เมื่อเยว่เฟิงเกอเข้าไปในเกมแล้ว กลับไม่พบสองพี่น้องคู่นั้น จึงพิมพ์เข้าไปในเซิร์ฟเวอร์หลักว่า “ข้าคือเยว่เฟิงเกอ สองพี่น้องคู่นั้นอยู่ที่ใด มาที่เมืองหนานเฟิง ข้ามีเื่จะคุยกับพวกเ้า”
เมื่อเยว่เฟิงเกอพิมพ์ประโยคนี้จบก็เอาแต่จดจ่ออยู่ที่โทรศัพท์ รอการปรากฏตัวของสองพี่น้อง
เพียงแต่รออยู่นานก็ไม่เห็นพวกเขาออกมา
ยามนี้หนังตาของเยว่เฟิงเกอเริ่มทะเลาะกันแล้ว นางไม่อาจทนความง่วงงุนได้ หลังจากโทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือ นางเองก็หลับใหลไปเช่นกัน
ไม่รู้หลับไปนานเท่าใด จู่ๆ เยว่เฟิงเกอก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงด่าว่า
“เสียงอะไร เหตุใดหนวกหูนัก? ” เยว่เฟิงเกอลืมตาขึ้น นางยังคงสะลึมสะลือ เมื่อมองไปรอบด้านก็เห็นว่าในห้องตนยังคงมีไฟส่องสว่าง ส่วนเสียงด่าว่านั้นดังลอดมาจากใต้ผ้าห่มนาง
เมื่อเยว่เฟิงเกอเลิกผ้าห่มขึ้น เสียงด่าว่านั้นก็ยิ่งดังแจ่มชัดกว่าเดิม
“เยว่เฟิงเกอ เ้าอย่ามาทำเป็แกล้งตายตรงหน้าพวกข้านะ เ้าถนัดแกล้งตายเป็ที่สุด ครั้งก่อนก็เป็เช่นนี้ ครั้งนี้เ้าก็ยังจะทำอีก”
เยว่เฟิงเกอรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้ ฉับพลันนั้นก็นึกออกทันที ก่อนหน้านี้ตนเข้ามาในเกม ‘เมืองหิมะลุ่มหลง’ ทั้งยังเรียกหาสองพี่น้องนั่นในเซิร์ฟเวอร์หลักด้วย แต่เพราะตอนหลังนางรู้สึกง่วงมากจึงผล็อยหลับไป
ดังนั้น คนที่กำลังด่านางอยู่ในตอนนี้ก็คือสาวน้อยในเกมคนนั้นนั่นเอง
เยว่เฟิงเกอรีบร้อนพลิกหาโทรศัพท์ ก็เห็นว่าตัวนางที่อยู่ในเกมกำลังนอนหลับอยู่บนพื้น โดยมีสองพี่น้องยืนมองนางอยู่ ซึ่งสาวน้อยคนนั้นดูจะโกรธมากแล้วถึงได้เอาแต่เตะขานางไม่หยุด
ส่วนชายคนนั้นกลับยืนอยู่อีกด้านด้วยท่าทางเ็า ไม่พูดอะไร ซ้ำยังไม่ขัดการกระทำของน้องหญิงตน
ทว่า เยว่เฟิงเกอกลับไม่มีท่าทีรีบร้อนเข้าควบคุมตัวละครในเกม นางเพียงจ้องมองสองพี่น้องคู่นั้นอย่างไม่ละสายตา
แรกเริ่มตอนที่สองพี่น้องคู่นี้ปรากฏตัวในเกม เยว่เฟิงเกอไม่ได้สังเกตพวกเขามากนัก แต่ตอนนี้พอได้ตั้งใจมองพวกเขาสองพี่น้องให้ดี จึงได้รู้ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของนางเป็เื่ที่ถูกต้อง
สองพี่น้องคู่นี้เป็คนจริงๆ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในเกม แต่สีหน้าท่าทางกลับแตกต่าง เพราะไม่มีตัวละครใดในเกมสามารถทำเช่นพวกเขาได้
แค่ท่าทางการเตะที่สาวน้อยคนนั้นทำ ก็หาใช่สิ่งที่เกมนี้จะสามารถทำได้
เมื่อได้ค้นพบว่าสองพี่น้องคู่นี้เป็คนจริงๆ เยว่เฟิงเกอก็ให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก พวกเขาเข้ามาอยู่ในเกมได้อย่างไร ทั้งยังดูเหมือนพวกเขาจะอยู่ในนี้มานานแล้วด้วย
แต่ เพราะเหตุใดครั้งก่อนตอนที่นางเข้ามาในเกมนี้ กลับไม่เห็นสองพี่น้องคู่นี้?
เยว่เฟิงเกอตัดสินใจที่จะไม่สนใจเื่นี้ชั่วคราว นางเข้าควบคุมตัวละครในเกม บังคับให้ยืนขึ้น
เมื่อสาวน้อยคนนั้นเห็นว่าเยว่เฟิงเกอยืนขึ้นแล้ว นางก็รีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางมองเยว่เฟิงเกอด้วยสีหน้าระแวดระวัง
“ในที่สุดเ้าก็ตื่นแล้ว ข้านึกว่าเ้าจะแกล้งตายไปตลอดเสียอีก” สาวน้อยคนนั้นกล่าววาจาเชือดเฉือนอย่างยิ่งราวกับเยว่เฟิงเกอมีความแค้นกับนางก็ไม่ปาน
เยว่เฟิงเกอขมวดคิ้ว พิมพ์เข้าไปในโทรศัพท์ “พวกเ้าเป็ใครกันแน่ ข้าไม่รู้จักพวกเ้า”
เพียงชายคนนั้นได้รู้ว่าเยว่เฟิงเกอไม่รู้จักพวกตน แววตาเขาปรากฏรอยหมองเศร้า ขณะที่น้องหญิงของเขากลับโกรธมาก ตอนนี้นางแทบจะอยากตบหน้าเยว่เฟิงเกอ เพื่อเรียกคืนสติ
“เ้ากำลังพูดเหลวไหลอันใด เ้าไม่รู้จักพวกเรา? ” สาวน้อยพูดพลางกลอกตามองบน “เยว่เฟิงเกอ เ้าช่วยแกล้งโง่ให้มันน้อยๆ หน่อย ตอนนั้นเ้าเอาแต่ตามติดพี่ชายข้าแจ บอกว่าจะแต่งให้พี่ข้าเท่านั้น แต่ตอนนี้เ้ากลับแต่งออกมาไกลถึงแคว้นเป่ยชวน ทำให้พี่ชายข้าต้องมารับโทษทัณฑ์ในสถานที่บ้าๆ เช่นนี้ ขณะที่เ้ากลับยังได้เสพสุขอยู่ที่นั่น เ้าช่างใจดำยิ่งนัก”
สาวน้อยคนนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ แต่พี่ชายนางกลับยังคงสีหน้าเ็า
เยว่เฟิงเกออึ้งไป ถึงแม้นางจะไม่รู้จักสองพี่น้องคู่นี้ แต่นางก็พอจะเดาได้ว่า เ้าของร่างเดิมต้องเคยมีสัมพันธ์อะไรกับชายคนนี้แน่ มิเช่นนั้นน้องหญิงของเขาคงไม่พูดกับนางเช่นนี้
เยว่เฟิงเกอกุเื่ขึ้น นางพิมพ์เข้าไปในระบบอีกครั้ง “ขออภัยท่านทั้งสอง เป็เพราะก่อนหน้านี้ตอนขี่ม้า ข้าไม่ทันระวังจึงพลัดตกจากหลังม้า ทำให้ความทรงจำบางส่วนขาดหายไป ตอนนี้ข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าพวกท่านทั้งสองคือใคร”
ในตอนนี้เองเยว่เฟิงเกอเพิ่งค้นพบความผิดปกติอีกเื่ แม้นางจะพิมพ์ตัวอักษรเข้าไปในเกม แต่ตัวอักษรเ่าั้กลับแปลงเป็เสียงพูดที่พูดผ่านตัวละครในเกมของนาง
ก่อนหน้านี้เยว่เฟิงเกอไม่ทันได้สังเกต แต่เมื่อนางมีสติมากขึ้น ได้คิดพิจารณาดูดีๆ ถึงได้พบว่ามีส่วนที่แปลกประหลาดอยู่หลายจุด
และยิ่งรู้สึกว่าเื่นี้น่าประหลาดยิ่ง
เมื่อชายในเกมได้ยินคำพูดของเยว่เฟิงเกอ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับสาวน้อยที่เพียงได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่าสูญเสียความทรงจำก็โกรธจนกระทืบเท้า นางชี้หน้าเยว่เฟิงเกอพร้อมด่าว่า “เยว่เฟิงเกอ เ้าทำให้เราสองพี่น้องถูกขังอยู่ในสถานที่บ้าๆ เช่นนี้ อยากออกไปก็ออกไปไม่ได้ แล้วเ้ายังจะมาแกล้งทำเป็ความจำเสื่อมใส่พวกเราอีก ช่างน่าไม่อายจริงๆ ”
เมื่อสาวน้อยพูดประโยคนี้ออกมา ในที่สุดชายที่ยืนอยู่ข้างกายนางก็ทนฟังต่อไปไม่ได้อีก เขาดึงน้องหญิงตนไว้ แค่นเสียงเ็า “เหยียนรั่ว อย่าเสียมารยาทกับผู้สูงศักดิ์ จะอย่างไรนางก็เป็องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ของเรา”
ชายคนนั้นเอ่ยวาจาพลางหรี่ตามองเยว่เฟิงเกออย่างเ็า ทว่า ั์ตาคู่นั้นกลับมีทั้งความเ็ปและเคียดแค้นปะปนอยู่
สาวน้อยได้ยินพี่ชายตนพูดเช่นนี้ก็ไม่ยินดีแล้ว “ท่านพี่ เหตุใดท่านยังพูดแทนนางอยู่อีก”
“พอแล้ว” ชายคนนั้นไม่อยากพูดอะไรอีก หมุนกายจากไปทันที
แน่นอนว่าเยว่เฟิงเกอไม่อยากให้พวกเขาจากไปเร็วเช่นนี้ นางรีบพิมพ์ข้อความทันที “พวกเ้ารอก่อน ข้าคิดว่าระหว่างพวกเราต้องเข้าใจผิดอะไรกันอยู่แน่ รบกวนพวกเ้าช่วยอธิบายให้ชัดเจนทีว่าพวกเ้าเข้ามาอยู่ในนี้ได้อย่างไร”
สาวน้อยถลึงตามองเยว่เฟิงเกอ นางกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่กลับถูกหยุดไว้ด้วยสายตาของผู้เป็พี่ชาย
ชายคนนั้นหันกลับมามองเยว่เฟิงเกอนิ่ง เป็นานถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ดูท่าเ้าคงจะจำพวกเราไม่ได้จริงๆ ”
เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีท่าทีลวงหลอก เขาถึงได้ยอมเชื่อแล้วจริงๆ ว่าเยว่เฟิงเกอสูญเสียความทรงจำไป
“ท่านพี่ ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดเหลวไหลของนาง เป็นางที่แสดงออกมาทั้งสิ้น” สาวน้อยได้ยินพี่ชายกล่าวเช่นนั้นก็กลัวว่าเขาจะถูกเยว่เฟิงเกอทำให้ลุ่มหลง จึงรีบส่งเสียงค้าน
ชายคนนั้นไม่ฟังคำของน้องหญิงตน ถอนใจเบาๆ “ในเมื่อองค์หญิงลืมพวกเราไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องรื้อฟื้นหรอก ส่วนว่าพวกเราเข้ามาในนี้ได้อย่างไร เกรงว่าคงไม่ต้องแจ้งให้องค์หญิงทราบ องค์หญิงรักษาตัวด้วย เราพบกันเพียงเท่านี้เถิด”
ชายคนนั้นพูดจบก็ไม่สนใจเยว่เฟิงเกออีก ก้าวเท้ายาวๆ จากไป
ขณะเดียวกันสาวน้อยยังคงโกรธจนกระทืบเท้าไปทีหนึ่ง นางมองเยว่เฟิงเกอด้วยสายตาดุร้ายแล้วรีบร้อนตามพี่ชายไป
เยว่เฟิงเกอมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างเลื่อนลอย จู่ๆ นางก็คิดถึงปัญหาขึ้นมาได้สองข้อ
สองพี่น้องนี้ถูกขังอยู่ในนี้ เกรงว่าคงไม่อาจเดินออกมาได้
แต่พวกเขาไม่คิดบ้างหรือว่า ที่นั่นเป็แค่โลกในเกม ไม่ได้มีอยู่จริง?
อีกอย่างสองพี่น้องไม่แปลกใจเลยหรือว่า เหตุใดนางจึงมาปรากฏตัวที่นั่นด้วย?
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังคิดอย่างสับสนอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์ก็มีเสียงผู้เฒ่าชราดังขึ้น “กลไกไร้เทียมทานเปิดทำงาน ขอให้มู่เหยียนเฉินมู่เหยียนรั่วสองพี่น้องรีบผ่านด่านให้ได้ มิเช่นนั้นพวกเ้าจะถูกกักขังอยู่ในกลไกไร้เทียมทานตลอดไป”
เมื่อเสียงนั้นหายไป เยว่เฟิงเกอถึงเพิ่งเข้าใจว่า ชื่อของสองพี่น้องคู่นี้ก็คือ มู่เหยียนเฉินและมู่เหยียนรั่ว