“ฮูหยินเกิดมารูปโฉมงดงาม ผู้ใดเล่าจะกล้าพูดว่าไม่งามได้” คำชมเหล่านี้สำหรับจี้ฉงเหวินนั้นก็แค่เื่ง่ายดาย เมื่อจี้ฉงเหวินมองไปที่เฉินจิ่นจู๋กลับพบว่าผิวพรรณของนางขาวอมชมพูทั้งดูเอิบอิ่มเป็ประกายเจิดจ้า
นั่นทำให้จี้ฉงเหวินตกตะลึงไม่น้อย
สำหรับปฏิกิริยาของจี้ฉงเหวิน เฉินจิ่นจู๋รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ไม่เสียแรงที่นางใช้เวลาไปทั้งบ่าย แม้แต่ตนที่พอได้เห็นตัวเองนั้นก็ยังรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
“ท่านพี่ ไยจึงเอาแต่จ้องข้าเช่นนั้น น่าเขินอายนัก”
เฉินจิ่นจู๋ไม่ได้เห็นจี้ฉงเหวินลุ่มหลงในตัวนางเช่นนี้มานานแล้ว นับั้แ่นางให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวแก่จี้ฉงเหวิน เขาก็มักจะค้างแรมในห้องของอนุ ถึงแม้จี้ฉงเหวินจะเคารพตนแต่หญิงใดเล่าจะไม่หวังรั้งหัวใจของสามีไว้
“วันนี้ฮูหยินมีเสน่ห์เป็พิเศษ จนทำให้ข้าตาพร่ามัวแล้ว”
สิ่งที่จี้ฉงเหวินพูดนั้นคือความจริง คนทั้งสอง คนหนึ่งมีใจอยากเอาอกเอาใจ ส่วนอีกคนก็รู้สึกสุขสมกับคนงาม ค่ำคืนนี้จึงเริ่มต้นด้วยการที่เฉินจิ่นจู๋รั้งตัวจี้ฉงเหวินให้อยู่ค้างคืนด้วย
เมื่อจี้ฉงเหวินได้รู้ถึงสาเหตุที่เฉินจิ่นจู๋งดงามขึ้นก็โมโหจนไม่อยากจะมาค้างที่ห้องของนางอีก เพียงแต่เฉินอวี๋เต้าที่เป็พ่อตายังอยู่ทำให้เขาไม่อาจวางตัวน่าเกลียดเช่นนั้นได้
……
หน่วยคุ้มภัยทั้งหมดเคลื่อนไปตามเส้นทาง ก่อนที่พวกเขาจะพากันมาถึงละแวกใกล้เคียงกับสันเขาิญญาแบบไม่รู้ตัว เมื่อมาถึงละแวกใกล้เคียงนี้ก็รู้สึกได้ถึงไอหมอกจางๆ
คนท้องที่มาเห็นเข้า ก็โน้มน้าวพวกเขาว่าอย่าเพิ่งไป
“ทุกปีจะมี่เวลาที่ไอหมอกในสันเขาิญญาหนาแน่นเป็พิเศษ ในนั้นมองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ หากไม่ระวังก็อาจตกเหวได้”
พวกชีเหนียงนั้นไม่ได้เร่งรีบ ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกว่าถึงรอสักวันสองวันก็ไม่เป็ไร แต่สินค้าที่หน่วยคุ้มภัยขนส่งมีการจำกัดเื่เวลา หลายวันก่อนเนื่องจากฝนตกหนักทำให้ล่าช้าไปไม่น้อยตอนนี้จึงไม่สามารถเสียเวลาได้อีก
“ในเมื่อทุกท่านคิดจะหยุดรอ เช่นนั้นพวกข้าคงต้องขอแยกทางกันตรงนี้” หวังหู่นั้นไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด เขาอาศัยประสบการณ์หลายปีในอดีตของตนและรู้สึกว่าขอเพียงทิ้งของเซ่นไหว้ไว้จะต้องปลอดภัยเป็แน่
เดิมทีพวกชีเหนียงจะต้องแยกกับหน่วยคุ้มภัยที่เมืองอัน ตอนนี้ก็แค่แยกกันล่วงหน้าหนึ่งวัน ในเมื่อพวกเขาเร่งรีบ สิ่งที่ตนสมควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว จึงไม่ห้ามปรามอีก
“เมื่อเป็เช่นนี้ ก็ขออวยพรให้สหายหวังเดินทางปลอดภัยราบรื่น!”
จ้าวจือชิงก้าวออกมาส่งหวังหู่และคณะ สำหรับท่าทีที่ยังอยากโน้มน้าวของชีเหนียงเมื่อครู่ เขาเองก็เข้าใจ เพียงแต่ตลอดทางมานี้ หวังหู่คือคนที่ยึดมั่นกับความคิดตนเอง คนอื่นพูดมากไป ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาไม่พอใจ อีกทั้งยังเกิดความสงสัยด้วย
เมื่อเป็เช่นนี้ ก็ให้พวกเขาไปเปิดทางก่อนก็ดี ไม่ว่าจะเื่ิญญาหรือโจรปล้น ก็แค่หนึ่งคืน คนเ่าั้เพียงแค่้าทรัพย์สมบัติ คงไม่มีทางปองร้ายถึงชีวิต
จ้าวจือชิงจัดแจงให้ชีเหนียงกับจิ่งเฉินเข้าพักผ่อนเสร็จเรียบร้อย ก็ไปวนเวียนสืบข่าวคราวที่อำเภอขนาดเล็กใกล้ที่พัก
......
“ดูก็รู้ว่าน้องชายไม่ใช่คนที่นี่สินะ” ที่เพิงร้านน้ำชา ชายสูงวัยยื่นชาร้อนกรุ่นมาให้ เมื่อได้ยินว่าเขาจะสืบเื่ของสันเขาิญญาก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่แน่นอน “หากพวกเ้าไม่มีเื่สำคัญเร่งด่วน ข้าขอเตือนพวกเ้าอย่าใช้เส้นทางสันเขาิญญาจะดีกว่า ที่นั่นไม่ควรผ่าน”
ชายสูงวัยพูดถึงสันเขาิญญาก็ทำท่าทีหวาดระแวง จ้าวจือชิงจึงล้วงเงินออกโดยไม่ส่งเสียง
“ท่านลุง อันที่จริงเพราะข้าจำเป็ต้องเดินทางผ่านเส้นทางนั้น มิเช่นนั้นคงไม่มาสอบถามหรอก”
เมื่อเห็นเงิน ชายสูงวัยก็ชำเลืองมองว่าไม่มีผู้ใดเห็น จากนั้นจึงรีบนำเงินขึ้นมาลองขบดู แล้วยัดเก็บอย่างรวดเร็ว
“่แรก สันเขาิญญามีข่าวลือเื่ิญญาอาละวาด ต่อมาขบวนพ่อค้าเดินทางผ่านบ่อยครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอผ่านไปนานเข้าเื่ราวสันเขาิญญาก็เงียบหายไป แต่ไม่กี่วันมานี้จู่ๆ สันเขาิญญาก็ปรากฏไอหมอกหนาแน่นขึ้น พอวันรุ่งขึ้นเมื่อไอหมอกจางหายไป ก็เหลือทิ้งไว้เพียงรอยเท้า รอยล้อ รอยเกือกม้ากับรอยเท้าม้าเต็มไปหมด”
“เ้าไม่รู้เสียแล้วว่า มีครั้งหนึ่งมีคนไปพบรอยเืที่นั่นด้วย ต่อมาเมื่อนายอำเภอไปตรวจดู ก็บอกว่าสันเขาิญญามีโจรปล้น เพียงแต่ก็แค่คำเล่าลือและไม่มีผู้ใดพบเห็นมาก่อน ทว่ามีขบวนพ่อค้าที่เคยเดินทางผ่านออกมาได้เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีหนที่สองอีก”
จ้าวจือชิงฟังและเผยท่าทีไม่เชื่อ “ข้าไม่เชื่อว่านายอำเภอจะปล่อยให้เื่เล่าลือเช่นนี้กระจายในอำเภอ ไม่มีการส่งคนไปสืบความจริงหรือ?”
ชายสูงวัยได้ฟังก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปปิดปากเขา “พูดเพ้อเจ้อไม่ได้เชียวนะ นายอำเภอคนก่อนก็เพราะพาเ้าหน้าที่ขึ้นสันเขาิญญา นับั้แ่นั้นมาก็ไม่เคยได้ลงมาจากเขาอีก มีคนบอกว่านายอำเภอถูกคนบนสันเขาิญญาสังหาร ตอนนี้นายอำเภอคนใหม่แค่อยากมีชีวิตอยู่รอด ไหนเลยจะยังกล้ายุ่งเื่สันเขาิญญา”
จ้าวจือชิงพยักหน้า “เมื่อเป็เช่นนั้น คนบนสันเขาิญญาเคยลงมาระรานชาวบ้านข้างล่างเขาหรือไม่?”
ชายสูงวัยได้ยินเขาถามเช่นนี้ ดวงตาก็สอดส่องรอบๆ “น้องชายคงไม่เคยเห็นกับตาสินะ ทุกครั้งเมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ในอำเภอมักจะมีเหตุการณ์วุ่นวายไม่สงบสุข แต่ไม่เคยมีการสังหารผู้คนเกิดขึ้นขอเพียงพวกเราวางของไว้หน้าบ้านตนเอง จากนั้นพวกเขาจะเอาของไปและไม่ทำร้ายผู้คน”
……
จ้าวจือชิงกลับมาก็บอกเล่าให้ชีเหนียงฟัง แต่ชีเหนียงกลับรู้สึกว่าเื่ราวแบบนี้เหมือนนางเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ในเมื่อชายผู้นั้นเล่าเช่นนี้ คนบนสันเขาิญญา เกรงว่าคงอยากได้ของที่ใช้ได้จริง เมื่อเป็เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นเราก็เตรียมอาหารแห้งบนรถม้าไว้มากหน่อย ถึงเวลาก็วางของทิ้งไว้ก็พอ”
สิ่งที่ชีเหนียงพูดนั้นตรงกับความคิดของจ้าวจือชิง กระทั่งเขาก็สงสัยว่าบนสันเขาิญญาไม่ได้มีโจรแต่อย่างใด เพียงแค่มีคนแกล้งกุเื่ราวิญญาอาละวาดขึ้นมา
……
รุ่งเช้า พวกชีเหนียงขึ้นรถม้าและคิดจะเร่งเดินทางไปยังสันเขาิญญา แต่กลับพบว่ามีแต่ไอหมอกทั่วทุกหนแห่ง ท่ามกลางไอหมอกเหมือนจะได้เสียงร้องไห้โหยหวนของหญิงสาวดังขึ้นมา ระหว่างเดินทางผ่านไอหมอกกระดิ่งรถม้าก็ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งไปตลอดทาง ้าสันเขาิญญาปรากฏร่างใหญ่ของชายผู้หนึ่งที่หิ้วตัวคนที่ถูกจับมัดมาด้วย
“ใช่พวกเขาหรือไม่?” ผ่านไปสักพัก เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบ ก็เหลือบมองผู้ที่ตนลากมาด้วยก่อนจะพบว่า คนที่ถูกมัดโดนอุดปากเอาไว้ ชายตัวใหญ่จึงได้นำสิ่งที่อุดปากชายอีกคนออก
“ใช่พวกเขาหรือไม่?”
“ใช่ ใช่ คือพวกเขา นี่คือเสียงกระดิ่งรถม้าของพวกเขา…” ยังไม่ทันรอให้พูดจบก็ถูกอุดปากอีกครั้ง
ส่วนคนที่ถูกอุดปากมองดูรถม้าด้านล่าง ในใจก็พลันเกิดความรู้สึกผิดเมื่อวานพวกเขาไม่ควรออกเดินทางมาก่อน ใครจะรู้ว่าเพิ่งถึงสันเขาิญญาก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ของหญิงสาว เขาเพิ่งจะวางของเซ่นไหว้เสร็จ กลับคิดไม่ถึงว่าพอลุกขึ้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากความมืดจากนั้นก็มีเสียงเข่นฆ่าของทั้งสองฝ่ายดังขึ้น
ต่อมาพวกเขาเหมือนจะไม่เจอสิ่งที่ค้นหา ส่วนตัวเองก็แอบแกล้งตายอยู่ด้านข้าง แต่กลับถูกพวกเขาจับได้ จึงถูกพากลับไปด้วย พอมองดูถึงรู้ว่า สันเขาิญญาแห่งนี้มีกลุ่มโจรปรากฏตัวออกมา อีกทั้งยังเป็โจรที่ฆ่าสังหารผู้คน
คนที่ถูกจับก็คือหวังหู่นั่นเอง เดิมทีเขารู้สึกว่าประสบการณ์ของตนไม่มีทางผิดพลาด กลับคิดไม่ถึงว่าคณะคุ้มภัย นอกจากเขากับเอ้อร์เลิ่งจื่อ ทุกคนกลับถูกสังหารจนหมด ส่วนเหตุผลที่เก็บพวกเขาทั้งสองไว้ก็เพราะได้ยินจากตนเองว่าในขบวนเดินทางยังมีคนร่ำรวย โจรพวกนั้นจึง้าได้เงินจากตัวพวกเขา
เมื่อครู่นี้ในที่สุดพวกลั่วชีเหนียงก็มาถึงเสียที ถือว่าเขาเองก็อดทนมาได้ รอคนกลุ่มนี้จับตัวลั่วชีเหนียงไปได้ เขาก็จะได้อาศัยจังหวะนี้หนี
-----