“ฉินหลาง...ฉัน...อันที่จริงฉัน...”
“ไม่เป็ไร นี่เป็เื่ดีนี่นา” ฉินหลางสงบลงอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าด้วยความสามารถของรั่วปิน การไปเรียนต่อต่างประเทศดีที่สุด ดังนั้นเขาจะไม่เป็ตัวถ่วงของเธอ “ต่อไปตอนปิดเทอม ไม่แน่เราอาจจะได้เจอกัน เอาอย่างนี้ดีกว่า ตอนเย็นเธอจะไปตอนกี่โมง ฉันช่วยเธอเก็บของ”
“กินข้าวเสร็จก็ไปเลย” รั่วปินก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง
“งั้นรีบกินกันเถอะ” ฉินหลางกินข้าวคำใหญ่ๆ แต่กลับรู้สึกว่าอาหารพวกนี้ไม่มีรสชาติ “จริงสิ เธอจะไปเรียนมหาลัยอะไร?”
“ไปเรียนมหาลัยอะไร สำคัญจริงๆ เหรอ?”
“...”
ถึงแม้เขาจะเพิ่งกลับมาเจอรั่วปินแค่ไม่นาน แต่ว่ารั่วปินเป็ความทรงจำที่สวยงามในวัยเด็กของเขา ความรู้สึกที่สนิทสนมกันั้แ่เด็กแบบนี้ ทั้งคู่ล้วนเก็บไว้ในใจเป็อย่างดีมาตลอด จู่ๆ ก็ต้องมาแยกจากกันอีก ฉินหลางถึงได้ชัดเจนว่า ความจริงแล้วความรู้สึกนี้สำคัญกับเขามากขนาดไหน
เพียงแต่ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฉินหลางกับรั่วปินมาถึงหน้าโรงเรียน
รั่วปินไม่ได้อยู่หอพักของโรงเรียน จึงไม่ได้มีข้าวของอะไร มีเพียงหนังสือไม่กี่เล่มเท่านั้น
แสงแดดยามบ่ายค่อนข้างร้อนแรง ฉินหลางรู้สึกแสบตาไม่น้อย รั่วปินเองก็เหมือนจะรู้สึกเช่นกัน
“อากาศค่อนข้างร้อน ฉันไปซื้อไอศกรีมให้เธอดีกว่า” ฉินหลางหันไปบอกรั่วปิน
“ฉันเอาตัวการ์ตูน”
“คิก เธอยังชอบรสนี้เหมือนเดิม” ฉินหลางพยักหน้า ไปซื้อไอศกรีม ‘ตัวการ์ตูน’ สองแท่งจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ โรงเรียน
ฉินหลางเพิ่งจะซื้อไอศกรีมเสร็จ ก็เห็นรถหรูสีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้ารั่วปิน
แต่รั่วปินยังไม่ได้ขึ้นรถเลย เพราะเธอกำลังรอฉินหลางเอาไอศกรีมมาให้อยู่
ตอนนี้ที่นั่งแถวหลังมีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่หน้ามาทางหน้าต่าง ถามรั่วปินว่า “เ้าปิน ทำไมยังไม่ขึ้นรถ?”
“เธอเอง—”
ฉินหลางจำผู้หญิงที่อยู่ในรถคนนี้ได้ เพราะใบหน้านี้ทำให้ฉินหลาง ‘จำฝังใจ’ ั้แ่ตอนอนุบาล เพราะวันที่รั่วปินย้ายไปจากโรงเรียนอนุบาลดอกทานตะวัน ผู้หญิงคนนี้ตบหน้าเขาหนึ่งที พร้อมกับด่าว่าเขาเป็ ‘เด็กอันธพาล’
“เธอเป็ใคร?” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในรถเหลียวมองฉินหลาง จากนั้นก็พูดเองเออเองว่า “ช่างเถอะ ยังไงซะเ้าปินก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวแมลงวันอะไรแถวนี้”
ฉินหลางได้ยินแล้วเดือดไม่น้อย เขาพอจะเดาออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็ใคร ดังนั้นเขาจึงอดทนเอาไว้ เพราะไม่อยากให้รั่วปินมีความทรงจำที่ไม่ดี ในวันที่เธอจะต้องจากไป
“ฉินหลาง...ลาก่อน!” น้ำเสียงของรั่วปินเหมือนคนจะร้องไห้
“อืม ลาก่อน—รีบกินเถอะ เดี๋ยวไอศกรีมจะละลายซะก่อน”
“เ้าปิน รีบขึ้นรถเถอะ ได้เวลาต้องไปแล้ว”
ตอนนี้เองผู้หญิงคนดังกล่าวเร่งรั่วปินขึ้นรถ จนรถหายลับไปฉินหลางเพิ่งจะได้สติ
จากนั้นฉินหลางเหม่อลอยอยู่ในสวนหย่อมของตึกคณิตศาสตร์นานมาก จนถึงกริ่งเข้าเรียนดังขึ้นทำให้เขาได้สติอีกครั้ง
ฉินหลางเดินเหม่อเข้ามาถึงห้องเรียน ที่นั่งของรั่วปิน ‘ไม่มีคนนั่ง’ แล้ว ราวกับมันกำลังเตือนฉินหลางว่า รั่วปินได้จากไปแล้วจริงๆ ในขณะเดียวกันมันก็แสดงว่า ความทรงจำที่สวยงามในวัยเด็ก ก็หายไปตามกาลเวลาแล้วเช่นเดียวกัน
“นักเรียนทุกคน ครูมีข่าวดีจะบอกทุกคน—”
เมื่อเดินขึ้นมาหน้าห้องแล้ว ซุนปอพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น “รั่วปินที่เรียนห้องเรา ได้รับแจ้งจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นอกจากจะสอบเข้าได้แล้ว ยังได้รับทุนจนเรียนจบมหาลัยด้วย!”
ในห้องฮือฮาขึ้นมา บางคนใ บางคนอิจฉา
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็มหาวิทยาลัยที่คุ้นหูกันอยู่แล้ว และห่างๆ ไกลมากด้วย
โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนม.ปลายแล้ว นั่นยิ่งเป็ความฝันที่เป็จริงได้ยากมาก
“นี่เป็ความภูมิใจของม.6 ห้อง11 ของเรา และก็เป็ความภูมิใจของโรงเรียนชีจงด้วย! แม้ว่าทุกปีจะมีเป้าหมายให้นักเรียนในเมืองเซี่ยหยางของเราสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฮวาชิง และมหาวิทยาลัยจิงต้าได้ แต่คนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แถมยังเป็นักเรียนทุนอีก รั่วปินถือว่าเป็คนแรก! ในฐานะที่เป็อาจารย์ประจำชั้นของเธอ ฉันรู้สึกภาคภูมิใจมาก...”
ซุนปอพูดต่อเรื่อยๆ ราวกับการที่รั่วปินสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้นั้นเป็ความดีความชอบของเขา
ผ่านไปเกือบสิบนาที กว่าซุนปอจะพูดจบ จากนั้นก็เปลี่ยนเื่พูดทันที “แม้ว่ารั่วปินจะเป็ความภาคภูมิใจของห้องเรา แต่ก็มีนักเรียนแย่ๆ ที่เป็แกะดำในหมู่พวกเธอ ทำให้ฉันรู้สึกเ็ปใจมาก! ฉินหลาง! จ้าวเหว่ย! ยืนขึ้น!”
ยังไงซะซุนปอก็เป็อาจารย์ประจำชั้น ยังต้องให้เกียรติเขาอยู่บ้าง ได้ยินเขาตะคอกอย่างนี้ จ้าวเหว่ยก็รีบลุกขึ้นทันที แต่เมื่อเขาลุกขึ้นแล้ว เพิ่งจะสังเกตว่า ฉินหลางไม่ได้สนใจเลย เขาจึงรีบสะกิดฉินหลา
“พวกเธอสองคน ่นี้ขาดเรียนบ่อยมาก ถึงขั้นขาดเรียนติดๆ กันหลายวัน! การกระทำของพวกเธอ ทำให้ภาพลักษณ์ของห้องเราแย่มาก เพื่อไม่ให้เป็แบบอย่างที่ไม่ดี ฉันตัดสินใจจะลงโทษพวกเธออย่างรุนแรง ฉินหลาง แจ้งผู้ปกครองให้รับทราบ และเข้าห้องอบรมคุณธรรมจนเต็มวัน ส่วนจ้าวเหว่ย—แจ้งผู้ปกครองให้รับทราบ เตรียมทำเื่ออกจากโรงเรียน!”
“อะไรนะ!” คำพูดของซุนปอทำให้จ้าวเหว่ยใมาก แม้ว่า่นี้เขาจะขาดเรียนไปหลายวันก็จริง แต่คิดไม่ถึงว่าซุนปอจะโหดขนาดนี้ จะไล่เขาออกเลย นี่เป็การเชือดไก่ให้ลิงดูชัดๆ! อีกอย่าง จ้าวเหว่ยรู้ว่า ฉินหลางขาดเรียนมากกว่าเขา ทำไมฉินหลางได้รับแค่การแจ้งเตือนธรรมดาๆ ล่ะ
จ้าวเหว่ยจะรู้ได้ยังไง ว่าอันที่จริงแล้ว ซุนปออยากจะไล่ฉินหลางออกต่างหาก แต่ประเด็นคือซุนปอยังไม่รู้พื้นหลังของฉินหลาง ครั้งก่อนฉินหลางมีเื่วิวาทกับไช่เว้ยตง แต่คนที่โอหังอย่างไช่เว้ยตงกลับไม่ได้หาเื่อะไรต่อจากนั้น นั่นทำให้ซุนปอรู้ว่าเ้าฉินหลางก็น่าจะมีพื้นหลังอยู่ไม่น้อย ดังนั้นต่อให้เขาจะเกลียดฉินหลาง ก็ทำได้เพียงแจ้งเตือนเท่านั้น ส่วนจ้าวเหว่ยนั้นไม่เหมือนกัน ซุนปอรู้ว่าพ่อของจ้าวเหว่ยนั้นทำการค้า ดังนั้นเขาจึงสามารถลงโทษจ้าวเหว่ยได้ตามใจ ส่วนจ้าวเหว่ยจะโดนไล่ออกจริงหรือเปล่านั้น ก็ต้องดูว่าพ่อของจ้าวเหว่ยจ่ายใต้โต๊ะเป็หรือเปล่า เพราะซุนปอตั้งใจให้จ้าวเหว่ยแจ้งกับผู้ปกครองแล้ว
“โอเค ตกลงตามนี้ ตอนนี้เตรียมตัวเรียน”
“อาจารย์ซุน คุณทำแบบนี้ลำเอียงไปไหม?” ตอนนั้นเอง ฉินหลางก็พูดขัดซุนปอขึ้น “อาจารย์ซุนครับ ถ้าผมจำไม่ผิด ผมขาดเรียนมากกว่าจ้าวเหว่ย แล้วทำไมผมถึงถูกลงโทษเบาแบบนี้?”
ซุนปอได้ยินที่ฉินหลางพูดแล้ว ก็แอบด่าในใจ นี่แกบ้าหรือไง ทว่ากลับพูดว่า “นักเรียนฉินหลาง เธอเพิ่งย้ายมาเรียนที่ชีจง เธอเลยยังไม่ค่อยรู้กฎของโรงเรียนชีจง เพราะฉะนั้นพวกเราจึงมีความ้าช่วยเปลี่ยนแปลงเธอ ส่วนจ้าวเหว่ยไม่เหมือนกัน เขามาที่ชีจงก่อนหน้าเธอ สำหรับกฎระเบียบต่างๆ ของชีจงเขาชัดเจนมากกว่าเธอ ดังนั้นเขาทำผิดกฎทั้งๆที่รู้กฎ ความผิดจึงหนักกว่าอยู่แล้ว”
“อาจารย์ซุน ไล่เขาออกไม่ได้!” น้ำเสียงของฉินหลางมุ่งมั่นมาก เขาไม่อยากจะอธิบายกับซุนปอด้วยซ้ำ เพราะวันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีมาก
“ฉินหลาง อย่าลืมว่า ฉันเป็ครู! ฉันมีสิทธิ์จะทำอย่างนี้ ฉันจะไล่เขาออก ใครจะทำไม!” ซุนปอก็เริ่มเดือดแล้ว เขามองฉินหลางไม่ดีั้แ่ต้นแล้ว ตอนนี้ฉินหลางยังจะท้าทายเขาแบบนี้อีก ซุนปอจึงเดือดดาลเป็ธรรมดา
ในห้องเรียน เหมือนว่าจะเต็มไปด้วยกลิ่นะเิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้