แม้ไม่ได้กำเนิดจากครรภ์เดียวกัน แต่สายโลหิตของสองพี่น้องยังคงผูกพันด้วยบิดาเดียวกัน ทว่าความผูกพันนั้นหาเคยมีค่าในสายตาของฉินชิงหร่านไม่ นับแต่เล็กจนโต นางไม่เคยมองน้องสาวต่างมารดาเป็สิ่งใดนอกจากเงามืดที่จืดจาง เพราะในความคิดของนาง เซียนหรูไม่ต่างไปจากหิ่งห้อยที่มีเพียงแสงริบหรี่ ส่วนตนเองต่างหากคือดวงตะวันเจิดจ้าที่เปล่งประกายเหนือผู้คนทั้งตระกูล
ฉินชิงหร่านคือตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจ งดงามพร้อมพรั่งทั้งโฉมสะคราญและพร์อันสูงล้ำ ได้รับทั้งคำสรรเสริญและความรักอบอุ่นแทบทั้งหมดมาโดยตลอด แต่ในยามนี้นางกลับรู้สึกได้ว่าแสงสว่างที่เคยกำลังถูกกลืนกินอย่างเงียบงัน ทุกครั้งที่บิดาหันไปมอบความสนใจให้กับเซียนหรู แม้เพียงน้อยนิด แต่กลับกลายเป็หนามที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในหัวใจของนาง
คำชื่นชมจากผู้คนรอบข้างที่ยังหลั่งไหลไม่ขาด กลับไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกว่างเปล่าภายในใจ ริษยาที่ก่อตัวขึ้นกลับยิ่งลุกลามไม่รู้จบ ราวกับไฟที่โหมไหม้ไม่มีเชื้อเพลิงใดจะดับลงได้ สำหรับนางแล้ว น้องสาวต่างมารดาคนนี้มิใช่ญาติพี่น้อง หากแต่เป็ศัตรูที่ต้องกำจัด
ริมฝีปากงามของฉินชิงหร่านขยับเบา ๆ เอื้อนเอ่ยเสียงแ่ราวกับคำสาบานที่เต็มไปด้วยความอาฆาต “เห็นที… ข้าจะต้องสั่งสอนเ้าเสียแล้ว ว่าอะไรควร… อะไรไม่ควร”
สายตาที่ทอแววอำมหิตสะท้อนออกมาในเงาแวววาว ทำให้บรรยากาศรอบกายเย็นะเืลงราวกับถูกปกคลุมด้วยเพลิงริษยาที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง…
หลายวันมานี้ ฉินชิงหร่าน ใช้เวลาขบคิดหาวิธีการอันสกปรกเพื่อจะฉุดกระชากน้องสาวต่างมารดาลงต่ำ จนเมื่อวางแผนได้แล้ว นางจึงเอ่ยชวน ฉินเซียนหรู มานั่งเล่นพูดคุย ณ ศาลาริมสระน้ำของตระกูล
“ท่านพี่ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะให้ความสำคัญกับข้าถึงเพียงนี้”
เสียงอ่อนหวานของฉินเซียนหรูดังขึ้น ราวกับเป็เพียงน้องสาวผู้ไร้เดียงสาที่กำลังปลื้มใจต่อไมตรีอันไม่คาดฝันฉินชิงหร่านยกยิ้มบาง น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนประหนึ่งพี่สาวที่กลับใจ
“ที่แล้วมาพี่มิได้ปฏิบัติดีกับเ้า วันนี้ได้ให้บ่าวจัดอาหารว่างมากมาย หวังว่าเ้าจะไม่ถือสา…”
ถ้อยคำเต็มไปด้วยความละมุน แต่ในแววตากลับซ่อนความมุ่งร้ายดำมืดอย่างปิดไม่มิด บนโต๊ะหิน อาหารว่างถูกจัดเรียงอย่างสวยงามทว่าท่ามกลางนั้นกลับมีสิ่งที่แฝงไว้ด้วยพิษร้าย โอสถมารราคะ ถูกผสมกลมกลืนอยู่ในถ้วยชาน้ำผึ้งหอมหวาน เพียงจิบเดียวก็เพียงพอจะทำให้สตรีผู้หนึ่งตกอยู่ในห้วงไฟตัณหาจนไร้สติ ไม่อาจควบคุมตนเองได้อีก
เล่ห์ร้ายของฉินชิงหร่านมิได้หยุดเพียงเท่านั้น นางยังจัดเตรียมบุรุษต่ำต้อยไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งทาสรับใช้ คนเลี้ยงม้าที่คอยกวาดมูลอยู่ทุกเช้า หรือแม้แต่ทาสใหม่ที่เพิ่งถูกซื้อมาด้วยราคาอันถูก ทุกคนล้วนรออยู่ไม่ไกล ประหนึ่งพร้อมจะลงมือเมื่อถึงเวลา
สิ่งแปลกปลอมที่ถูกเจือไว้ในถ้วยชา มีหรือที่ ฉินเซียนหรู จะไม่ล่วงรู้? ใต้รอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสา ั์ตาของนางกลับทอประกายเย็นเยียบ “ฉินชิงหร่าน… แม้ในชีวิตนี้ เ้าก็ยังไม่เลิกความชั่วร้ายสินะ”
เพียงแค่ปลายจมูกัักลิ่น นางก็จำแน่ชัด โอสถมารราคะ กลิ่นหวานปนคาวแฝงอยู่ในน้ำชาน้ำผึ้งที่แลดูไร้พิษภัย หากผู้ใดดื่มเข้าไป ย่อมตกอยู่ในห้วงราคะจนสิ้นสติ สมเกียรติแห่งแผนชั่วร้ายของผู้เป็พี่สาว
ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มขึ้นอย่างเ็า “ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยานี้…ยังเบาเกินไป” ในห้วงความคิด นางบังคับพลังปราณให้เคลื่อนไหว นิ้วเรียวงดงามวางแ่เบาบนถ้วยชา แต่เพียงเสี้ยวลมหายใจ มวลสารภายในกลับถูกเร่งให้เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมพิษร้ายที่ถูกชงอย่างบางเบา บัดนี้กลับกลายเป็ดั่งเพลิงที่พร้อมเผาผลาญผู้ดื่มให้วอดวาย
จังหวะนั้นเอง เพียงชั่ววินาทีที่ ฉินชิงหร่าน เผลอแสดงรอยยิ้มลวงตา น้องสาวก็กระตุกข้อมือเบา ๆ พลันถ้วยชาสองใบก็ถูกสลับตำแหน่งอย่างแเี เร็วเกินกว่าที่สายตาของคนธรรมดาจะทันสังเกต
“น้องพี่…” ฉินชิงหร่านยกถ้วยตรงหน้าตนขึ้น น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน “พี่จัดเตรียมชาน้ำผึ้งถ้วยนี้ให้เ้าโดยเฉพาะ ลองดื่มดูสิ” แววตานางวาวโรจน์ด้วยความสะใจ ในห้วงคิดกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะชั่วร้าย “จากนั้น…เ้าก็จงกลายเป็ของเล่นราคาถูกของไอ้พวกทาสต่ำต้อยเถอะ!”
ถ้วยชาน้ำผึ้งถูกยกขึ้นอย่างอ่อนช้อย ฉินชิงหร่าน จิบเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับสตรีผู้มั่นใจว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือ แต่เพียงพริบตาที่ของเหลวสีอำพันไหลผ่านลำคอ ความรู้สึกแปลกประหลาดก็แล่นวาบขึ้นทันที รสหวานละมุนกลับซ่อนรสขมปลายลิ้นคล้ายคมมีดแหลมคม เสี้ยววินาทีต่อมา ความร้อนผ่าวแผ่กระจายไปทั่วร่างราวกับเพลิงกำลังลุกไหม้ในเส้นเื หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ใบหน้างามค่อยๆ แดงจัดขึ้น มือที่ประคองถ้วยชาเริ่มสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่
ฉินชิงหร่าน ข่มกลั้นเต็มที่ นางพยายามปรับสีหน้าให้สงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตากลับสั่นระริก ความคิดตีวนในสมอง “ไม่… เป็ไปไม่ได้! นางต้องเป็ฝ่ายดื่มสิ! ข้าจัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว!”
ตรงกันข้าม ฉินเซียนหรู ยังคงนั่งอยู่ตรงข้าม ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางราวกับน้องสาวผู้ใสซื่อ หากแต่ในดวงตากลับเย็นลึกจนชวนให้หนาวสั่น เสียงของนางอ่อนหวานราวกับกำลังห่วงใย “ท่านพี่… เหตุใดสีหน้าของท่านจึงแดงผิดปกติเช่นนี้”
แล้วนางก็ลุกขึ้นอย่างแ่เบา โค้งศีรษะเล็กน้อยเหมือนสตรีน้อยผู้ห่วงใยพี่สาวผู้ไม่สบาย “ถ้าเช่นนั้นน้องขอไม่รบกวน ให้ท่านพี่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
ทันทีที่เงาร่างของ ฉินเซียนหรู หมุนกายเดินจากไป สีหน้าของ ฉินชิงหร่าน ก็พลันแตกสลายจากความมั่นใจกลายเป็ความหวาดผวา ดวงตาที่เคยเชิดสูงสั่นระริกเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เปลวไฟแห่งโอสถร้ายกำลังแผดเผาสติให้มอดไหม้ทีละน้อย
“ไม่… เ้าอย่าเพิ่งไป! ข้าขอร้อง… ได้โปรด!”
น้ำเสียงของนางสั่นพร่าดุจคนกำลังจะจมน้ำ มือบางกำแน่นราวกับยึดเกาะเส้นด้ายสุดท้ายเพื่อไม่ให้ถูกกลืนหายไปกับความมืดมิด
แต่ ฉินเซียนหรู กลับก้าวเท้าเร็วขึ้น ราวกับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลย แววตาของนางนิ่งเรียบ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากไม่ใช่ความอ่อนโยน หากแต่คือความเยาะหยันที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจ
เพราะในชีวิตก่อน สตรีผู้นี้เคยใช้เล่ห์ต่ำทรามทำร้ายตนมาแล้ว ครานี้ เมื่อโชคชะตาหมุนเวียนกลับมา นางไม่คิดจะเปิดโอกาสซ้ำสอง เสียงคร่ำครวญของ ฉินชิงหร่าน ดังสะท้อนในศาลาริมน้ำ แต่ก็ไม่อาจดึงรั้งฝีเท้าของน้องสาวต่างมารดาที่กำลังจากไปได้ ความเ็าในท่าทีของเซียนหรู คือคำตอบชัดเจนว่าความเมตตา… ได้ถูกฝังกลบไปพร้อมกับอดีตแล้ว
