เล่มที่ 3 บทที่ 80
ในจังหวะที่มู่หรงฉิงและชายผู้นั้นสบตากัน การเดินหมากขององค์ชายรัชทายาทต้องจบลงด้วยความพ่ายแพ้ เขาโยนตัวหมากที่เหลือลงบนกระดาน "โธ่ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็ศิษย์ จะชนะท่านอาจารย์ได้อย่างไร ไม่เล่นแล้ว น่าเบื่อ"
พูดจบโดยไม่รอให้อาจารย์ของเขาเอ่ยตอบโต้ก็ดึงชายที่งีบหลับอยู่บนเก้าอี้หวายให้ลุกขึ้น พาเดินจากไปด้วยท่าทางใกล้ชิดสนิทสนม
ั้แ่ต้นจนจบ องค์ชายรัชทายาทไม่เคยสนใจมู่หรงฉิงที่ยืนอยู่ในระยะไกล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คงไม่มีใครเข้าตาเขานอกจากชายหนุ่มผู้โดดเด่นผู้นั้น
แต่ในทางกลับกัน เมื่อชายคนนั้นลุกขึ้น เขาได้ทอดมองมาที่มู่หรงฉิงด้วยความสนใจ สายตาของเขาโจ่งแจ้งมากกว่าการกระทำอย่างไม่ตั้งใจก่อนหน้า เขาชำเลืองมองด้วยสายตายั่วยวนกลืนกินจิติญญา หากไม่ใช่เพราะมู่หรงฉิงได้เตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้ว เกรงว่านางคงจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์สับสนและรีบกระโจนเข้าไปโดยไม่สนใจสิ่งใดแล้วเป็แน่แท้
ชายหนุ่มคนนั้นช่างเป็หายนะของบ้านเมืองและประชาชนอย่างแท้จริง นางคิดในใจแต่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเ็า รอยยิ้มนี้ช่างเยือกเย็นประดุจหิมะ ปราศจากความรักความผูกพัน ปราศจากความขุ่นเคือง มันคล้ายกับเกล็ดหิมะที่ร่วงโรยลงมาในฤดูหนาว กระจ่างใส เย็นะเืและทิ่มแทงทะลุหัวใจคน
ครั้นชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มของนาง รอยยิ้มของเขาถึงกับชะงักค้างในทันใด แต่หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเช่นเดิมก่อนเดินจากไปพร้อมกับองค์ชายรัชทายาท
ทันทีที่ทั้งสองคนนั้นและองครักษ์จากไป อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทจึงถอนสายตาออกจากกระดานหมากรุกพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นค่อยๆ เก็บหมากรุกทีละชิ้น
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท มู่หรงฉิงก็รู้สึกงุนงงโดยปราศจากเหตุผล แม้เขาจะไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใดและสีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าใน่ระยะเวลาสั้นๆ มู่หรงฉิงดูเหมือนจะได้เห็นความสุข ความโกรธ ความเศร้าโศก ความคับแค้นใจของเขา ชั่วขณะหนึ่งนางยังคิดว่า ชายผู้เงียบขรึมคนนั้นเป็เหมือนภาพเขียนบนผนังซึ่งเขาเป็เพียงตัวละครที่มีชีวิตชีวาภายใต้พู่กันของใครบางคน
ความคิดนั้นปรากฏวับราวกับมีแสงสว่างในสมองของมู่หรงฉิง ทำให้ดวงตาของนางจมดิ่งลงในทันที ใช่เขาหรือไม่? คนคนนั้นใช่เขาหรือไม่?
จังหวะที่มู่หรงฉิงตกอยู่ในภวังค์ อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทก็ลุกขึ้น เตรียมพร้อมที่จะไปยังทะเลสาบที่จัดงานเลี้ยง แต่ไม่คาดคิดว่า ขณะหมุนตัวหันหลังกลับเห็นผู้หญิงที่ทำให้เขาคับแค้นใจและเกลียดชังยืนอยู่ไม่ไกล นางได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ชั่วพริบตาเดียวเขารู้สึกคล้ายได้ย้อนเวลากลับไป ได้เห็นนางก้าวขึ้นบันไดร่ายรำเป็ดอกอิงฮวา* ร่ายรำตามสายลมพัดควบคู่ไปกับท่าร่ายรำอันแสนวิเศษของนาง อยู่ใกล้และอยู่ไกล อยากจะคว้าจับไว้ แต่จับไว้ไม่ได้ อยากจะให้อยู่แต่ก็ไม่อาจอยู่ได้...
(*ดอกอิงฮวา หมายถึง ดอกซากุระ)
ทั้งคู่ต่างสูญเสียสติ มู่หรงฉิงไม่ได้คิดที่จะเข้าหาอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทอีกต่อไป นางรู้สึกอยากกลับจวนให้ได้เสียเดี๋ยวนั้น นาง้ากลับไปเปิดกล่องที่เต็มไปด้วยฝุ่น เปิดความสงสัยในใจ เสมือนว่าแค่เปิดกล่องนั้นนางก็จะพบเบาะแสทั้งหมด
หลังจากคำนับให้อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท มู่หรงฉิงจึงหมุนตัวหันหลังกลับและเดินจากไป ปี้เอ๋อร์เพิ่งได้เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า ทว่าแม้ไม่ทราบสาเหตุ ถึงกระนั้นนางก็ยังก้าวเท้าเดินตามมู่หรงฉิงพลางเอ่ยถามเสียงเบา “คุณหนูใหญ่?”
ปี้เอ๋อร์ไม่เข้าใจ จุดประสงค์ของการมาในวันนี้คือการพบเจอกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท แต่ครั้นพบเจอแล้ว ทำไมถึงต้องเลี่ยงด้วย?
“ปี้เอ๋อร์ บางทีข้าคิดผิดแล้ว” จุดประสงค์ของแม่รองเฉินไม่ใช่หญ้าชิงิอะไรนั่น แต่จุดประสงค์ของแม่รองเฉินที่้าให้นางพบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทไม่ใช่เพื่อตักเตือนเขาเื่สุขภาพหรือเื่ต้องยาพิษ แต่เพียง้าให้อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทพบนางและใส่ใจนางก็เท่านั้น
นางคำนวณผิดแล้ว นางสามารถจินตนาการได้ว่า ครู่ก่อนถ้านางก้าวเท้าเข้าไปหาเขา ถ้าอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ถ้าเกิดถูกคนบังเอิญมาพบเห็น... นางนึกไม่ออกว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นใด และถัดจากนั้นนางจะต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ใด
เป้ยหนิงกำลังถูกขังและทางด้านท่านอาจารย์ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ คิดว่าในเวลานี้ เฉินเทียนหยูและจ้าวจื่อซินต้องเข้าไปเกี่ยวพันอยู่กับอะไรบางอย่าง ส่วนชุ่ยเอ๋อร์ไม่ต้องสงสัยเลย อีกฝ่ายจะไม่ปรากฏตัวจนกว่านางจะประสบอุบัติเหตุ
ทั้งหมดนี้เริ่มต้นั้แ่เมื่อใด? ใครเป็คนเปิดเผยแผนการของนาง? นี่คือแผนการของแม่รองเฉิน? หรือเป็แผนการของอนุหนิง?
ถ้าแม่รองเฉินรู้ทันแผนของนาง แม่รองเฉินคงไม่มาแสดงละครเช่นเมื่อวาน การแสดงละครของแม่รองเฉินไม่มีอะไรมากไปกว่า้าให้นางได้พบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท เพื่อให้เขารับรู้ว่ามีมู่หรงฉิงอยู่บนโลกก็เท่านั้น
และหลังจากรับรู้แล้วจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ดังนั้นแม่รองเฉินจึงไม่ปล่อยให้นางประสบอุบัติเหตุในวันนี้อย่างแน่นอน แล้วถ้าไม่ใช่แม่รองเฉินก็แสดงว่าเป็อนุหนิง
ท่าทีของมู่หรงยวี่ในวันนี้ค่อนข้างผิดแปลกจากปกติ เห็นๆ อยู่ว่ามาอย่างหยิ่งผยอง แต่ในตอนท้ายกลับเก็บความเย่อหยิ่งลำพองเอาไว้ ตามอุปนิสัยที่ไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้ของมู่หรงยวี่ อีกฝ่ายจะต้องทำให้นางอับอายขายหน้าก่อนถึงจะพึงพอใจเป็แน่
การอดทนอดกลั้นของมู่หรงยวี่ การที่เป้ยหนิงถูกกักขังไว้กอปรกับไม่เห็นเฉินเทียนหยูและจ้าวจื่อซินเป็เวลานาน รวมถึงชุ่ยเอ๋อร์ที่หายตัวไปไม่เห็นแม้กระทั่งเงา หลังจากเชื่อมโยงเื่ราวทั้งหมด ดวงตาของมู่หรงฉิงถึงกับสว่างวาบฉับพลัน
ถ้านางคิดไม่ผิด คนที่ทำให้แผนการของแม่รองเฉินพังทลายจะต้องเป็อนุหนิงอย่างแน่นอน
แม่รองเฉิน้าใช้นางในการล่ออาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทออกมา แต่ในทางกลับกันอนุหนิง้าให้นางเสียชื่อเสียง
เสือสองตัวกำลังต่อสู้กัน แต่นางช่วยชีวิตตัวเองให้รอดจากหายนะได้เนื่องจากความทรงจำที่ปรากฏประปรายอยู่ในใจเ่าั้
“ปี้เอ๋อร์ เ้าจงคิดวิธีพามู่หรงยวี่ไปที่เรือนของเป้ยหนิง” จากนั้นนางก็หันศีรษะเล็กน้อย และเมื่อเห็นอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทเดินตามมาประหนึ่งสูญเสียจิติญญาปานนั้น มู่หรงฉิงจึงยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง
อนุหนิง อนุหนิงช่างใจร้ายมากจริงๆ
เพียงแต่เวลาในแผนการของอนุหนิงยังมาไม่ถึง ทำไมถึงได้เปลี่ยนแผนการเสียจนอยากจะทำให้นางที่เป็หมากตัวหนึ่งเสียไปั้แ่เนิ่นๆ ล่ะ?
ปี้เอ๋อร์ไม่เข้าใจความคิดของมู่หรงฉิงแต่ครั้นนางเห็นความเกลียดชังในสายตาของมู่หรงฉิง นางก็ไม่ถามมากอีกต่อไป “คุณหนูใหญ่ระวังตัวด้วย ถึงแม้ว่าอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทจะดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่ได้ยินมาว่า ทักษะการต่อสู้ของเขานั้นไม่เลวเลย"
จากการตักเตือนของปี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงพยักหน้าเพื่อบอกเป็นัยให้รู้ว่าเข้าใจ ทันทีที่ทั้งคู่เดินไปทางูเาหิน พวกนางก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว ปี้เอ๋อร์ไปล่อมู่หรงยวี่ ส่วนมู่หรงฉิงเดินไปตามเส้นทางที่ปี้เอ๋อร์บอกไว้โดยมุ่งตรงไปทางเรือนของเป้ยหนิง
ครั้นมองอาคารด้านหน้า มู่หรงฉิงพลอยรู้สึกหงุดหงิดที่นางประเมินตัวเองสูงเกินไป ความจริงคือการรับรู้ทิศทางของนางอยู่ในระดับแย่มากถึงกับทำให้คนหัวเราะเยาะ
ที่นี่ที่ไหนหรือ? สังเกตดูอาคารหลังนี้ ทำไมถึงดูเหมือนหอบรรพบุรุษล่ะ? หรือเป็อุโบสถ?
“ชิงหย่า ชิงหย่า”
หลังจากได้ฟังเสียงะโเรียกดังแว่วเข้ามา มู่หรงฉิงย่อมไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกต่อไป ทั้งไม่สนใจว่าสถานที่นั้นจะสามารถเข้าไปได้หรือไม่ นางสาวเท้าไปข้างหน้าและผลักประตูที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งออก หลังจากเข้าไปในหอแห่งนั้น นางก็ปิดประตู
อารมณ์ของอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทนั้นผิดแปลก คิดว่าเขาจะต้องถูกใครสักคนลงมือทำอะไรไว้
อย่างไรก็ดีอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทชอบศึกษาเกี่ยวกับวิธีการรักษาสุขภาพค่อนข้างมาก คิดว่าเขาจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งสกปรกทั่วไปอยู่หลายส่วน บุคคลเช่นเขายังตกลงไปในกับดักเลย พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่ทำนั้นทรงพลังมาก คนที่วางกับดักก็คงต้องเป็คนที่เขาเชื่อใจ
หลังรับรองได้ว่าประตูได้ปิดอย่างแ่าแล้ว และจะไม่ถูกอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทค้นพบ มู่หรงฉิงจึงเอนหลังพิงประตู หลับตาลงและปล่อยลมหายใจอย่างแ่เบา
หลังจากหายใจออกหนึ่งหนกลับรู้สึกราวมันถูกสะท้อนกลับมาอย่างไรอย่างนั้น ต่อมาลมร้อนก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าและนำพากลิ่นหอมจางๆ มาพร้อมกัน
มู่หรงฉิงถึงกับใ เบิกตากว้าง ครั้นเห็นคนตรงหน้า นางก็บอกไม่ถูกว่าเป็ความรู้สึกดีใจหรือแปลกใจ “ทำไมถึงเป็ท่าน?” เมื่อเหลือบมองคนข้างๆ “พวกเ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือ?”
“ศิษย์ที่ดี... ข้าแทบจะไม่ได้มีโอกาสเจอเ้าแล้ว” หมอเทวดาโผเข้ากอด... กอดมู่หรงฉิงถึงกับจะเปล่งเสียงแหลมอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
“เ้าออกไป ไม่อนุญาตให้เ้ากอดน้องหญิง” เมื่อเฉินเทียนหยูเห็นน้องหญิงของเขาถูกชายชรากอด เขาโกรธเป็อย่างมากจึง้าก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อดึงชายชราออกมา แต่กลับถูกจ้าวจื่อซินหยุดไว้เสียก่อน "คุณชายรองอย่าแตะต้องเขา"
พูดจบ เขาจึงมองหมอเทวดาด้วยสายตาที่ทำอะไรไม่ถูก ในใจพูดพึมพำว่า ชายชราผู้นี้อยู่คนเดียวเป็เวลานานมากพอแล้ว ณ ปัจจุบันเกรงว่ามีเพียงมู่หรงฉิงเท่านั้นที่เขาสามารถเข้าใกล้ได้
หลังจากที่หมอเทวดาะโและร้องไห้อยู่ชั่วพักหนึ่ง เขาถึงเริ่มบ่นว่า "เ้าก็นะ มอบหมายให้ข้าทำอะไรของเ้า? หลังจากพ่อหนุ่มคนนั้นส่งจดหมายมาให้เมื่อคืน ข้าถูกเ้าหลิงชิงป๋อลากไปพูดคุยเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพและสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ข้าพูดในสิ่งที่เ้าให้พูดทั้งหมด ทั้งยังพูดเพิ่มเสริมเติมแต่งเข้าไปอีก หลังจากที่เขาได้ฟัง เขาก็เหมือนคนตายที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว..."
พูดได้ดี แต่มู่หรงฉิงก็ยังไม่ได้รับทราบสาเหตุความเป็มาของสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ นางจนปัญญาและเลื่อนสายตาไปมองเป้ยหนิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ดูเหมือนว่ามีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เคียงข้างหลิงชิงป๋ออาจจะมีหนอนบ่อนไส้ก็เป็ไปได้” เป้ยหนิงกล่าวพร้อมก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อดึงมู่หรงฉิง และทุกคนก็เดินไปที่ห้องโถงใหญ่
ระหว่างทางไปห้องโถงใหญ่ มู่หรงฉิงถึงได้เห็นว่า ไม่เพียงแต่เฉินเทียนหยูและจ้าวจื่อซินเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ กระทั่งชุ่ยเอ๋อร์ก็อยู่ที่นี่ด้วย ดูเหมือนว่ามีเพียงปี้เอ๋อร์คนเดียวเท่านั้นที่หายไป
"ข้าขอให้ปี้เอ๋อร์ล่อมู่หรงยวี่ไปยังเรือนของเ้า แต่เ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น ข้าควรจะทำอย่างไรดี?" ถ้าปี้เอ๋อร์พามู่หรงยวี่ไปที่นั่น และนางกับเป้ยหนิงก็ไม่อยู่ที่นั่น ปี้เอ๋อร์คงจะต้องลำบากแล้ว
“ข้ากลับไปที่นั่นไม่ได้แล้ว” เป้ยหนิงเบะปาก นางถอนหายใจโดยคิดว่าคนจงหยวนฉลาดแกมโกงเกินไปและมีความคิดคดเคี้ยวซับซ้อนเกินไป จากนั้นนางจึงค่อยๆ อธิบายถึงสาเหตุความเป็มา
ฟังเื่ราวจากเป้ยหนิงซึ่งพูดไปพลาง ก่นด่าไปพลาง ในท้ายที่สุด มู่หรงฉิงถึงเข้าใจเื่ราวทั้งหมด
ปรากฏว่า เมื่อคืนหลังจากจ้าวจื่อซินไปส่งจดหมาย ทั้งคู่ได้อ่านเนื้อหา ขณะเพิ่งจะเผาจดหมายเสร็จ อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท, หลิงชิงป๋อก็มาหา แต่เขากลับเหมือนถูกิญญาปีศาจเข้าสิง ไม่ว่าจะกรณีใด เขาก็้าให้หมอเทวดาตามเขาไปพูดคุยเื่การรักษาสุขภาพให้ได้
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมอเทวดามีมิตรภาพกับหลิงชิงป๋ออยู่หลายส่วน แต่หลังจากถูกร้องขอเป็เวลานาน กอปรกับมู่หรงฉิงได้มอบหมายบางอย่างไว้ เขาจึงอยากไปกับหลิงชิงป๋อแต่ภายนอกนั้นดูไม่อยากไป
ถัดจากนั้นหมอเทวดาก็พูดพล่ามไปเรื่อยผสมโรงกับการพูดเกินจริงไปบ้าง โดยได้ถ่ายทอดเนื้อความของมู่หรงฉิงให้หลิงชิงป๋อ สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังได้พูดถึงความเลวร้ายของหญ้าชิงิ ทั้งยังพูดถึงสภาพการตายของคนที่ต้องยาพิษของหญ้าชิงิว่าน่าเวทนาอย่างไร
หลิงชิงป๋อยังมีท่าทีปกติยามเอ่ยถึงประเด็นดังกล่าว แต่เมื่อหมอเทวดาพูดเื่คาถาที่สามารถเปลี่ยนความทรงจำของผู้คนได้ หลิงชิงป๋อกลับแสดงอาการผิดปกติ จนเห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขานั้นแปรปรวนเป็อย่างมาก
โชคดีที่หลิงชิงป๋อไม่สูญเสียการควบคุมอารมณ์ และหลังจากพูดคุยกับหมอเทวดาจวบจนถึงยามสี่* เขาก็ไม่ได้กลับจวนของตนเองแต่อยู่ในจวนของฮูหยินหลิง
(*ยามสี่ หมายถึง เวลา 01:01 - 03:00 น.)
ทางด้านหมอเทวดาง่วงนอนสุดจะทนแล้ว ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องพร้อมอาการสะลึมสะลือ แต่หลังจากการนอนหลับและตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตนและเป้ยหนิงถูกคนกักขัง เรือนของพวกเขาสามารถเข้ามาได้ แต่ไม่สามารถออกไปได้
จากนั้นองค์ชายสามถึงได้มาที่เรือน โดยพูดถึงการต้อนรับที่ไม่ดี แต่ในคำพูดทั้งภายในและภายนอกมีความหมายหนึ่งเดียว นั่นคือหวังว่าเป้ยหนิงจะสามารถปลูกความสัมพันธ์ตลอดชีวิตกับเขา
เป้ยหนิงมีใครบางคนในใจอยู่แล้ว นางจะถูกล่อลวงโดยหน้าตาภายนอกขององค์ชายสามได้อย่างไร? ดังนั้นนางจึงเพิกเฉยไม่สนใจ นอกจากไม่สร้างปัญหากับอีกฝ่ายยังเป็การไม่ยอมรับอีกฝ่ายด้วย
เดิมคิดว่า หลังจากส่งองค์ชายสามออกไปแล้ว นางจะสามารถไปพบมู่หรงฉิงได้ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่า นางจะออกไปไม่ได้ ทั้งไม่รู้ว่าผู้มีทักษะการต่อสู้ที่กล้าแกร่งจำนวนมากเช่นนั้นมาจากที่ใด พวกเขาเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูเป็สาเหตุให้พวกนางออกจากเรือนไม่ได้
หลังจากฟังคำอธิบายด้วยความขุ่นเคืองของเป้ยหนิง มู่หรงฉิงก็คิดในใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดูเหมือนจะซับซ้อน แต่หลังจากฟังสิ่งที่เป้ยหนิงได้อธิบาย นางย่อมมีคำตอบในใจ
นางเข้าใจแล้วว่าทำไมอนุหนิงถึงยอมที่จะทำลายนางซึ่งเป็หมากตัวหนึ่ง ทั้งยัง้าเลิกล้มแผนการเดิม นั่นเป็เพราะเมื่อคืนฮูหยินหลิงได้ขอให้หมอเทวดาช่วยดูอาการป่วยของผู้หญิงที่น่ารำคาญคนหนึ่ง
คำพูดเ่าั้ย่อมถึงหูของอนุหนิงผู้ที่วางยาพิษให้กับนาง ด้วยสาเหตุดังกล่าวอนุหนิงย่อมไม่้าให้หมอเทวดารับรู้ เนื่องจากพิษชนิดนี้เหมือนกับพิษที่ท่านแม่ของนางได้รับ ถ้าเกิดหมอเทวดาพูดออกมาจนมีคนรู้เื่ อาจมีการตรวจหาเบาะแสกระทั่งนำไปสู่การค้นพบเื่ราวทั้งหมด
เหตุการณ์ข้างต้นบ่งชี้ให้เห็นว่าจะต้องมีคนของอนุหนิงอยู่เคียงข้างอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท
เพียงแต่อนุหนิงกลัวใครจะรู้เื่ที่นางต้องยาพิษ? และทำไมถึงใช้อาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทมาทำลายนาง? ทำเช่นนั้นมันดีสำหรับอนุหนิงอย่างไรหรือ?