ผู้าุโตระกูลหลงยื่นมือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแล้วลูบศีรษะหลงเหยียนด้วยความรัก “จะเป็ไปได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเ้า วันนี้พวกเราทุกคนคงต้องตายแล้ว เขาแกร่งมากเกินไปจริงๆ…”
คำพูดจากปากของผู้าุโทำให้ผู้ฝึกยุทธ์และมหาอำนาจในเมืองที่อยู่ด้านหลังต่างก็ตกตะลึง พวกเขานึกว่าการร่วมแรงร่วมใจของผู้าุโและผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดจะสามารถขับศิษย์สำนักมารออกไปได้ ทว่า… สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตื่นตระหนก
คนพวกนั้นนึกขึ้นได้ หันไปมองหลงเหยียน พวกเขาจำต้องยอมรับว่าหลงเหยียนมีไหวพริบดียิ่ง
ผู้าุโพูดขึ้น “เหยียนเอ๋อ เ้าจงจำคำของปู่ไว้ คนเราต้องมีทั้งความกล้าและไหวพริบจึงจะเป็ใหญ่เป็โตได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่ง เ้าจะแข็งข้อไม่ได้ นิทานที่เล่าปลุกความกล้านั้น ฝ่ายกล้าหาญคือผู้ชนะ ความจริงแล้วแกะที่เจอมาป่าบนสะพานไม้ มันไร้ซึ่งความกลัวเป็เพราะมันหมดหนทางถอยแล้วต่างหาก”
“เมื่อใดที่ยังมีทางเลือก ต่อให้ต้องก้มหน้าก็อย่าได้แสดงออกว่าไร้ซึ่งความกลัว เพราะนั่นอาจทำให้เ้าตายด้วยกระบี่ศัตรูเร็วกว่าเดิม”
“เมื่อก่อนเคยมีแม่ทัพท่านหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์คับขัน เขามีโอกาสชนะศึกถึงสามในสี่ส่วน จึงกล้าใช้ไม้แข็งออกไปงัดข้อ เขาอาศัยลักษณะที่โดดเด่นของพื้นที่ทำให้ได้เปรียบ ทว่าวันนี้ ต่อหน้าศิษย์สำนักมาร ข้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย” ขณะที่พูด ใบหน้าของผู้าุโแสดงออกถึงความหมดเรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ท่านปู่ เหยียนเอ๋อจะจำคำสอนของท่านไว้”
หลงอีเดินเข้าไปประคองผู้าุโ ทุกคนลุกขึ้นยืน ยามนี้คนตระกูลหลงรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้เงยหน้าขึ้น บนท้องฟ้าพลันปรากฏลำแสงสีแดง ลำแสงสีแดงระลอกนั้นมาพร้อมกลิ่นหอมที่พิศวง
ผู้าุโโบกมือ “เ้าไปเถิด ไปจากตระกูลเรา อย่างน้อยเ้ายังมีโอกาสรอดชีวิต อนาคตกลับมาแก้แค้นให้พวกเราด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ? ท่านปู่ ท่านจะไล่ข้าไปหรือ…” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลงเหยียนร่างสั่นเทาอย่างรุนแรง น้ำตาพลันไหลริน
นี่เป็ครั้งแรกที่หลงเหยียนเห็นผู้าุโหมดหนทาง หรือครั้งนี้พวกเขาจะหมดหนทางเอาชีวิตรอดแล้วจริงๆ?
“เหยียนเอ๋อ ข้าไม่ได้กำลังไล่เ้า ทว่าครั้งนี้ตระกูลหลงของเราคงผ่านอุปสรรคนี้ไปไม่ได้แล้ว และเ้าก็คือความหวังของเรา เป็ความภาคภูมิใจของคนทั้งตระกูล หากเ้าอยู่ต่อ เกรงว่าคนที่จะกลับมาจุดธูปและสืบทอดสายเืตระกูลหลงก็คงไม่เหลือแล้ว อย่างน้อยหากเ้าเร่งไปเมืองหยุนจงตอนนี้ยังมีเว่ยเวยปกป้องเ้า”
หลงเหยียนมองไปยังบิดาก่อนจะกวาดตามองทุกคน นึกไม่ถึงว่าวันนี้แค่ศิษย์สำนักมารที่มีพลังระดับชีพเทพเพียงคนเดียวก็สามารถบีบให้พวกเขาจนมุม รังสีความดุร้ายที่อยู่ในใจหลงเหยียนปะทุออกมา
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุง พี่อวี่ซี น้องหยุนฉี หากพวกเ้าต้องตายกันหมด เช่นนั้นข้า หลงเหยียน รอดชีวิตไปจะมีความหมายอะไร ในตอนที่ทุกคนต้องพลีชีพ ข้าหรือจะยอมไปเมืองหยุนจง?”
“ต่อให้ต้องตาย ตระกูลหลงของเราก็ต้องตายไปพร้อมกัน หรือหลังจากนี้อีกหนึ่งร้อยปี เมื่อเอ่ยถึงตระกูลหลง ข้าต้องถูกตราหน้าว่าเห็นแก่ตัวหนีไปเมืองหยุนจงเพียงคนเดียวงั้นหรือ?”
“สำนักมารแล้วอย่างไร พร์ของข้าสูงเพียงใด ข้าสามารถล้มเซียวกงเป้าในหนึ่งเดือนใช่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ใช่ว่าเราจะหมดหนทางเอาชนะไอ้พยัคฆ์ร้ายอะไรนั่นสักหน่อย”
เมื่อหลงเหยียนะโเสียงดัง ไฟโทสะที่ร้อนแรงก็พุ่งออกจากตัว เสียงัคำรามดังก้องไปทั่วตระกูลหลงอู่ เขากำหมัดแน่น เล็บมือจิกเข้าไปในฝ่ามือ
“หากยังไม่ตาย ชะตาก็พลิกได้เสมอ ศิษย์สำนักมารถูกกำหนดให้เป็ได้แค่สำนักมาร ท่านลืมไปแล้วหรือ ธรรมะย่อมชนะอธรรม?”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลงเหยียนโมโหเพียงใด และสาเหตุทั้งหมดนี้ก็มาจากพยัคฆ์ร้ายนั่นเพียงผู้เดียว ต่อให้เขาเป็เทพหลงเหยียนก็ต้องฉีกร่างเขาเป็ชิ้นๆ ให้ได้
“ท่านปู่ อย่างน้อยก่อนที่ตระกูลเราถูกล้มล้าง เราก็ต้องหาวิธีลากตระกูลเซียวไปด้วย เท่าที่ข้าดูมา เดิมทีสำนักมารก็ไม่ได้เห็นผู้นำเซียวอยู่ในสายตาแน่”
เมื่อหลงเหยียนพูดถึงตรงนี้ เขาก็มองคนรอบๆ “ายังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร พวกเรายังได้รับการสนับสนุนจากคนมากมาย หากเราเตรียมพร้อมให้ดี ไม่แน่เกมอาจพลิกผัน”
“พลิกผันหรือ? ฮึ!” เซียวหยุนเหว่ยที่อยู่นอกกำแพงบ้านตระกูลหลงได้ยินอย่างชัดเจน
“ปลาขาดน้ำไม่กี่วันก็ตาย พวกเ้าอยู่ได้อีกไม่กี่วันหรอก รอวันตายไปเถอะ นี่จะเป็่เวลาสุดท้ายของพวกเ้าแล้ว”
…
บนท้องฟ้ามีกลิ่นหอมพิศวงหนาแน่น เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆ แค่ครั้งเดียวก็ทำให้จิตใจกระชุ่มกระชวย ยิ่งไปกว่านั้น คล้ายหูตาว่องไวมากขึ้นคงเป็ผลมาจากต้นเซียนหอมหมื่นลี้ที่กำลังจะโตเต็มที่
ผู้าุโตระกูลหลงโบกมือ รังสีพลังที่มหาศาลปกคลุมตัวอีกครั้ง “เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเหยียนเอ๋อไม่ยอมไปก็ไปรอที่ตำหนักหลงอู่ พวกเราไปปรึกษากันที่นั่นว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี”
จากนั้นผู้าุโก็กล่าวขอบคุณเหล่ามหาอำนาจต่างๆ ในเมือง หากใครยินดีช่วยก็เชิญไปที่หอรวมจิต หากไม่เต็มใจช่วยเช่นนั้นก็จากไปได้เลย!
หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว ผู้าุโก็แหงนหน้าขึ้นพลางถอนหายใจก่อนพูดว่า “เป็หรือตาย คาดว่าทุกคนต่างก็เห็นกันแล้ว หากไม่พอใจเราก็อัดมันเสีย ตอนนั้นที่ข้ากวาดล้างเมืองั สายเืข้าหายไปไหนแล้ว…”
เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนจากไปของศิษย์สำนัก แววตาผู้าุโก็เต็มไปด้วยรังสีสังหาร “แม้แต่หลงเหยียนยังไม่กลัวแล้วเหตุใดข้าต้องถอยด้วย”
กลิ่นของเซียนหอมหมื่นลี้ลอยปกคลุมไปทั่วเมืองั แม้อยู่ไกลเพียงนี้ กลิ่นของมันยังลอยคละคลุ้งไปทั่ว ไม่อยากคิดเลยว่าสรรพคุณของมันจะดีเท่าใด มันสามารถช่วยให้ผู้าุโอ่อนเยาว์ขึ้นมาเป็เท่าตัว อีกทั้งพละกำลังเลื่อนขึ้นไปถึงระดับชีพเทพ
โลหิตพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง ไม่นานคนในตระกูลหลงก็ไปรวมตัวกันที่ตำหนักหลงอู่ ผู้าุโให้ความสำคัญกับเื่ของสำนักมารในครั้งนี้มาก เขานั่งลงบนตำแหน่งผู้นำแล้วกวาดตามองทุกคน จากนั้นก็สั่งให้หลงอีหยิบวิชาต่อสู้ระดับมายาของตระกูลเซียวออกมา
เมื่อตำราเล่มหนึ่งปรากฏ ทุกคนเป็ต้องตะลึง
ผู้น้อยมากมายเบื้องล่างส่งแววตาประกายความโลภที่ปิดไม่มิด นี่เป็เื่ดีที่สุดในวันนี้เลยก็ว่าได้
หากหลอมกายไม่ถึงระดับที่สามารถฝึกวิชามายาแล้วยังรั้นที่จะฝึก เกรงว่าพลังจะสะท้อนกลับมาทำร้ายร่างกาย ฉะนั้นตอนนี้หลงเหยียนที่มีพลังระดับชีพัขั้นที่เจ็ดจึงไม่อาจฝึกมันได้
ผู้าุโแห่งตระกูลหยิบวิชาการต่อสู้ ‘หกประสานหมัด’ และ ‘าาแห่ง์’ ออกมามอบให้หลงห่าวเทียนเป็ผู้ดูแลแล้วรีบฝึกให้สำเร็จ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าหลังจากจบเื่การแข่งขันล่าสัตว์ระหว่างสองตระกูลแล้วคงไม่มีเื่ราวอะไรอีก ทว่าคนตระกูลเซียวจิตใจต่ำช้า พวกเขาอยากกำจัดตระกูลหลงอย่างถอนรากถอนโคน เป็ใหญ่ในเมืองเพียงผู้เดียว ยิ่งนึกไม่ถึงว่าหลงเหยียนจะพบต้นเซียนหอมหมื่นลี้สามต้นที่อยู่ในเทือกเขาหยุนหลัว หากตอนแรกเป็เื่ขัดแย้งระหว่างสองตระกูลโดยมีสำนักบงกชมารเข้ามาเกี่ยวข้องก็แล้วไป อยู่ๆ ก็มีศิษย์สำนักมารปรากฏตัวอีก ทั้งหมดนี้ทำให้หลงกงฉู่ปวดหัวอย่างยิ่ง คิดว่าตระกูลหลงคงหนีผ่านด่านนี้ไปได้ยากแล้ว และเมื่อไรที่ตระกูลเซียวได้ต้นเซียนหอมหมื่นลี้ไป กลายเป็ยอดฝีมือระดับชีพเทพ ตระกูลหลงก็ไม่มีที่ยืนในเมืองัเช่นกัน
จากนั้นผู้าุโก็มองไปทางหลงเหยียน เื่ในวันนี้แม้จะมีตัวแทนจากตระกูลอู่ตี้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีหลงเหยียน การที่ตระกูลเซียวยอมมอบตำราสองเล่มให้ตระกูลหลงก็คงเป็เื่ยาก
ศัตรูที่แข็งแกร่งขวางอยู่ตรงหน้า ผู้าุโไม่อาจวางความกังวลลงได้…
“เหยียนเอ๋อ เ้าช่วยตระกูลหลงไว้หลายครั้ง ทว่าเมื่อก่อนข้ากลับไม่เคยสนใจเ้าที่ถูกรังแก เ้าจะเกลียดข้าหรือไม่?”
หลงเหยียนส่ายหน้า “ไม่เลย เหยียนเอ๋อไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย ข้าแค่เกลียดตัวเอง เหตุใดถึงต้องเกิดในตระกูลหลง หากเป็ครอบครัวธรรมดา คาดว่าคงดีกว่านี้หน่อย” หลงเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “เื่มันผ่านมาแล้ว ท่านไม่ต้องพูดถึงอีก”
หลงกงฉู่รู้สึกผิดมากจริงๆ เขาหันกลับไปมองหลงอี
“เ้าไปหยิบสมบัติประจำตระกูลหลงมาให้ข้าหน่อย วันนี้ข้าจะมอบให้หลงเหยียนด้วยตัวข้าเอง”
--------------------