รอจนกระทั่งทำแคร่หามเสร็จ หมีดำก็ถูกมัดเรียบร้อย
คนสกุลซีของพวกเขามีกันทั้งหมดเจ็ดคน สี่คนหามหมีดำ สองคนหามเหลียนเซวียน อีกคนรับผิดชอบสัตว์ขนาดเล็กที่ล่ามา
หมีดำตัวหนึ่งหนักสามสี่ร้อยชั่ง บุรุษรูปร่างบึกบึนสี่คนช่วยกันหามยังลำบาก
แต่พอนึกถึงค่าตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วย เรี่ยวแรงของพวกเขาก็เต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที
เหลียนเซวียนถูกหามขึ้นแคร่ไม้ไผ่ เซวียเสี่ยวหรั่นนำเสื้อกั๊กหนังเลียงผากับหนังงูมาปูรองบนแคร่เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเจ็บจากการถูกกดทับ
ผู้รับหน้าที่หามเหลียนเซวียนคือสองพี่น้องซีมู่คุนกับซีมู่เซิง
พวกเขารีบออกเดินทาง ทางบนเขาเดินลำบาก ซ้ำยังต้องหามสัตว์ที่มีน้ำหนักมาก การเดินทางวันเดียวต้องขยายเป็วันครึ่ง เนื้อหมีไม่สมควรเก็บไว้นานเกินไป ยิ่งขนลงจากเขาได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งได้ราคา
ตอนนี้เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้ว เดินทางมาครึ่งวัน น่าจะออกไปถึงนอกเขตูเาพรุ่งนี้ก่อนพลบค่ำ
ทุกคนยังไม่ได้กินมื้อเที่ยง แต่คนสกุลซีพกขนมเปี๊ยะธัญพืชมาด้วย ชิ้นหนึ่งกินเพียงสองสามคำก็หมด
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ได้กินอาหารจำพวกแป้งมาหลายเดือนแล้ว ถือขนมเปี๊ยะแข็งโป๊กหยาบกระด้างกินอย่างมีความสุข
บนูเาต้นเดือนสามอุณหภูมิไม่สูง เก็บขนมเปี๊ยะไว้สามสี่วันก็ยังไม่เสีย แน่นอนว่ากลิ่นไม่ดีเท่าไร ทั้งแข็งทั้งเคี้ยวยาก
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับทำตาพริ้มกินคำเล็กๆ ทีละคำ ราวกับกำลังลิ้มรสชาติอันแสนวิเศษ
เหลียนเซวียนได้รับาเ็สาหัสก็กินไปขมวดคิ้วไป
"อาเหลย รีบกินสิ ไม่ต้องกลัว" เซวียเสี่ยวหรั่นมองอาเหลยที่เกาะติดอยู่ข้างกายเธอด้วยความเวทนาสงสาร
พอคนเยอะขึ้น อาเหลยจึงมีท่าทางหวาดระแวง
เมื่อครู่ตอนเรียกมากินอาหาร มันลังเลอยู่นาน ก่อนจะย่องเข้ามาอยู่ข้างกายเธอด้วยสีหน้าตื่นกลัวตลอดเวลา
"ต้าเหนียงจื่อช่างโชคดียิ่งนัก ขนาดเก็บลิงมาส่งๆ ยังสามารถสอนให้มันเชื่องได้ขนาดนี้"
ซีต้าเฉียงมองหญิงสาวตรงหน้าพลางขบคิด
ลิงมีนิสัยป่าเถื่อน เลี้ยงให้เชื่องไม่ง่ายนัก มีเพียงผู้ฝึกลิงโดยเฉพาะเท่านั้นที่ทำได้ พวกเขาจะนำลิงมาเลี้ยงั้แ่เล็ก ทุกวันก็ฝึกด้วยแส้ พวกลิงถึงจะเชื่อฟัง
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะกล่าวอธิบาย "ตอนที่เก็บอาเหลยมา มันยังเล็กมาก และติดตามพวกเรามานานแล้ว ก็เลยมีความผูกพัน ท่านลุงซี หากพวกเราจะพาอาเหลยไปอยู่ในหมู่บ้านของพวกท่าน คงไม่มีปัญหากระมัง?"
"จะมีปัญหาได้อย่างไร หมู่บ้านของพวกเราอยู่ติดูเา ฝูงลิงมีเยอะ เห็นกันอยู่บ่อยๆ คนในหมู่บ้านไม่รู้สึกว่ามันเป็ของแปลกหรอก"
ซีต้าเฉียงส่ายหน้า หมู่บ้านอยู่ใกล้กับูเาย่อมคุ้นเคยกับสัตว์เหล่านี้ดี
เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจโล่งอก เธอวิตกว่าอาเหลยจะตกเป็เป้าสายตาของผู้คนหลังออกจากูเาไปแล้ว
ไม่แปลกก็ดีแล้ว กลัวแต่ว่าถ้ามันดึงดูดสายตามากเกินไป มีแต่คนตามมาห้อมล้อมคงไม่ดีนัก
ตอนออกเดินทาง เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงแบกกระบุงหนึ่งใบและอุ้มไว้หนึ่งใบ
เธอยัดเห็ดหุยซินไว้ในเป้ แล้ววางเป้ เห็ดหลิงจือและเสื้อกันแดดไว้ก้นกระบุง ก่อนเอาพวกหนังสัตว์ปิดทับเอาไว้้า
ดังนั้นเมื่อเทียบกับพรานป่าท่าทางปราดเปรียวเหล่านี้ เธอจึงเดินช้ากว่ามาก
โชคดีที่พวกเขาหามของหนัก การเดินทางไม่สะดวกนัก เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากเป็ตัวถ่วงของพวกเขา ดังนั้นจึงกัดฟันเดินตามไม่ให้หลุดขบวน แน่นอนว่าเหนื่อยจนแทบขาดใจ
ยามเธอกับเหลียนเซวียนเดินทางด้วยกัน เดินๆ หยุดๆ อยากพักผ่อนเมื่อไรก็พักได้ตามใจชอบ ไม่เคยเหนื่อยอย่างนี้มาก่อน
ตอนนี้ต้องเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิมเกินหนึ่งเท่า ซ้ำยังพักผ่อนน้อยมาก แล้วเธอจะไม่เหนื่อยได้อย่างไร
เหลียวเซวียนนอนอยู่บนแคร่ หลังพักผ่อนมาครึ่งวัน พละกำลังฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย เืลมที่ปั่นป่วนค่อยๆ สงบลง
เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามเดินตามอยู่ข้างแคร่ เสียงหายใจของเธอหนักหน่วง แววตาของเหลียนเซวียนที่นอนอยู่พลันจมดิ่ง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม คณะเดินทางก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดพัก
เหลียนเซวียนขยับตัว ยื่นมือออกไปให้สัญญาณ
ซีมู่คุนซึ่งหามแคร่อยู่จึงชะลอฝีเท้าลง "น้องชาย ไม่สบายตรงไหนรึ"
ยามนี้เซวียเสี่ยวหรั่นเดินรั้งอยู่ท้ายสุด ทิ้งระยะห่างจากขบวนเพียง่สั้นๆ เส้นทางบนเขาเดินลำบาก ของที่พกมามีเยอะ แต่เธอตัดใจทิ้งไม่ได้ จึงต้องกัดฟันพยายามอย่างสุดกำลัง
เหลียนเซวียนลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น
ซีมู่คุนสองพี่น้องรีบวางแคร่ลง
ซีต้าเฉียงซึ่งเดินนำอยู่ด้านหน้าสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาก็เลยหยุด
"หยุดพักที่นี่ก่อน ใครจะไปเบาก็รีบหน่อย"
ซีมู่คุนได้ยินเช่นนั้น ก็ทำสีหน้านึกขึ้นได้ เข้าใจว่าเหลียนเซวียนอยากจะไปเบา จึงเรียกซีมู่เซิงผู้เป็น้องชายให้ประคองเขาขึ้นมา แล้วพาไปยังพงไม้ข้างทาง
เอาเถอะ อย่างไรเสียเป้าหมายการหยุดพักก็บรรลุผล เหลียนเซวียนถูกพยุงออกมารู้สึกจนใจอยู่บ้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงสองใบลง หาก้อนหินหย่อนก้นนั่งพัก เหนื่อยหอบจนลิ้นห้อย
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยวิ่งมาข้างกายเธอ มันเองก็เหนื่อย
แม้ว่าเท้าของอาเหลยเกือบจะหายดีแล้ว แต่การเดินทางครั้งนี้ก็ทรหดจริงๆ
"อาเหลย อีกประเดี๋ยวเ้านั่งบนแคร่กับเหลียนเซวียนเถอะนะ ให้พวกเขาหามเ้าไปด้วย จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวอาเหลย
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านเดินไหวหรือเปล่า ให้ข้าช่วยแบกสักกระบุงหรือไม่"
ซีหย่วนผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์เดินเข้ามา แม้ว่าเขาจะดูเหมือนคนอายุน้อย แต่แขนขามีกำลังเหลือเฟือ
หามหมีดำเดินมาตั้งไกล กลับเพียงแค่หอบเล็กน้อยเท่านั้น
"ขอบใจเ้ามาก ซีหย่วน แต่ไม่ต้องหรอก ข้าไหว เ้าหามหมีดำตัวนั้นก็หนักพอแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้าปฏิเสธ
จากที่ได้ัักับพวกเขามาครึ่งวัน เซวียเสี่ยวหรั่นก็มีความประทับใจต่อพรานป่าเหล่านี้
พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนมีมารยาทและมีน้ำใจ มีเพียงชายร่างผอมที่ชื่อซีติ้งคนนั้นที่แลดูไม่น่าไว้วางใจ
ดวงตาสามเหลี่ยมแลดูเ้าเล่ห์ของเขาคอยเหลือบมองเหลียนเซวียนกับเธอเป็พักๆ รวมถึงกระบุงที่อยู่บนหลังของเธอด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นนึกหวาดระแวง เคราะห์ดีที่ของในกระบุงซุกซ่อนไว้อย่างมิดชิด มีแต่เขากวางคู่นั้นที่ไม่อาจซ่อนเร้น
หลังจากเหลียนเซวียนกลับมา คณะคนก็เดินทางต่อ
ก่อนฟ้ามืดพวกเขาก็เดินทางมาถึงเชิงผาแห่งหนึ่ง
ที่นั่นมีกระท่อมไม้ซอมซ่อหลังหนึ่งสร้างทิ้งไว้
เห็นชัดว่าเป็สถานที่ที่พวกเขาใช้พักผ่อนยามออกมาล่าสัตว์
ซีมู่คุนสองพี่น้องหามเหลียนเซวียนเข้าไปในกระท่อม แล้วพยุงเขาลง
"น้องชาย วันนี้พวกเราพักที่นี่ชั่วคราว พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางแต่เช้า จะได้ออกจากูเาก่อนฟ้ามืด"
ซีมู่คุนประคองเขานั่งลง น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความเคารพยำเกรงอยู่หลายส่วน
ไม่รู้เพราะเหตุใด ชายที่อยู่ตรงหน้าแม้ตาจะมองไม่เห็น ปากพูดไม่ได้ ทว่าทุกอิริยาบถของเขากระทั่งแววตากลับมีอำนาจทำให้ซีมู่คุนต้องยอมสยบ
เหลียนเซวียนผงกศีรษะเล็กน้อย
ซีมู่คุนถอนหายใจโล่งอก ดึงน้องชายซีมู่เซิงออกไปจากกระท่อม ช่วยเซวียเสี่ยวหรั่นที่มาถึงหลังสุดย้ายกระบุงเข้ามากระท่อม
เซวียเสี่ยวหรั่นเหนื่อยจนพูดไม่ออก หลังกล่าวขอบคุณ ก็หย่อนก้นนั่งลงข้างเหลียนเซวียน เกือบจะพิงร่างกับตัวเขาอยู่รอมร่อ
"ต้าเหนียงจื่อเหนื่อยแย่แล้วกระมัง เ้าพักผ่อนก่อนเถอะ พวกเราจะไปตักน้ำผ่าฟืนเตรียมอาหารค่ำ" ซีมู่คุนเห็นนางเหนื่อยจนหน้าซีด ก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง
อากาศเริ่มร้อน เพื่อรักษาราคาของหมีดำ จำเป็ต้องเดินทางเข้าเมืองโดยเร็วที่สุด
ดังนั้นพวกเขาจึงรีบร้อนเดินทางมาโดยตลอด
ชายอกสามศอกอย่างพวกเขาล้วนไม่มีปัญหา แต่สตรีนางนี้ต้องลำบากแล้ว
