บทที่ 10: คำสัญญาข้ามกาลเวลา
หลายวันผ่านไปหลังเหตุการณ์ลอบสังหาร บรรยากาศในจวนตระกูลจ้าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่มองไม่เห็น การวางเวรยามถูกจัดขึ้นอย่างเข้มงวดตลอดทั้งวันทั้งคืน ทุกคนรู้ดีว่านี่เป็เพียงความสงบก่อนที่พายุลูกใหญ่จะโหมกระหน่ำเข้ามา
ภายในห้องทำงานที่เงียบสงบ มีเพียงแสงเทียนที่สั่นไหวขับไล่ความมืด จ้าวลู่ซื่อและิซัวหลงนั่งหารือกันถึงแผนการรับมือ แต่บทสนทนากลับหยุดชะงักลงด้วยความหนักอึ้งของสถานการณ์
"กำลังคนของเราในตอนนี้... ยากเหลือเกินที่จะต่อกรกับอำนาจของเสนาบดีหลี่เฉินกงได้" จ้าวลู่ซื่อกล่าวในที่สุด น้ำเสียงของนางแฝงความเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิด นางเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวบัดนี้กลับสั่นไหวเล็กน้อย
ิซัวหลงมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น เขารู้สึกถึงความเปราะบางที่นางซ่อนไว้ภายใต้ท่าทีที่เข้มแข็ง เขามองเห็นเงาของ "ชิงเอ๋อ" ในความหวาดหวั่นนั้น และมันทำให้หัวใจของเขาเ็ป
"ข้าก็คิดเช่นกัน" เขาตอบเสียงเรียบ พลางหันไปมองตราหยกในมือที่กำไว้แน่น ความลับที่เขาแบกรับไว้เพียงผู้เดียวคือไพ่ใบสุดท้าย "การป้องกันที่ดีที่สุด คือการรุกกลับที่พวกมันคาดไม่ถึง... แต่เรายังขาดอาวุธที่ทรงพลังที่สุด"
เขาหันกลับมาเผชิญหน้านางอีกครั้ง ตัดสินใจเดิมพันทุกอย่าง "คุณหนูจ้าว... ั้แ่ข้ามาที่นี่ด้วยตราหยกแผ่นนี้ ข้าเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่ประตูมิติ... แต่มันคือคำตอบของทุกสิ่ง"
จ้าวลู่ซื่อมองตราหยกในมือของเขา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นมาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม นางรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงบางอย่างที่นางเองก็อธิบายไม่ได้...ความรู้สึกราวกับว่านางรู้จักเขามาเนิ่นนาน
"ข้าเชื่อว่าตราหยกนี้สามารถพาข้ากลับไปยังโลกของข้าได้ชั่วขณะ" ิซัวหลงกล่าว "และหากเป็เช่นนั้นจริง...มันอาจมีหนทางที่เราจะหาทางรับมือกับตระกูลหลี่ได้"เขาพูดและมองใบหน้าที่คุนเคย"ถ้าข้า...ไปกับท่านด้วย...มันจะเกิดอะไรขึ้น" จ้าวลู่ซื่อถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างผลักดันให้นางต้องเอ่ยคำนั้น
คำถามของนางทำให้ิซัวหลงนิ่งไปราวกับถูกสาป เขามองใบหน้างดงามที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ภาพความทรงจำอันเลวร้ายในวันที่เขาสูญเสียชิงเอ๋อหวนกลับมาทิ่มแทงหัวใจของเขาอย่างรุนแรง
"ไม่ได้!" เขาปฏิเสธเสียงแข็งกว่าปกติ "มันอันตรายเกินไป! ข้า...ข้าไม่อาจ..."
"อันตรายกว่าการอยู่ที่นี่แล้วรอให้คนของตระกูลหลี่มาฆ่าพวกเราหรือ!" นางสวนกลับทันที
"มันไม่เหมือนกัน!" เขาลุกขึ้นยืน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเ็ปที่พยายามเก็บซ่อนไว้ "ทุกครั้งที่ข้ามองท่าน...ข้าเห็นใบหน้าของนาง...ผู้หญิงที่ข้าเคยล้มเหลวในการปกป้อง การพาท่านไปเสี่ยงอันตราย...มันก็เหมือนกับการต้องเสี่ยงที่จะสูญเสียนางไปอีกครั้ง! ข้าทำไม่ได้...ข้าไม่อาจผ่านความรู้สึกแบบนั้นได้อีกแล้ว!"
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเปิดเปลือยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา จ้าวลู่ซื่อมองเขาด้วยแววตาที่สั่นระริก นางไม่เคยเห็นเขาในมุมที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อน
"แล้วท่านคิดว่าข้ารู้สึกเช่นไร" นางเอ่ยเสียงเครือ น้ำตาเริ่มคลอหน่วย "ทุกครั้งที่ข้ามองท่าน...ข้าก็เห็นใบหน้าของหยวนลู่...บุรุษที่ข้ารักและรอคอยการกลับมาของเขานานถึงสองปี แต่สุดท้ายเขาก็ไม่มีวันกลับมา ข้าสูญเสียเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง...แล้วท่านจะให้ข้ายอมรับการสูญเสียบุรุษที่มีใบหน้าเหมือนเขาไปอีกเป็ครั้งที่สองอย่างนั้นหรือ!"
นางก้าวเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ "ชะตาของเราผูกพันกันไปแล้วิซัวหลง ท่านหนีไม่พ้นหรอก...และข้าก็เช่นกัน หากท่านจะไป...ข้าก็จะไปด้วย"กำแพงในใจของิซัวหลงพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง คำพูดของนางทำให้เขาตระหนักว่าเขาไม่ได้แบกรับความเ็ปนี้ไว้เพียงลำพัง นางเองก็เช่นกัน
เขาก้าวเข้าไปหานางช้าๆ ยกมือขึ้นััใบหน้าของนางอย่างแ่เบา "คุณหนูไม่ใช่เธอ...แต่ในขณะเดียวกัน...คุณหนูก็คือเธอ"
"และท่านก็ไม่ใช่เขา" นางกระซิบตอบ น้ำตาหยดหนึ่งไหลอาบแก้ม "แต่หัวใจของข้า...มันก็เ็ปเพื่อท่านไม่ต่างกัน"
ในที่สุด...เขากับเธอก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดที่โชคชะตากำหนดไว้ได้อีกต่อไป ิซัวหลงโน้มใบหน้าลง ประทับริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล มันเป็จุมพิตที่เต็มไปด้วยความโหยหา ความเข้าใจ และการยอมรับในโชคชะตาที่แสนเ็ปแต่ก็งดงามของพวกเขาทั้งสอง
จ้าวลู่ซื่อโอบรอบคอของเขา ตอบรับจุมพิตนั้นอย่างดูดดื่ม น้ำตาที่เคยเป็ของความทุกข์ บัดนี้ได้กลายเป็น้ำตาแห่งความสุขที่ได้ค้นพบสิ่งที่ขาดหายไปอีกครั้ง...แม้จะอยู่ในภพชาติที่แตกต่างกันก็ตาม จุมพิตนั้นเป็ดั่งคำสัญญาที่ปราศจากถ้อยคำ มันคือการยอมรับในโชคชะตาที่ผูกพันคนสองคนซึ่งมาจากต่างยุคสมัยไว้ด้วยกัน ิซัวหลงค่อยๆ คลายอ้อมกอด แต่ยังคงกุมมือนางไว้แน่น เขามองลึกเข้าไปในดวงตาที่ยังคงมีหยาดน้ำตาคลออยู่ของจ้าวลู่ซื่อ
"พร้อมหรือไม่" เขาถามเสียงเบา
นางไม่ได้ตอบเป็คำพูด แต่พยักหน้าช้าๆ อย่างหนักแน่น แววตาของนางบัดนี้ไม่มีความลังเลอีกต่อไป มีเพียงความเชื่อใจที่มอบให้แก่ชายตรงหน้าอย่างหมดหัวใจ ทั้งสองหลับตาลง มือข้างที่ว่างของิซัวหลงยกขึ้นกุมตราหยกที่อยู่ในอกเสื้อไว้แน่น เขามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ความปรารถนาอันแรงกล้า...ความปรารถนาที่จะหาคำตอบและหนทางรอด...โดยมีนางอยู่เคียงข้าง
!ทันใดนั้น!
ตราหยกในมือของเขาก็ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นอย่างรุนแรง แสงสีทองอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาห่อหุ้มร่างของคนทั้งสอง บรรยากาศรอบตัวบิดเบี้ยวราวกับภาพวาดที่ถูกละเลงด้วยพู่กันที่มองไม่เห็น พวกเขารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังไร้น้ำหนักและถูกดูดกลืนเข้าไปในอุโมงค์แห่งกาลเวลาที่หมุนคว้าง ทั้งสองกอดกันแน่น ััถึงกันและกันเป็สิ่งยึดเหนี่ยวเดียวท่ามกลางความโกลาหลแห่งมิติ
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้...
เมื่อความรู้สึกทั้งหมดกลับคืนมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่พวกเขาได้ยินคือความเงียบ...ความเงียบที่แตกต่างออกไป มันไม่ใช่ความเงียบสงบของจวนตระกูลจ้าว แต่เป็ความเงียบที่ไร้ซึ่งเสียงของแมลงและสายลม
ิซัวหลงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นคือเพดานไม้สีเข้มที่คุ้นเคย กลิ่นอับจางๆ ของเหล้าและไม้โอ๊คเก่าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ...เขากลับมาแล้ว...ที่บาร์ของเขานั่นเอง
"เรา...เราทำได้ใช่หรือไม่" จ้าวลู่ซื่อพึมพำเสียงสั่น นางยังคงหลับตาแน่นอยู่ในอ้อมกอดของเขาิซัวหลงค่อยๆ คลายอ้อมกอดแล้วจูงมือนาง "ลืมตาเถิด... ที่นี่ปลอดภัยแล้ว"
จ้าวลู่ซื่อค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ภาพแรกที่เห็นคือความมืดสลัวภายในห้องโถงที่นางไม่คุ้นเคย ิซัวหลงเดินไปที่ผนังแล้วกดสวิตช์
คลิก!
แสงสว่างสีนวลจากหลอดไฟสว่างวาบขึ้นทันที ทำให้หญิงสาวต้องหยีตาด้วยความใ "ตะ...ตะเกียงที่ไม่ต้องใช้ไฟหรือ!"
"มันเรียกว่าไฟฟ้า" เขายิ้มพลางจูงมือนางขึ้นไปยังห้องพักส่วนตัวของเขาบนชั้นบน ทุกย่างก้าวที่เดินขึ้นบันได ทุกสิ่งที่นางเห็น คือความน่าอัศจรรย์ที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ พื้นไม้ที่เรียบสนิทไร้รอยต่อ ผนังที่ทาด้วยสีขาวสะอาดตา และเมื่อขึ้นมาถึงห้องพักของเขา นางก็ต้องหยุดนิ่งไปอีกครั้งเมื่อมองผ่านกระจกใสบานใหญ่
เบื้องนอกนั่นคือเมืองต้าิยามค่ำคืน...แต่เป็ต้าิที่นางไม่เคยรู้จัก "ดวงดาว" นับหมื่นนับแสนดวงส่องสว่างอยู่บนพื้นดิน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าและรถยนต์ที่วิ่งขวักไขว่บนถนน กลายเป็ภาพที่งดงามและน่าตื่นตะลึงจนนางแทบหยุดหายใจ
"นี่คือ...โลกของท่านหรือ...ช่างน่าอัศจรรย์"
ิซัวหลงโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างแ่เบา ััได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อยของนาง "ยินดีต้อนรับสู่ศตวรรษที่ 21" จ้าวลู่ซื่อเดินสำรวจไปรอบห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ นางััทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่ง...สายตาของนางไปหยุดอยู่ที่กรอบรูปสีเงินใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
นางค่อยๆ หยิบมันขึ้นมาอย่างเชื่องช้า...และในวินาทีนั้นเอง โลกทั้งใบของนางก็หยุดหมุนลงอีกครั้ง ในภาพถ่ายนั้นคือิซัวหลง เขากำลังยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด และในอ้อมแขนของเขาคือหญิงสาวคนหนึ่ง...ผู้หญิงที่สวมชุดแปลกตา ผมสั้นประบ่า...แต่มีใบหน้า...ดวงตา...และรอยยิ้ม...เหมือนกับนางราวกับเป็คนๆ เดียวกัน
ภาพความทรงจำที่เลือนราง...ความรู้สึกผูกพันที่อธิบายไม่ได้...คำว่า "ชิงเอ๋อ" ที่เขาเคยเรียก...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็ปริศนา บัดนี้ได้ประดังประเดเข้ามาในหัวของนาง ก่อตัวเป็คำตอบที่ทั้งเ็ปและงดงาม
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่งามโดยที่นางไม่สามารถห้ามได้ ปากของนางสั่นระริก ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดๆ นางหันมามองหน้าิซัวหลง สลับกับภาพในมือ
"ทำไม...ทำไมข้าถึงอยู่ในนี้" นั่นคือเสียงสะอื้นที่หลุดออกมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ ิซัวหลงเช็ดน้ำตาของตัวเองซึ่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาก้าวเข้าไปกอดร่างที่สั่นเทาของนางไว้แน่น ปล่อยให้นางร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของเขา
"ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร..." เขาตอบเสียงเครือ "แต่ผมรู้ว่าทำไม... เธอคนนี้ชื่อชิงเอ๋อ... เธอคือคนที่ผมสูญเสียไปเมื่อสองปีก่อน...และตราหยกนั่น...มันคงได้ยินเสียงหัวใจของผม...มันจึงพาผมย้อนเวลากลับไป...เพื่อพบกับคุณ"
จ้าวลู่ซื่อเงยหน้าขึ้นสบตาเขา "ข้า...ข้าคือเธองั้นหรือ"
ิซัวหลงพยักหน้าช้าๆ เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มของนางอย่างอ่อนโยน "ผมไม่รู้ว่า์้าอะไร...แต่การที่ได้พบคุณอีกครั้ง...มันคือปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม"
บัดนี้ไม่มีความลับใดๆ คั่นกลางระหว่างพวกเขาอีกต่อไป ความเ็ปจากการสูญเสียในอดีตของทั้งสองได้ถูกเยียวยาด้วยการค้นพบความจริงในปัจจุบัน พวกเขาสวมกอดกันแน่นราวกับจะหลอมรวมเป็หนึ่งเดียว ขอบคุณโชคชะตาที่เล่นตลกแต่ก็ยังเปี่ยมด้วยความเมตตา...ที่นำพาให้สองดวงใจที่เคยพลัดพราก ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...ในอีกชาติภพหนึ่ง..!
