงบนเขาหนิงชุยเฟิงแห่งเทียนตูก็ไม่มีความเชี่ยวชาญนี้ อีกทั้งยังเสนอราคาที่แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถจ่ายได้ แล้วเขาถึงจะเปิดเตาหลอมปรุงยาอายุวัฒนะให้ข้า ไม่สมกับชื่อเลยจริงๆ!”
ยอดฝีมือจากตระกูลหลินและตระกูลลู่ทั้งสองตระกูลที่มาครั้งนี้ต่างพากันพยักหน้า รู้อยู่ลึกๆ แล้วว่าในอดีต ก่อนที่ลู่อวี่จะออกมา อาจกล่าวได้เลยว่าเขาหนิงชุยเฟิงขึ้นชื่อเื่เป็พี่ใหญ่ในเส้นทางการปรุงโอสถแห่งเทียนตูโดยแท้ นอกจากตำหนักมหาเทพแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีสำนักหรือตระกูลใด ไม่เคยไม่ถูกพวกเขาจงใจทำให้รู้สึกลำบากใจ ดังนั้นหลังจากที่ฟังหลีชิวเยวี่ยพูดมาก็ไม่มีใครสงสัยเลยแม้แต่น้อย
นายหญิงตระกูลหลินเซี่ยจวินถึงกับใ นางเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าผู้าุโบอกได้หรือไม่ว่า ยาอายุวัฒนะขั้นหกชนิดใดที่สามารถรักษาจิตใจบอบช้ำ จำพวกอาการาเ็ที่รักษาได้ยากเช่นนี้? หากตามที่ผู้าุโกล่าวมา ข้าคิดว่ามียาที่สามารถรักษาจิตใจที่บอบช้ำได้จริงๆ แต่อย่างน้อยก็เป็ยาอายุวัฒนะขั้นสี่ขึ้นไป และมีค่ายิ่งนัก เชื่อว่าผู้าุโน่าจะรู้มูลค่าเช่นกัน!”
หลีชิวเยวี่ยทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่รู้ว่ามียาอายุวัฒนะขั้นหกจำพวกนี้อยู่ในโลก แต่ข้าเคยบอกว่าสูตรยานี้ผู้าุโท่านนี้เป็ผู้คิดค้นขึ้น ผู้าุโผู้นั้นเองข้าก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน เพียงแต่ชื่อเสียงของเขาเป็ที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วใต้หล้า พลังยุทธ์ในการปรุงโอสถของเขาสูงยิ่งนักจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ เสิ่นตานเจวี๋ยนั้นถือว่าครองพื้นที่ในเทียนตูได้เลย แต่หากเปรียบเทียบกับผู้าุโท่านนั้น คิดว่าแค่จะมาเป็เด็กดูไฟให้ก็คงยากพอๆ กับขึ้น์! อย่าว่าแต่ยาอายุวัฒนะขั้นหนึ่งขั้นสอง แม้แต่เซียนตันก็ได้ยินมาว่าผู้าุโท่านนั้นเคยปรุงยาออกมาแล้ว!”
เมื่อคนที่อยู่ด้านล่างได้ยินเช่นนี้ก็ใกันจนหน้าถอดสี!
เซียนตัน เป็สิ่งที่นักพรตธรรมดาสามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วยหรือ? หลักฐานั้แ่โบราณกาลมาก็ยังไม่เคยได้ยินเื่เช่นนี้มาก่อน ผู้าุโท่านนั้นสามารถสกัดเซียนตันออกมาได้ ความแตกฉานของเขาในวิถีแห่งยาอายุวัฒนะ คงไม่สามารถใช้คำว่าจุดสูงสุดมาบรรยายได้เสียแล้ว นี่มันเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้
หากเป็เช่นนี้ ก็ไม่ใช่เื่เกินจริงเลยสักนิด ที่หลีชิวเยวี่ยจะกล่าวว่าเสิ่นตานเจวี๋ยแห่งเขาหนิงชุยเฟิงไม่คู่ควรกับการเป็เด็กดูไฟของผู้าุโท่านนี้ หากสามารถเป็เด็กดูไฟให้ผู้าุโท่านนี้ได้ ข้าคิดว่าาาโอสถผู้นั้นของเขาหนิงชุยเฟิงคงจะยินยอม ไม่ว่าจะต้องจ่ายเพียงใด!
ลู่อวี่ได้ยินเช่นนี้ก็ทำหน้าแปลกใจขึ้นมาทันที ปรมาจารย์ปรุงโอสถที่เขารู้จักนั้นมีอยู่ไม่กี่คน ดูเหมือนว่าจะมีแต่เขาผู้เดียวที่เคยกลั่นเซียนตันออกมาในตอนนั้น หรือว่าสตรีตรงหน้าผู้นี้ จะเกี่ยวข้องกับผู้ที่มาขอให้เขารักษาอาการป่วยให้ในปีนั้นกัน?
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับยาอายุวัฒนะขั้นหกที่สามารถรักษาสภาพจิตใจได้ ก็ทำให้เขาอดคิดถึงยาชนิดหนึ่งที่คิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้ ตอนนั้นเขากำลังขาดแคลนยาล้ำค่าอยู่หลายชนิด และผู้ที่มาขอยาก็มีน้ำใสใจจริงอย่างยิ่ง เป็ผู้ที่ไม่เพียงแต่มีพลังยุทธ์สูงส่ง แต่ยังรู้จักผู้คนจำนวนมากด้วย ดังนั้นจึงแอบเพิ่มวัตถุดิบยาที่มีคุณค่าอื่นๆ อีกมากลงไปในยาอายุวัฒนะที่มอบให้กับผู้ที่มาขอให้รักษาอาการป่วยให้ ไม่รู้ว่ายาอายุวัฒนะที่สตรีตรงหน้าพูดถึงนั้นเป็สูตรยาเดิมที่เขาคิดค้นขึ้นหรือไม่ หากเป็เช่นนั้น มันก็คุ้มค่าที่จะรอคอย
ตระกูลลู่ครั้งนี้นอกจากลู่อวี่ ผู้ที่มาด้วยก็มีผู้เฒ่ารองลู่หงชาง ตอนนี้กำลังทำตาโตเมื่อได้ยินเื่ราวเช่นนี้ หันไปมองลู่อวี่แวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับหลีชิวเยวี่ยว่า “เช่นนั้นผู้าุโท่านนี้อยู่ที่ใดเล่า พร์ด้านการปรุงโอสถของนายน้อยตระกูลลู่ของเราเป็หนึ่งไม่เป็สองรองใครในเทียนตู หากสามารถฝากตัวเป็ศิษย์ของปรมาจารย์ปรุงโอสถท่านนี้ผ่านผู้าุโได้ ตระกูลลู่แห่งเทียนอวิ๋นของเราจะซาบซึ้งและขอบคุณอย่างยิ่ง!”
นับั้แ่ที่ลู่อวี่กลายเป็คนปรุงโอสถขั้นห้า ลู่หงชางก็เลิกล้มความคิดที่จะให้ลูกชายเข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งประมุขทันที อีกทั้งยังส่งตัวลูกชายไปยังที่พักห่างไกลจากูเาเทียนฉยง เพื่อช่วยเหลือลู่เหว่ยจุนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่า ตระกูลลู่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้การนำของบิดาและบุตรชายอย่างลู่เหว่ยจุนและลู่อวี่
เพราะไม่ว่าเขาและบุตรชายจะพยายามหนักเพียงใด ก็ไม่สามารถเทียบขั้นกับคนปรุงโอสถขั้นห้าที่มีความสำคัญกับตระกูลได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็คิดว่าผู้มีคุณสมบัติปีศาจอย่างลู่อวี่ ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ มีโอกาสมากที่ปรมาจารย์ปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นจะยอมรับลู่อวี่เป็ลูกศิษย์ของเขา หากทำเช่นนี้ ตระกูลลู่ไม่เพียงแต่จะมีประมุขที่เป็ปรมาจารย์ปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า อิทธิพลที่ได้หลังจากที่ลู่อวี่เข้าฝากตัวเป็ศิษย์ ก็จะเพิ่มชื่อเสียงของตระกูลลู่อย่างมากอีกด้วย มันเป็เื่ที่ได้ประโยชน์มหาศาล
แม้ว่าความคิดของเขาจะดี แต่หลีชิวเยวี่ยก็ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ไม่ได้ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ถึงพร์ในการปรุงโอสถของนายน้อยลู่ว่ายอดเยี่ยมเพียงใด หรือเป็อย่างไร แต่ข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์ปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่นั้นมีสมญานามว่าเทพโอสถ ผู้ที่จะมาฝากตัวเป็ศิษย์กับเขาได้ ไม่ใช่เป็เพียงคนที่มีพร์เก่งกาจ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ยังไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครที่สามารถฝากตัวเป็ศิษย์เขาได้จริงๆ สักคน นอกจากนี้ สูตรยาที่ข้าสามารถขอมาได้ก็ผ่านเส้นสายมาหลายต่อหลายคน นับั้แ่เทพโอสถรักษาผู้าุโท่านนั้น และแลกเปลี่ยนมาในราคาที่สูงลิบลิ่ว แม้ใจจะอยากได้ แต่กำลังที่มีไม่เพียงพอจริงๆ!”
ลู่หงชางได้ยินเช่นนี้แม้จะรู้สึกผิดหวัง แต่ก็รู้ว่าจะบังคับใจกันไม่ได้ จึงทำได้เพียงเงียบเสียงไม่พูดอะไรออกมา
ผู้เฒ่าใหญ่ตระกูลหลิน หลินตงผิงชำเลืองมองลู่หงชาง ไม่นานก็ละสายตาหันไปทางลู่อวี่อีกครั้ง
นายน้อยตระกูลลู่เป็บุคคลที่ถูกจับตามองมากที่สุดในเทียนตูใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขามักจะทำสิ่งมหัศจรรย์ ทว่ามักจะมีข้อสงสัยอยู่ในใจเสมอ เพียงแต่ว่าตอนอยู่ที่ตระกูลหลิน ยาอายุวัฒนะที่ลู่อวี่นำออกมาให้มันราคาสมกับคุณภาพจริง ภายใต้ความเย้ายวนของผลประโยชน์มหาศาล คนส่วนใหญ่ในตระกูลหลินจึงไม่สนใจว่าลู่อวี่จะเป็คนปรุงโอสถจริงหรือไม่ ครั้งนี้อาจารย์ของคุณหนูสาม ้าคนปรุงโอสถขั้นห้ามาปรุงยาให้อย่างเร่งด่วน ลองดูหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ดังนั้นผู้เฒ่าใหญ่ตระกูลหลิน หลินตงผิงจึงหันไปพูดกับหลิงหวาฮูหยินหลีชิวเยวี่ย และกล่าวขึ้นว่า “ผู้าุโ ในเทียนตูตอนนี้ คนปรุงโอสถขั้นห้านอกจากาาโอสถจากเขาหนิงชุยเฟิงแล้วก็มีเพียงนายน้อยลู่ นอกนั้นก็จะเป็นักพรตที่บำเพ็ญเพียรอยู่อย่างสันโดษ อีกทั้งยังมีนิสัยแปลกๆ ไม่สู้ลองให้นายน้อยตระกูลลู่ลองดูเสียหน่อย บางทีอาจจะแก้ปัญหาได้!”
เมื่อหลีชิวเยวี่ยได้ยินเช่นนี้ ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นางมองไปที่ลู่อวี่ รู้สึกแอบผิดหวังอยู่ในใจ ด้วยอายุน้อยนัก ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า นายน้อยลู่จะเป็เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี แม้ว่านางจะสังเกตนายน้อยลู่ผู้นี้ั้แ่ขึ้นมาบนเรือแล้วก็ตาม แม้นางจะรู้สึกชื่นชมท่าทีเรียบเฉยและสงบนิ่ง ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยของเขา แต่หากบอกว่าเขาสามารถปรุงยาที่แม้แต่าาโอสถจากเขาหนิงชุยเฟิงก็ไม่กล้าปรุงออกมาได้ ก็ยังเป็เื่ยากที่จะทำให้นางเชื่อได้
อันที่จริงอย่าว่าแต่หลิงหวาฮูหยินหลีชิวเยวี่ยไม่เชื่อเลย แม้แต่ลูกศิษย์สามคนของนาง รวมทั้งหลินเหยาด้วย ต่างก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะอย่างไรเสีย การปรุงโอสถไม่ใช่ใครก็สามารถปรุงได้ คุณสมบัติและความสามารถเป็เพียงข้อกำหนดเบื้องต้นเท่านั้น หลังจากนั้นต้องมีประสบการณ์และการสั่งสมประสบการณ์ ด้วยประสบการณ์และความรู้นับพันปีของหลีชิวเยวี่ย ก็ยังไม่เคยได้ยินว่าผู้ใดมีความสามารถเกินกว่าธรรมชาติที่จะสามารถเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าก่อนอายุยี่สิบได้สักคนเดียว นายน้อยลู่แห่งโลกบำเพ็ญเพียรเทียนตูเล็กๆ จะทำได้อย่างไรกัน?
“อาจารย์ เื่นี้ควรจะระมัดระวังตัวหน่อยจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจนายน้อยลู่ อันที่จริงก็เสียเวลาไปกับการรวบรวมวัตถุดิบยาเหล่านี้ไปมากแล้ว อีกอย่างนายน้อยลู่ก็อายุยังน้อยอยู่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ย่อมทำให้อาการาเ็ของศิษย์พี่หนักขึ้นไปอีก ไม่ใช่ว่าจะได้ไม่คุ้มเสียหรือ!”
สตรีในอาภรณ์เขียวที่อยู่ดูแลศิษย์พี่มาตลอด พูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อมั่น แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงท่าทีใดออกมา
แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของหลินเหยาจะได้รับาเ็สาหัส แต่เพราะเื่ของหลินเหยา นับแต่ลู่อวี่เข้ามาก็คอยจับตาดูลู่อวี่อยู่เงียบๆ มาตลอด เมื่อใดก็ตามที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีคิดจะทำอะไรกับหลินเหยา ต่อให้ได้รับาเ็ก็ต้องให้บทเรียนที่น่าจดจำกับอีกฝ่าย แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรู้สึกในเชิงชู้สาวอะไรต่อศิษย์น้องตัวน้อย แต่ลูกศิษย์ในสำนักสิบกว่าคนบนเกาะหลิงหวาเซียนต่างสนิทสนมกันมาก โดยเฉพาะหลินเหยาที่เข้ามาในสำนักช้าที่สุด และเป็ผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำที่สุด นางเป็ที่รัก และพวกเขาต่างเอาอกเอาใจในฐานะศิษย์พี่ศิษย์น้องมาโดยตลอด จะยอมให้คนนอกมารังแกนางได้อย่างไร
แต่เมื่อได้ยินที่ผู้เฒ่าใหญ่ตระกูลหลินพูดมา ใบหน้าก็ถอดสีไปทันใด เพราะเื่นี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็ความตาย เมื่อเห็นว่านายน้อยตระกูลลู่ขาดวุฒิภาวะและความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังเป็ชายหนุ่มที่มีเจตนาไม่ดีต่อศิษย์น้อง แล้วจะให้เขาเชื่อใจได้อย่างไรว่าบุรุษผู้นี้เป็คนปรุงโอสถขั้นห้าที่มีความสามารถและความรู้ที่แท้จริง?
ยิ่งไปกว่านั้น หากเด็กหนุ่มผู้นี้สามารถรักษาอาการาเ็ของเขาได้จริง ๆ ศิษย์น้องคงติดหนี้บุญคุณใหญ่หลวงไว้แน่ๆ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็จ้องศิษย์น้องตาเป็มันอยู่ด้วย จะต้องเอาเื่นี้มาข่มขู่เป็แน่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางตกปากรับคำแน่นอน
คิดได้ดังนั้นกู้จงเสวียนจึงกล่าวออกมา “เื่นี้ข้าก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แม้ว่านายน้อยลู่จะได้ชื่อว่าเป็คนปรุงโอสถขั้นห้า แต่ก็ปรุงแต่ยาอายุวัฒนะขั้นหกเท่านั้น แต่ยานี้เป็สูตรยาเดิมของเทพโอสถ ใครจะรู้ว่าเทพโอสถจะมีสูตรยาเฉพาะหรือไม่? มิเช่นนั้นเหตุใดแม้แต่าาโอสถของเขาหนิงชุยเฟิงที่มากด้วยภูมิหลังและประสบการณ์ถึงไม่กล้าลงมือปรุงโอสถให้? เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีความเชี่ยวชาญ! ตอนนี้นายน้อยลู่เพิ่งจะอายุเท่าไรกันเอง จะเทียบกับเสิ่นตานเจวี๋ยที่เป็ที่รู้จักในนามาาโอสถได้อย่างไร?”
ทุกคนบนเกาะหลิงหวาเซียนไม่ค่อยได้เข้ามาที่เทียนตู ดังนั้นจึงไม่รู้เื่ราวที่เกิดขึ้นใน่ที่ผ่านมามากนัก แม้จะรู้ว่าลู่อวี่ได้รักษาปรมาจารย์ขั้นเกิดเทพเ้ามาผู้หนึ่ง แต่ก็คิดว่ามันเป็เพียงเื่บังเอิญเท่านั้น
หลินเหยาพูดเยาะเย้ยชวนให้คล้อยตาม โดยหวังว่าโลกจะวุ่นวายเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง “ใช่ว่าคิดปรุงยาอายุวัฒนะออกมาได้ไม่กี่เม็ด แล้วจะเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าได้อย่างนั้นหรือ? หากเทียบกับผู้าุโเทพปรุงโอสถแล้ว ยังไม่คู่ควรกับการเป็เด็กดูไฟให้ด้วยซ้ำ!”
“ความหมายของคำพูดก็คือ เขายังไม่คู่ควรเป็เด็กดูไฟให้เขาด้วยซ้ำ แต่ยังกล้าพูดออกมาได้อย่างหน้าไม่อายว่าจะให้นางไปเป็สาวใช้ข้างกายของเขา ช่างไม่ดูกำลังความสามารถของตนเองแม้แต่น้อย”
พูดมาถึงเพียงนี้แล้ว แต่หลินเหยายังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ ความรู้สึกโกรธที่เดือดดาลอยู่ในใจ ไม่ละเว้นแม้แต่คนในตระกูลหลินของตัวเอง และหันไปพูดกับทุกคนในตระกูลหลินว่า “เหตุใดตระกูลหลินของเราถึงไปหลงเชื่อข่าวลือที่เกินจริงเช่นนี้ โง่เขลากันยิ่งนัก? ถึงได้มอบผู้ที่มีพร์ให้กับตระกูลลู่ไปเช่นนั้น เชอะ บางทีปรมาจารย์ปรุงโอสถผู้นั้นอาจช่วยเขาลับหลังอยู่ก็เป็ได้ กลอุบายเช่นนี้ไม่ใช่ไม่เคยมีมาก่อน คนตระกูลหลินเหตุใดถึงได้ประมาทเช่นนี้?”
ถือว่ามีอาจารย์หนุนหลังอยู่ หลินเหยาจึงทำเป็หยิ่งผยองขึ้นมาทันที พูดจาดูถูกลู่อวี่ยังไม่พอ แม้แต่ตระกูลหลินยังถูกนางต่อว่าให้เป็คนโง่เขลาอีก!
นางทำเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศที่กลมกลืนกันแต่เดิมกลับเ็าและตึงเครียดขึ้นมาในทันใด
หลินตงผิงผู้เฒ่าใหญ่ของตระกูลหลินถอนหายใจดังเฮือกใหญ่และพูดออกมาว่า “เื่ราวเหล่านี้เป็เพียงข่าวลือ คาดเดากันไป ที่ว่ามานั้นมีหลักฐานหรือไม่? นายน้อยตระกูลลู่นั่งอยู่ที่นี่ เหตุใดเ้าถึงพูดจาหยาบคายเช่นนี้?”
ผู้เฒ่าที่บังคับใช้กฎอีกท่านในตระกูลหลิน ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ก็พูดอย่างไม่พอใจเช่นกัน “เรียนคุณหนูสามให้ทราบว่า ตอนนั้นนายน้อยตระกูลลู่ใช้ยาอายุวัฒนะยี่สิบห้าเม็ด และจะปรุงยาอายุวัฒนะที่ไม่เกินความสามารถให้ตระกูลหลินอีกสามเตาหลอมมาแลกเอาคนที่ตระกูลหลิน คิดว่าคุณหนูสามคงจะรู้มูลค่าของยาอายุวัฒนะใช่หรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้