“แม้ในงานชุมนุมหวงปั่งครั้งนี้จะปรากฏอัจฉริยะมากมาย แต่กลับไม่มีอัจฉริยะเฉกเช่นองค์ชายใหญ่เลย แม้ตบะของเด็กคนนั้นจะต่ำต้อย แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งมาก อาจมีความหวังที่จะกลายเป็อันดับหนึ่งของงานนี้” ชายชรากล่าวโดยประเมินเย่เฟิงไว้สูงมาก
“เขาเพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 8 หากชิงอันดับหนึ่งของงานนี้ไปครองได้ มันจะไม่ฝืนชะตาฟ้าหรือ!” หลิงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยความใ
“พลังต่อสู้ของเขาทำให้ข้าใ คล้ายเกิดมาเพื่อฝืนชะตาฟ้า เพราะงั้นต่อให้เขาชิงอันดับหนึ่งไปครองได้ ก็ไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจ” ชายชรากล่าวต่อ
ศึกจับสลากรอบนี้ดุเดือดกว่าเดิม อัจฉริยะระดับหัวกะทิเ่าั้ยังคงบุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ เอาชนะคู่ต่อสู้เพื่อให้ได้หนึ่งในสิบอันดับแรกมา แต่รอบนี้เหลือผู้ฝึกยุทธ์ 20 คน ตอนจับสลากอาจได้คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
หนึ่งในนั้นิเสวียนจากสำนักอี่เทียนปะทะกับโอวหยางเจินจากสำนักหลิวอวิ๋น นี่ทำให้คนสำนักอี่เทียนหน้าม่อยคอตก โอวหยางเจินคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในรายนามเฟิงอวิ๋น เป็ผู้แข็งแกร่งในบรรดาคนอายุ 23 ปีลงไป มีเพียงจ้าวหยางเท่านั้นที่ต่อกรกับโอวหยางเจินได้
ดังนั้นต่อให้ิเสวียนโดดเด่นมากเพียงใด แต่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักอี่เทียนก็ไม่เห็นความหวังในการต่อสู้ครั้งนี้ การที่จับได้คู่กับโอวหยางเจิน ทำได้เพียงบอกว่าิเสวียนนั้นโชคร้าย และแน่นอนว่าผลลัพธ์เป็ไปตามที่ผู้คนคาดการณ์ไว้เช่นนั้น โอวหยางเจินกำราบิเสวียนด้วยพลังอันแกร่งกล้า เอาชนะิเสวียนโดยไม่ถึงสิบกระบวนท่า
อีกด้านหนึ่งมีคู่หนึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เนื่องจากพลังของทั้งสองใกล้เคียงกัน ซึ่งน่าสนใจและน่าดูมากกว่าคู่ของโอวหยางเจินและิเสวียน
สองคนนี้ก็คือเจียงเซิ่งหลิงและมู่เยี่ยน เมื่อทั้งสองพบว่าตนจับสลากได้อีกฝ่ายต่างก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เพื่อที่จะได้เข้าสิบอันดับแรก ทั้งสองจึงต้องต่อสู้กัน
เมื่อเปิดฉากต่อสู้ การต่อสู้ก็ดำเนินไปอย่างดุเดือดและรุนแรง ทั้งสองต่างสำแดงเคล็ดวิชาของตระกูลตน ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ของทั้งสองกองกำลังที่อยู่บนอัฒจันทร์ชมด้วยความตื่นตาตื่นใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วมู่เยี่ยนก็เอาชนะเจียงเซิ่งหลิง เข้าสิบอันดับแรกสำเร็จ ส่วนเจียงเซิ่งหลิงอดีตอันดับที่ 5 ในรายนามเฟิงอวิ๋นก็เข้าสิบอันดับแรกไม่สำเร็จ
โลกแห่งการแข่งขันก็เป็เช่นนี้แล หากไม่พัฒนาฝีมือตน สักวันหนึ่งจะถูกผู้อื่นก้าวข้ามไปได้ ต่อให้คนนั้นเคยตามหลังเ้าก็ตาม ดังนั้นหาก้าอยู่รอดในโลกเช่นนี้ จำต้องพัฒนาฝีมือ จึงจะไม่ถูกก้าวข้าม
เจียงเซิ่งหลิงถูกคัดออก ถือว่าสิ้นสุดเส้นทางของเขาในงานชุมนุมหวงปั่งครั้งนี้แล้ว ซึ่งหลังจบงานจะต้องมีผลกระทบต่ออันดับของเขาในรายนามเฟิงอวิ๋นอย่างแน่นอน
นอกจากโอวหยางเจิน ิเสวียน มู่เยี่ยน และเจียงเซิ่งหลิงแล้ว ก็ยังเหลือจ้าวซิง ต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนเยวี่ และคนอื่น ๆ ซึ่งรอบนี้อวิ๋นเจี๋ยพ่ายแพ้ ให้กับยวี่ม่อผู้อยู่อันดับที่ 10 ในรายนามเฟิงอวิ๋น
“ต่อไป เย่เฟิงปะทะหลงเซ่าเจี๋ย!” ไม่นานก็ถึงตาเย่เฟิง คู่ต่อสู้ของเขาคือหลงเซ่าเจี๋ย ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 7 ในรายนามเฟิงอวิ๋น แม้เย่เฟิงจะเอาชนะหลัวชาได้ แต่ทุกคนทราบดีว่าพลังของหลงเซ่าเจี๋ยน่าสะพรึงกลัวกว่าหลัวชามากแค่ไหน หาไม่แล้วก็ไม่มีทางอยู่อันดับที่ 7 ในรายนามเฟิงอวิ๋นได้
“เย่เฟิงผู้นี้จับสลากได้หลงเซ่าเจี๋ย ชักจะน่าสนใจแล้วสิ!” ผู้คนต่างรอคอยศึกนี้ แม้มีน้อยคนที่ดูถูกเย่เฟิง แต่พวกเขาก็ยังคงมองเย่เฟิงในแง่ไม่ดี ถึงอย่างไรหลงเซ่าเจี๋ยก็มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงอาณาจักรจ้าว หากบอกว่าเขาไร้พลังแกร่งกล้าก็เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดเชื่อ
ทุกคนทราบกันดีว่าหากอยู่ระดับเดียวกัน เกรงว่าคงไม่มีใครในที่แห่งนี้เป็คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง แต่ข้อเสียของเย่เฟิงคือตบะต่ำต้อย พวกเขาจึงเชื่อว่าหลงเซ่าเจี๋ยจะสามารถเอาชนะเย่เฟิงได้
ชายชราและหลิงเอ๋อร์ก็สังเกตการณ์การประลองเช่นเดียวกัน ในลานประลองราชวงศ์นี้ เกรงว่ามีเพียงชายชราและหลานสาวของเขาที่เข้าใจพลังของเย่เฟิงดีที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เป็ห่วงเย่เฟิงแม้เผชิญหน้ากับหลงเซ่าเจี๋ยก็ตาม
“หากเ้ายอมแพ้ ข้าจะปล่อยเ้าไป!” บนเวทีประลอง หลงเซ่าเจี๋ยกล่าวกับเย่เฟิงด้วยความมั่นใจอันแรงกล้า
“เ้าคิดมากไปแล้ว ลงมือเถอะ” เย่เฟิงกล่าวเสียงเฉยชา มาถึงจุดนี้ต่อให้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเพียงใด เย่เฟิงก็ไม่มีทางยอมแพ้
“ในเมื่อเ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี งั้นข้าจะซัดเ้าลงไปจากเวที!” หลงเซ่าเจี๋ยกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเขาวาดฝ่ามือก่อนจะปรากฏเงาัครามที่กลางอากาศ หมายเขมือบร่างเย่เฟิง
ตอนนั้นเองเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดที่รายล้อมด้วยพลังหยวนสีขาวและคล้ายปรากฏเงาหมัดั์ที่กลางอากาศ ก่อนจะเข้าปะทะกับเงาัครามของหลงเซ่าเจี๋ย
“ปัง!” เสียงะเิดังสนั่น เงาหมัดนั่นโจมตีเงาัครามไม่หยุดยั้งจนเงาัครามแตกสลายไปในที่สุด
“ทำไมหมัดของเขาทรงพลังขนาดนี้?” หลงเซ่าเจี๋ยตื่นใพร้อมกับถลาไปข้างหลัง แต่ขณะเดียวกันก็วาดฝ่ามืออีกครั้ง ทำเงาหมัดที่มาเยือนเบื้องหน้าเขาแตกสลาย
ขณะนั้นแสงดาวห้อมล้อมร่างเย่เฟิงพร้อมใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อระดับสามก้าวออกไป ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าหลงเซ่าเจี๋ยในพริบตา จากนั้นรัวหมัดใส่สามครั้งติดจนซัดหลงเซ่าเจี๋ยกระเด็นถอยหลัง ซึ่งทุกหมัดนั้นมีพละกำลังถึง 120,000 จิน
“ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ!” ด้านตระกูลหวัง เมื่อผู้าุโคนหนึ่งเห็นก็อุทานด้วยความใ ด้วยตบะของเขา เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าท่าร่างที่เย่เฟิงใช้คือย่างก้าวดาวตกผีเสื้อที่เป็มรดกสืบทอดของตระกูลหวังเขา อีกอย่างยังฝึกถึงระดับที่ลึกซึ้งมาก เพียงแค่ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อและระดับความชำนาญในการใช้ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเย่เฟิงแกร่งกว่าที่ตระกูลหวังเขาคิดไว้มาก
“ดูท่าข่าวลือจะเป็ความจริง ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อของตระกูลหวังข้าตกอยู่ในมือของเย่เฟิงจริง ๆ การตายของหวังหลงเกี่ยวข้องกับเย่เฟิง!” ผู้าุโคนนั้นเผยสีหน้าเย็นเยือกขึ้นเรื่อย ๆ เคล็ดวิชาของตระกูลหวังเขาจะให้คนนอกฝึกได้อย่างไร
“ัครามเหินเวหา!”
บนเวทีประลอง หลังจากรับหมัดของเย่เฟิงไปหลายหมัด หลงเซ่าเจี๋ยก็รู้สึกว่าอวัยวะภายในได้รับความเสียหาย เขาไม่้าให้เป็เช่นนี้ต่อไป จึงเริ่มลงมือโจมตีกลับบ้าง
ัครามเหินเวหานี้คือเคล็ดวิชาที่ค่อนข้างทรงพลังหนึ่งของหลงเซ่าเจี๋ย เพียงกระบวนท่านี้เขาก็สามารถบดขยี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ให้แหลกได้แล้ว
“ศิษย์พี่หลงใช้กระบวนท่านี้ เย่เฟิงจบเห่แล้ว!”
บรรดาศิษย์หอชิงหลงต่างรู้จักัครามเหินเวหาที่หลงเซ่าเจี๋ยสำแดงเป็อย่างดี จึงเผยสีหน้าพอใจและคิดว่าเย่เฟิงรับกระบวนท่านี้ไม่ได้แน่นอน
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงตาเผยประกายคมกริบ เขาแผดเสียงะโพร้อมวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยอำนาจหอกขั้นผันแปรโจมตีออกไป จากนั้นฝ่ามือั์ก่อตัวที่กลางอากาศ ก่อนจะพุ่งไปหาหลงเซ่าเจี๋ย
“ปัง!” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นาทีต่อมาเห็นเงาัครามแตกสลาย แต่ฝ่ามือั์ยังคงอยู่
“แย่แล้ว!” เมื่อหลงเซ่าเจี๋ยเห็นฝ่ามือั์นั่นที่ราวกับทำลายทุกสิ่งได้ก็ถึงกับอุทานในใจ เขาไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีอันบ้าคลั่งของเย่เฟิงได้
หลงเซ่าเจี๋ยถอยหลังไปหลายก้าว แต่สิ่งที่ตามมากลับเป็รังสีหมัดที่ทรงพลังยิ่งกว่า เย่เฟิงรัวหลายสิบหมัดในเวลาสั้น ๆ เขาต้องหน้าขาวซีด จนในที่สุดก็โดนหนึ่งหมัดในนั้นซัดกระเด็นตกเวทีประลอง
ก่อนหน้านี้เขาหลงเซ่าเจี๋ยบอกว่าจะซัดเย่เฟิงลงไปจากเวทีประลอง แต่กลับทำไม่ได้ บัดนี้สิ่งที่เขาเคยพูดดันเกิดขึ้นกับตัวเขาเองเสียแล้ว
“ชนะแล้ว ไม่นึกว่าเย่เฟิงจะเอาชนะหลงเซ่าเจี๋ยผู้อยู่อันดับที่ 7 ในรายนามเฟิงอวิ๋นได้ นี่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างไม่อยากเชื่อว่านี่เป็ความจริง พวกเขาไม่เข้าใจว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 8 จะมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้อย่างไร
แต่ความเป็จริงกลับอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว เย่เฟิงใช้พลังโจมตีอันแกร่งกล้ากำราบหลงเซ่าเจี๋ยและซัดจนตกเวทีประลอง
ผู้าุโใหญ่โม่ไห่เฟิงแห่งหอชิงหลงเผยสีหน้าอึมครึมขณะมองเย่เฟิงด้วยความไม่พอใจ อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งหอชิงหลงของพวกเขาถูกขวางไม่ให้เข้าสิบอันดับแรกแห่งงานชุมนุมหวงปั่ง เพียงเพราะพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มขั้นรวมชี่ที่ 8
“เยี่ยม เย่เฟิงเก่งมาก!” ด้านสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งโห่ร้องแสดงความดีใจให้กับชัยชนะของเย่เฟิง เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทำหลาย ๆ คนเกิดการตอบสนองในทันที ก่อนจะส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ บรรยากาศจึงหนักหน่วงขึ้นมาในทันที
บนอัฒจันทร์หลัก ขณะที่ผู้าุโเฉียนมองเย่เฟิง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ เย่เฟิงทำเขาประหลาดใจทุกครั้งที่ขึ้นเวทีประลอง เก่งกาจเช่นนี้ ทำให้เขาอยากดึงตัวมาเป็ศิษย์
แต่สีหน้าของจ้าวหยางกลับผันผวนไปมาไม่หยุด เขา้ากดขี่ข่มเหงสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ให้อีกฝ่ายไร้ซึ่งพลังอำนาจ ทว่าเพราะการมีอยู่ของเย่เฟิง ทำให้สำนักยุทธ์เทียนเสวียนผงาดและออกจากการถูกกดขี่ข่มเหง
บัดนี้บรรยากาศทั่วงานประลองดูหนักอึ้ง จึงดูน่าหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
เย่เฟิงอยู่ขั้นรวมชี่ ไร้ฐานะและไร้อำนาจ แต่พลังเรียกหากลับเหนือกว่าองค์ชายใหญ่ เช่นนั้นองค์ชายใหญ่จะปฏิบัติต่อเย่เฟิงอย่างไร?
“เด็กคนนี้มิอาจเก็บไว้ได้!”
