เซี่ยโม่อยู่เป็เพื่อนคุณปู่จ้าว หลังจากผู้ใหญ่บ้านแจกจ่ายหน้าที่ให้แก่ทุกคนเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาจากแท่น
“หมอจ้าว เดี๋ยวฉันพาไปดูโรงตรวจ คุณจะได้รีบทำความสะอาดและได้เริ่มตรวจคนป่วยได้ไวๆ”
“ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านมาก” คุณปู่จ้าวกล่าวขอบคุณ
ทั้งสามคนเดินไปยังที่ว่าการ เมื่อไปถึงพบว่าติดกับที่ว่าการคือบ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งประตูหันหน้าเข้าหาถนน
ผู้ใหญ่บ้านล้วงหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า “หมอจ้าว บ้านหลังไม่ได้ใหญ่มาก ข้างหลังมีสวนให้ปลูกผักได้”
เหล่าจ้าวพยักหน้าพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมาก”
พวกเขาเดินเข้าไปภายในบ้าน ข้างในแบ่งออกเป็ห้องด้านหน้าและด้านหลัง ห้องส่วนหน้ามีพื้นที่มากสักหน่อย สามารถใช้เป็ห้องตรวจคนไข้ได้ ส่วนห้องข้างหลังคือห้องนอน ภายในมีเตียงอุ่นขนาดสองคนนอนตั้งอยู่
เพียงแค่เห็นเหล่าจ้าวก็ชอบทันที
ทั้งสามคนเดินต่อไปที่หลังบ้าน พื้นด้านหลังถูกปูด้วยหิน ทั้งยังมีสวนขนาดสามสิบตารางวา
ไม่รู้ว่าไม่มีคนดูแลมานานเพียงใดแล้ว ตอนนี้สวนจึงรกไปด้วยหญ้า
เหล่าจ้าวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไม่เลว อีกเดี๋ยวค่อยจัดการ ผู้ใหญ่บ้าน ฉันอยากไปเอาของที่บ้านเดิมสักหน่อย”
“ได้ ฉันไปด้วย” ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า “ฉันจะไปที่ทำการเพื่อแจ้งเื่คุณอยู่พอดี เสร็จแล้วค่อยมาช่วยคุณย้ายบ้าน อีกเดี๋ยวจะเอาเกวียนวัวมารับ ระหว่างนี้คุณก็ทำความสะอาดบ้านไปพลางๆ ก่อน”
“ได้”
หลังจากผู้ใหญ่บ้านเดินออกไปแล้ว เซี่ยโม่ค่อยพูดกับเหล่าจ้าว “งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปเอาไม้กวาดและผ้าขี้ริ้วที่บ้าน จริงสิ ในห้องเก็บของมีเสื่อไม้ไผ่เก่าๆ อยู่ ใช้มันมาปูเตียงได้”
“เดี๋ยวฉันไปด้วย” เหล่าจ้าวว่า
หากเธอกลับส่ายหน้า “คุณปู่จ้าว คุณอยู่ที่นี่แหละค่ะ ของไม่เยอะ ถ้าคุณไปกับฉัน เกิดตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านมาพอดีจะทำยังไงคะ เขาให้คุณรออยู่ที่นี่ คุณก็รออยู่ที่นี่เถอะ ฉันอยากไปช่วยคุณย้ายของเหมือนกัน จะรีบไปรีบกลับนะคะ”
“งั้นก็ได้” คุณปู่จ้าวพยักหน้า
เซี่ยโม่รีบกลับไปที่บ้าน เฉินเฟิงตัวน้อยตื่นแล้ว แต่หลังจากตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครในบ้าน นึกว่าพี่สาวขึ้นเขาไปแล้ว จึงนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน
เธออุ้มน้องชายขึ้นมา “โง่หรือเปล่าเนี่ย ร้องไห้ทำไม”
“ผมเป็ห่วงพี่ ทำไมผมถึงไม่โตเร็วกว่านี้ ฮือๆ”
เธอรู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน อีกฝ่ายไม่ได้อยากขึ้นเขาไปเที่ยวเล่น แต่เพราะเป็ห่วงเธอถึงได้ร้องไห้ออกมา
“เฉินเฟิง พี่ไม่ได้ขึ้นเขา พี่ไปเป็เพื่อนคุณปู่จ้าวมา เมื่อวานเราได้ยินที่ผู้ใหญ่บ้านบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า จะแนะนำคุณปู่จ้าวให้ชาวบ้านรู้จัก”
เฉินเฟิงตัวน้อยเลิกร้องไห้ ก่อนจะถามด้วยความสงสัยเมื่อนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ “พี่ ผมจำได้ว่าผมเผลอหลับไปตอนอยู่บนเขา พอตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ที่บ้านแล้ว”
เซี่ยโม่จึงเล่าให้ฟังว่า เธอเป็คนอุ้มน้องชายลงจากเขากลับบ้านมาเอง
เธอเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้เอาหญ้าแห้วหมูไปส่ง
เช่นนั้นอีกสักครู่คงต้องแวะคอกหมู เพื่อนำหญ้าแห้วหมูไปส่งให้ก่อน
เธอเข้าบ้านไปหยิบของพร้อมบอกน้องชายว่า “เฉินเฟิง เป็เด็กดีรอพี่อยู่ที่บ้านนะ พี่ต้องไปช่วยคุณปู่จ้าวย้ายบ้าน คงอยู่เป็เพื่อนเราไม่ได้”
เมื่อเฉินเฟิงตัวน้อยทราบว่าพี่สาวไม่ได้จะขึ้นเขา จึงพยักหน้ารับ “ครับ พี่รีบกลับมานะ”
“เล่นคนเดียวอยู่ที่บ้านไปก่อน ไว้พี่กลับมาจะทำของอร่อยให้กิน”
“ครับ!”
เธอหยิบเสื่อ ไม้กวาด และผ้าขี้ริ้ว นำตะกร้าหญ้าแห้วหมูสะพายไหล่แล้วเดินออกจากบ้านไป
เด็กสาวไปที่คอกหมูเพื่อส่งหญ้าแห้วหมูก่อนเป็อันดับแรก เมื่อไปถึงเห็นคุณยายกำลังให้อาหารหมูอยู่จึงเอ่ยทักทาย
ครั้นหันหลังเตรียมจะเดินออก สายตากลับเหลือบไปเห็นสาวใหญ่ข้างบ้านกำลังทำความสะอาดคอกและเก็บอุจจาระเหม็นๆ ของหมูอยู่พอดี
“คุณอาคะ ถามอะไรหน่อยค่ะ คุณเคยบอกว่าจะให้ลูกสาวไปเรียนเื่สมุนไพรกับหมอรักษาเท้าที่จะมาที่หมู่บ้าน ตอนนี้หมอก็มาแล้ว คุณให้ลูกสาวไปเรียนหรือยังคะ” เธอแกล้งถามเพื่อยั่วโมโหอีกฝ่าย
พูดแบบนี้มันหาเื่กันนี่!
สาวใหญ่แค้นใจจนแทบจะกระอักเื เธอพยายามสะกดโทสะที่สุมอยู่ในทรวง ก่อนเอ่ยอย่างโกรธแค้นว่า “อย่าได้ใจไปนักเลย สักวันฉันต้องจับจุดอ่อนเธอให้ได้ พอถึงตอนนั้นดูสิว่าเธอจะยังทำหน้าอวดดีแบบวันนี้ได้อีกไหม”
เธอมองอีกฝ่ายด้วยแววตาคมกริบ ก่อนจะเอ่ยเยาะเย้ย “คุณอา พูดดีๆ นะคะ คุณต่างหากที่พอได้กลิ่นเนื้อก็ตามมาถึงบ้านฉันเหมือนกับหมาตัวหนึ่งเอง หากคุณยังยุ่งเื่ของบ้านฉันอีก ฉันจะหักขาของคุณซะ”
“เธอ!”
ขณะที่สาวใหญ่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กลับมีกลิ่นเหม็นของอุจจาระหมูโชยมาเสียก่อน สาวใหญ่ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แล้วก้มหน้าจัดการกับสิ่งปฏิกูลต่อ
เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเ็าก่อนจะเดินจากไป เมื่อถึงบ้านหลังใหม่ของคุณปู่จ้าว พบว่าผู้ใหญ่บ้านยังไม่กลับมา ทั้งสองคนจึงช่วยกันทำความสะอาดระหว่างรอไปพลางๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงคุ้นเคยก็ดังมาจากหน้าบ้าน “หมอจ้าว…”
เธอกับคุณปู่จ้าวรีบเดินออกไปดู ผู้ใหญ่บ้านขับเกวียนเทียมวัวมาจอดตรงหน้าบ้าน
ลูกศิษย์และอาจารย์ขึ้นไปบนเกวียน จุดหมายแรกของผู้ใหญ่บ้านคือที่ทำการ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเก่าของคุณปู่จ้าวมากนัก
“ทั้งสองคนรออยู่นี่ก่อนนะ ฉันเข้าไปแป๊บเดียว” ผู้ใหญ่บ้านบอกกับคนทั้งคู่เมื่อมาถึง
ทั้งสองคนพยักหน้า สายตามองตามผู้ใหญ่บ้านที่กำลังเดินเข้าไปในที่ทำการ
เซี่ยโม่้าหยิบผ้าสองผืนออกมาจากโกดังสินค้า จึงอ้างกับคุณปู่จ้าวว่า “คุณปู่จ้าวคะ เสื่อที่บ้านฉันมันใหญ่ไม่พอ ก่อนหน้านี้มีคนจะให้ผ้าห่มฉันสองผืน เดี๋ยวฉันขอไปเอาก่อน ถ้าผู้ใหญ่บ้านออกมาแล้ว พวกคุณไปกันก่อนได้เลย เสร็จแล้วฉันจะตามไปค่ะ”
“ไปเถอะ” เหล่าจ้าวนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่ใจกว้างขนาดนี้
เวลานี้คูปองสำหรับซื้อผ้ากำลังขาดแคลน เตียงหลังหนึ่งต้องใช้ผ้ามาทำผ้าห่มหลายเมตร เช่นนั้นใครกันที่ใจดีจะให้ผ้าห่ม ทั้งยังให้ตั้งสองผืนอีกด้วย แสดงว่าคนผู้นั้นต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับเด็กสาว
หลังแยกตัวออกมา เซี่ยโม่วางแผนเอาไว้แล้วว่า หากใกล้ถึงบ้านหลังเก่าของคุณปู่จ้าว ค่อยหยิบผ้าห่มทหารจำนวนสองผืนออกมาจากในโกดังสินค้า
เมื่อเดินไปถึงสี่แยก เธอบังเอิญเจอคุณปู่หลี่ที่เปิดร้านซ่อมรองเท้า
“สวัสดีค่ะคุณปู่หลี่” เธอยิ้มทักทาย
อีกฝ่ายจำเด็กสาวได้ในทันที
“นางหนู ฉันได้ยินเหล่าจ้าวว่าเธอให้คำแนะนำเขาดีมาก นี่กำลังจะไปหาเขาเหรอ แต่ตอนนี้ตาแก่นั่นไม่อยู่บ้านนะ”
“ฉันไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรมากมายหรอกค่ะ อีกเดี๋ยวคุณปู่จ้าวก็คงกลับมาแล้ว”
ได้ฟังดังนั้นเหล่าหลี่จึงเอ่ยออกไป “ฉันว่าจะไปหาเขาสักหน่อย ไปดูสิว่าเป็ยังไงบ้าง”
น้ำเสียงของคุณปู่หลี่ฟังออกชัดเจนว่าเป็ห่วงคุณปู่จ้าวไม่น้อย ถึงอย่างไรไม่ช้าหรือเร็วคุณปู่หลี่ก็ต้องทราบเื่นี้อยู่ดี เช่นนั้นให้ทั้งสองคนได้ระลึกความหลังกันหน่อยก็ไม่เสียหาย
“คุณปู่หลี่ ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ได้!”
เมื่อเดินมาจนใกล้ถึงบ้านคุณปู่จ้าว เซี่ยโม่เข้าไปหลบอยู่หลังต้นไม้ หยิบผ้าห่มออกมาจากโกดังสินค้าสองผืน แล้วหยิบฝ้ายออกมาในจำนวนที่เพียงพอสำหรับใช้ทำเสื้อ ไม่เพียงแค่นั้นยังเอาข้าวสารออกมาอีกห้ากิโลกรัม
เรียบร้อยแล้วถึงค่อยเดินไปที่หน้าประตูบ้าน ทว่าคุณปู่จ้าวยังไม่มา คุณปู่หลี่ก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน
เวลาต่อมา คุณปู่หลี่กลับมาถึงก่อนเ้าของบ้านเสียอีก
“เธอยังอยู่เหรอ ฉันนึกว่าป่านนี้เหล่าจ้าวคงไปไหนต่อไหนแล้วเสียอีก ที่แท้ยังไม่กลับมาหรอกเหรอ” เหล่าหลี่ถามทันทีที่มาถึง
“คุณปู่จ้าวยังไม่กลับมาเลยค่ะ ทำไมถึงยังไม่กลับมาก็ไม่รู้” เธอตอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้