หลินกู๋หยู่ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันด้วยความประหลาดใจ นางตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
ด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวที่ริมฝีปาก ผิวแก้มของนางแปรเปลี่ยนเป็สีแดงปลั่งอย่างไม่อาจห้ามได้ หลินกู๋หยู่กลับมามีสติ ยื่นมือออกไปเพื่อผลักคนที่อยู่ข้างหน้านางออกไป
เขาไม่ใช่คนที่นางชอบ พวกเขาสองคนไม่ควรเป็เช่นนี้
ฉือหางตกตะลึงกับการกระทำของหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำทันที มือวางลงด้านข้างของหลินกู๋หยู่
“เราทำเช่นนี้ไม่ได้” หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มบนร่างของนาง “วันข้างหน้าหากเ้ามีสตรีอื่น ถึงเวลานั้นเ้าสามารถแต่งงานกับนางได้”
ความร้อนในร่างกายของเขาค่อยๆ ลดลง ใบหน้าของฉือหางแทนด้วยสีซีดขาว สายตาของเขาจับจ้องที่เด็กสาวตรงหน้า เสียงของเขาต่ำและแหบพร่า "แต่เ้า... เ้าแต่งงานกับข้าแล้ว"
หลินกู๋หยู่ลดสายตาลง นางมองว่าที่นี่เป็แค่ที่อยู่อาศัยชั่วคราว แต่นางไม่เคยคิดว่านางจะอยู่กับฉือหางเช่นสามีภรรยาจริงๆ
"ทำไมเ้าไม่พูดละ?" ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเ็า เห็นเด็กสาวก้มศีรษะลงด้วยสายตาประหวั่น ใจของเขาเย็นเยียบไปหมดแล้ว "เพราะเ้าเกลียดข้างั้นหรือ?"
น้ำเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเกินพรรณนา
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม เสียงของเขาััส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของนาง
ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเซียว ทว่าปราศจากความเฉยเมยเหมือนในขณะที่เขาป่วย ความมั่นใจในตัวเองและความสง่าปราดเปรียว อีกทั้งความหล่อเหลาเมื่อเขาออกล่าสัตว์นั้น ยามนี้เหลือเพียงความเศร้าโศกเสียใจ
เหมือนกับวันที่โจวซื่อบอกว่าจะแยกครอบครัวกับพวกเขา เขาดูเหงาโดดเดี่ยวและน่าสงสารเช่นนั้น
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง พบกับดวงตาที่ได้รับความเ็ป ไม่รู้ด้วยเหตุใด นางก็พลอยรู้สึกเ็ปไปด้วย
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฉือหางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและหันหลังให้หลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่เริ่มหวาดหวั่นเล็กน้อย เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของฉือหาง นางมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้น นางจึงลุกขึ้นนั่ง "พี่ฉือหาง คือ..."
นางควรจะพูดอะไรหรือ?
ดูเหมือนว่าในเวลานี้ พูดอะไรก็ดูเหมือนว่าจะผิดไปหมด
ฉือหางยังคงไร้วาจา แต่หลินกู๋หยู่รู้สึกเศร้าอย่างอธิบายเป็คำพูดไม่ได้
นางเข้าใจความคิดของฉือหางมานานแล้ว เวลานี้นางก็ครอบงำความรู้สึกของฉือหาง
นางไม่ควรอยู่ในบ้านสกุลฉือ สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ของนาง หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป นางมีแต่จะทำร้ายฉือหางไปมากกว่านี้
ใน่เวลาหลายวันนี้ หลินกู๋หยู่พอจะเข้าใจแล้วว่าฉือหางเป็คนเช่นไร
เขาเป็คนมีอุปนิสัยที่ดี ในวันปกติทั่วไป เมื่อนางทำงาน ฉือหางมักจะช่วยนางทำเสมอ
เมื่อนางป่วยหนัก เขาก็ดูแลนางเป็อย่างดีโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง
ผู้ชายเช่นนี้เป็ตัวเลือกในการเป็สามีที่ดีที่สุด
แต่น่าเสียดายที่นางไม่ใช่คนดีของเขา
นางไม่เคยเชื่อในความรัก
ทันทีที่ฉือหางหันกลับมา เขาเห็นหลินกู๋หยู่นอนลืมตา เขาไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
"นอนเถอะ" ฉือหางมองหลินกู๋หยู่เช่นนี้ น้ำเสียงของเขาอู้อี้
"ข้าขอโทษ" หลินกู๋หยู่หันหน้าไปมองฉือหาง แล้วพูดว่า "หรือว่าเ้าหย่ากับข้าเถอะ"
“แล้วเ้าจะไปไหนหรือ?” ดวงตาของฉือหางสอดส่องไปทั่วร่างของหลินกู๋หยู่ เขาลดเสียงลงเพราะกลัวโต้ซาตื่น “เ้าอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว”
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหางแล้วก้มหน้าลง ความรู้สึกทุกข์ใจระคนวิตกกังวลบนใบหน้าของนางไม่อาจชัดเจนได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ตื่นเช้าวันรุ่งขึ้น ฉือหางมองไปที่กล่องไม้บนม้านั่ง มองย้อนกลับไปยังคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แล้วเก็บมันไว้
เมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้น โต้ซายังไม่ตื่น นางนั่งอยู่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ มองดูตัวเองที่เลือนรางในกระจกพลางใช้หวีสางผม
ฉือหางเดินเข้ามาจากด้านนอก เขาเดินไปถึงด้านข้างของหลินกู๋หยู่ เอื้อมมือไปหยิบกล่องไม้ที่อยู่ในอกเสื้อของเขาออกมา
หลินกู๋หยู่หยุดหวีผมชั่วคราว เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง เอ่ยถามด้วยความสับสนว่า "นี่คือ?"
"ให้เ้า" ฉือหางยื่นกล่องไม้ต่อหน้าหลินกู๋หยู่ด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง "ไม่ว่าเ้าจะคิดอย่างไร ข้า้าที่จะปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี และข้าจะปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สำคัญว่าเ้าจะปฏิบัติต่อข้าอย่างไร”
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหางที่เดินจากไป รู้สึกถึงความรู้สึกที่แตกต่างในใจ นางหยิบกล่องไม้ออกมาและเปิดมันอย่างระมัดระวัง
ปิ่นปักผมถูกวางไว้ด้านในอย่างสงบนิ่ง ตัวปิ่นเป็รูปทรงเรียบง่ายฝังไว้ด้วยหยกหลากสี
สิ่งนี้ทำจากเงิน ดังนั้นจึงต้องใช้เงินเป็จำนวนมากสินะ
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่เดินไปหาฉือหาง ยื่นกล่องไม้ให้เขา
“สิ่งนี้ราคาแพงเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้” หลินกู๋หยู่ลดสายตาลง พูดด้วยเสียงต่ำ
“ถ้าเ้าไม่้าก็โยนทิ้งไปเสีย” ฉือหางพูดขณะใส่ฟืนลงในเตา “หรือจะเผาเลยก็ได้”
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้าพูดความจริง” ฉือหางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่หันมามองหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะซ่อนกล่องไม้ จากนั้นก็ปลุกโต้ซาตื่นนอน
หลังจากจัดการกับเด็กเรียบร้อยแล้ว อาหารเช้าของฉือหางก็ทำเสร็จแล้วเช่นเดียวกัน
หลินกู๋หยู่นั่งข้างโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมองฉือหางโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรถึงจะดี
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉือหางก็ล้างจานอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
หลังจากตรวจสอบซองธนูและคันธนูแล้ว ฉือหางก็พูดกับหลินกู๋หยู่ที่กำลังกำจัดวัชพืชว่า "ข้าจะขึ้นไปบนเขา และจะไม่กลับมาอีกสองวัน"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉือหาง ทันใดนั้น หลินกู๋หยู่ก็พรวดลุกขึ้น และมองไปที่ฉือหางอย่างเป็กังวล "เ้าจะไม่กลับมาทานอาหารเย็นด้วยหรือ?"
“ข้ากินอาหารบนูเาก็ได้แล้ว” ฉือหางลดศีรษะลง กลัวว่าหลินกู๋หยู่จะไม่เข้าใจจึงพูดต่อว่า “ย่างสัตว์กินได้”
"เ้ากลับมาไม่ได้หรือ" หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างเป็กังวล อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "สุขภาพของเ้ายังไม่หายดีเลย"
ครั้งก่อนที่ขึ้นบนเขาก็เจอหมาป่า หลินกู๋หยู่ยังคงหวาดกลัวจนกระทั่งตอนนี้ ถ้าฉือหางไปในคราวนี้ และเกิดพบเจอสิ่งอันตรายละ จะทำอย่างไร?
"ไม่เป็ไร" ฉือหางมองลงไปที่คันธนู ยื่นมือไปดึงคันธนู แล้วพูดว่า "ข้าดูแลตัวเองได้"
เมื่อเห็นฉือหางเช่นนี้ หลินกู๋หยู่ก็รู้ว่าเขาตั้งใจแน่วแน่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรอีกต่อไป หันหลังกลับและเดินเข้าไปในบ้าน
เมื่อหลินกู๋หยู่ออกมาอีกครั้ง นางถือซาลาเปาห้าลูกไว้ในมือ
วางซาลาเปาลงบนผ้าสะอาด ห่อแล้วยื่นให้ฉือหาง "ถ้าล่าสัตว์กินไม่ได้ ซาลาเปาเหล่านี้พอช่วยได้"
ฉือหางมองหลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางดูแลเขาอย่างพิถีพิถัน อาจเป็เพราะนางใจดี เป็ไปได้หรือที่นางไม่ได้มีความรู้สึกอื่นกับเขา?
ไม่นานหลังจากที่ฉือหางเดินออกไป รถม้าคันหนึ่งก็เข้ามาจอดด้านนอกบ้าน
หลินกู๋หยู่กำลังดูแลสมุนไพรอยู่ในสวน เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างนอก นางก็เงยหน้าขึ้นมอง
ลู่จื่อยู่ในชุดสีขาว ใส่รองเท้าที่ทำจากผ้าทอ
หลินกู๋หยู่รีบออกมาจากทุ่งยาสมุนไพร เดินไปหาลู่จื่อยู่ ทักทายด้วยรอยยิ้มว่า "หมอลู่ ทำไมเ้าถึงมาที่นี่ละ?"
"ข้าอยากจะเชิญเ้าไปที่โรงหมอเพื่อตรวจรักษาคนไข้ ข้าคิดว่างานตรวจรักษาคนไข้ทรพิษที่นี่น่าจะจบลงแล้ว" ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม "ไม่ทราบว่าแม่นางหลินมีเวลาหรือไม่?"
โต้ซานั่งยองๆ เล่นดินอย่างเงียบๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน จากนั้นก็เล่นต่อ
“ตอนนี้ข้ามีเวลาว่างแล้ว” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่โต้ซา “แต่ไม่มีใครดูแลลูก”
"ที่นั่นมีที่ให้อยู่" ลู่จื่อยู่หยิบพัดออกมาอย่างสง่างามและสงบ แล้วตบมันสองครั้งอย่างงดงาม "ด้านหลังโรงหมอมีลานให้เล่น มีเด็กหลายคนตากสมุนไพรอยู่ในนั้น พวกเขาสามารถช่วยดูแลโต้ซาได้พอดี"
หลังจากได้ยินสิ่งที่ลู่จื่อยู่พูด หลังจากคิดไตร่ตรองเกี่ยวกับเื่นี้ หลินกู๋หยู่ก็ไม่มีอะไรจะพูด
หลินกู๋หยู่เข้าไปในห้องและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็เสื้อผ้าของฉือหาง ม้วนผมของตนเองขึ้นเป็มวยสูง
ดวงตาของลู่จื่อยู่เบิกกว้างเพ่งพินิจชุดของหลินกู๋หยู่และมองจากศีรษะจรดปลายเท้า เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย "ทำไมเ้าถึงแต่งตัวเช่นนี้?"
“แต่งตัวเช่นนี้ไม่ดีหรือ?” หลินกู๋หยู่มองลงไปที่เสื้อผ้าที่ตนเองใส่ มุมปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่งตัวเช่นนี้สะดวกกว่า ช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็ด้วย”
หลินกู๋หยู่เดินตามลู่จื่อยู่ขึ้นรถม้า นางอุ้มโต้ซาไปด้วย
รถม้าไม่เสถียรมาก ขณะนั่งอยู่บนรถม้า หลินกู๋หยู่รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
ไม่ใช่เื่ง่ายเลยกว่าจะไปถึงทางเข้าโรงหมอสกุลลู่
เมื่อหลินกู๋หยู่ลงจากรถม้าโดยอุ้มโต้ซาอยู่ในอ้อมแขน นางก็เห็นผู้ป่วยจำนวนมากยืนเข้าแถวที่ทางเข้าโรงหมอสกุลลู่
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่ลู่จื่อยู่ที่อยู่ข้างๆ อย่างสงสัย
ลู่จื่อยู่ขมวดคิ้วและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ หลายคนได้รับความทุกข์ทรมานจากไข้ซางหาง[1] ใช้ยารักษาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล ดังนั้นข้าจึงเชิญเ้ามาที่นี่"
หลินกู๋หยู่เดินเข้าไปข้างหลังลู่จื่อยู่และได้ยินเสียงไอจากด้านในห้องโถง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วให้แน่นยิ่งขึ้น
หลินกู๋หยู่ปิดปากโต้ซาด้วยมือของนาง ถ้านางรู้ว่ามันเป็โรคติดเชื้อ หลินกู๋หยู่คงไม่พาโต้ซามาด้วย
หลังจากวางโต้ซาอยู่ในสวนหลังบ้าน มีคนสองสามคนในสวนหลังบ้านกำลังคัดแยกยาสมุนไพร เมื่อคนเ่าั้เห็นหลินกู๋หยู่เดินมา พวกเขาแต่ละคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจ
“พวกเ้าดูแลเด็กคนนี้ให้ดี อย่าปล่อยให้เขาได้รับาเ็” ลู่จื่อยู่ชี้นิ้วมือไปที่โต้ซา น้ำเสียงของเขาเย็นประดุจน้ำแข็ง
โต้ซามองไปที่คนเ่าั้อย่างกลัวๆ มือเล็กๆ คว้าชายเสื้อผ้าของหลินกู๋หยู่ อดไม่ได้ที่จะซ่อนตัวด้านหลังเด็กสาว
“อย่ากลัว” หลินกู๋หยู่ก้มลงมองโต้ซาอย่างอ่อนโยน และพูดเบาๆ ว่า “คนเหล่านี้เป็ท่านน้าๆ เ้าเข้าไปทักทายสิ”
โต้ซาก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ เรียกน้าอย่างเก้อเขิน
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เข้าใกล้โต้ซาอายุประมาณสิบเอ็ดปี อุ้มโต้ซาขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ในที่สุด ก็มีคนที่อายุน้อยกว่าข้าแล้ว ข้าไม่ใช่น้องเล็กที่สุดอีกต่อไปแล้ว ใช่หรือไม่เ้าตัวเล็ก?"
โต้ซาจ้องมองที่เด็กหนุ่มคนนั้นด้วยดวงตาสีดำคู่หนึ่ง ริมฝีปากของเขาเม้มเล็กน้อย
หลังจากสั่งกำชับคนเ่าั้อย่างระมัดระวัง หลินกู๋หยู่ก็เดินตามลู่จื่อยู่
คนเ่าั้แต่ละคนไออย่างรุนแรง มีบางคนพ่นเสมหะลงบนพื้นโดยตรง
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เดินตามหลังลู่จื่อยู่เดินไปที่โต๊ะว่างแล้วนั่งลง
"เ้าช่วยพวกเขาตรวจรักษาที่นี่เถอะ" ลู่จื่อยู่พูด จากนั้นชี้นิ้วมือไปที่เด็กชายข้างๆ เขา "ทางนี้สามารถตรวจโรคได้แล้ว"
ผู้ป่วยจำนวนมากมารวมตัวกัน
ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังจะถามคนไข้ จู่ๆ หมอาุโที่อยู่ตรงข้ามนางก็เปล่งเสียงพูดอย่างเ็าว่า "คนบ้านนอก จะตรวจรักษาโรคอะไรได้!"
หลังจากได้ฟังถ้อยคำดังนั้น คนไข้ที่อยู่รอบๆ ต่างส่งสายตาไม่เชื่อทีละคน ค่อยๆ แยกย้ายกันไป แม้กระทั่งคนไข้ที่กำลังจะเข้าคิวเข้าแถวก็เดินจากไปเช่นเดียวกัน
………………………………………………………………………
[1] ไข้ซางหาน คือ ไข้หวัดซางหาน เป็โรคระบาดที่เก่าแก่และเกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดในยุคสมัยจีนโบราณ มีอาการเหมือนไข้หวัดและระบาดได้ง่าย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นใน่ฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ ในปี 1232 ที่เมืองเหอหนาน มีการเสียชีวิตเกือบล้านคน ในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้