กลุ่มนักเรียนเห็นชายชราปรากฏตัวกะทันหัน พร้อมกับโทรศัพท์ iPhone ในมือของเซี่ยิ่ถูกเขาเหยียบจนแตกละเอียด ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ชายชราคนนี้เป็ใครกัน?
เขาสวมชุดสีเทา คิ้วเข้มพาดเฉียงดั่งกระบี่ ดวงตาเฉียบคมดุดัน ราวกับเสือร้ายที่พร้อมจะกลืนกินเหยื่อ!
“คุณปู่มาได้ยังไง?” เมื่อซูเมิ่งหานเหลือบเห็นเขาก็รีบดึงมือกลับทันที จากนั้นเดินไปหาเย่เฟิงแล้วจับแขนเขาด้วยความประหม่า ก่อนมองเย่เวิ่นเทียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างกังวล
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เย่เฟิงส่ายหน้าพร้อมขมวดคิ้ว ที่อยู่ของเย่เวิ่นเทียนลึกลับมากเพราะเขาไปมาไร้ร่องรอย แม้เมื่อคืนเ้าหัวขโมยนั่นจะบอกว่าเย่เวิ่นเทียนไม่อยู่ในเมืองเยี่ยนจิง แต่ใครจะไปรู้ว่าที่จริงเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
“หึ” เย่เวิ่นเทียนแค่นเสียง เขาไม่ชายตามองเซี่ยิ่เลยสักนิด เพียงเอามือไขว้หลังก่อนเดินไปทางเย่เฟิงด้วยท่าทีสงบนิ่ง
จังหวะที่เขาเดินผ่านเซี่ยเฉิงเย่และผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนของอีกฝ่ายก็กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ความสามัคคีในหมู่ทหารถือเป็เื่ที่ดี แต่ไม่ใช่สามัคคีกันสร้างเื่โดยไม่สนใจถูกผิด การช่วยคนชั่วทำผิดเป็เื่ไม่ถูกต้อง กลับไปไตร่ตรองให้ดีเถอะ”
เป็ธรรมดาที่ผู้มากประสบการณ์อย่างเย่เวิ่นเทียนจะรู้เท่าทันความคิดของบรรดาทหารใต้บังคับบัญชาของเซี่ยเฉิงเย่ พวกเขาคงคิดว่าเซี่ยเฉิงเย่ ‘ถูกรังแก’ จึงคิดแก้แค้นให้ผู้เป็นายเท่านั้น ทั้งที่พวกเขาเห็นอยู่ทนโท่ เหตุใดจะไม่รู้ว่าเื่นี้ใครถูกใครผิดกันแน่
หลังจากเย่เวิ่นเทียนพูดจบก็เดินมาถึงหน้าเย่เฟิงและซูเมิ่งหานพอดี คำพูดเ่าั้ทำให้ผู้คนตื่นตระหนก “เ้าเด็กตัวเหม็น ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ตาแก่อย่างฉันจะคอยดูแลแกอย่างใกล้ชิดเอง...”
เย่เฟิงและซูเมิ่งหานได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตกตะลึง คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเหรอ?
“ตอนนี้ตาเฒ่าหลินไม่จำเป็ต้องให้ฉันคอยคุ้มครองมันแล้ว และที่ฉันยื่นมือมาจัดการเื่นี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเวรอย่างแกออกไปวิ่งเถลไถลที่ไหนได้อีก” เย่เวิ่นเทียนเหลือบมองซูเมิ่งหานที่ประพฤติตัวว่าง่าย ทั้งสุภาพเรียบร้อยและอ่อนโยนก็ผงกหัวด้วยความพอใจ เขาไม่อยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงเพียงคืนเดียว เด็กสาวก็เสร็จเ้าเด็กตัวเหม็นนี่ไปเสียแล้ว ไอ้เด็กนี่ทำได้ไม่เลวเลย ช่างรวดเร็วไวไฟเสียจริง
จากลักษณะนิสัยของเธอ ต่อไปคงเป็ภรรยาที่ดีของเย่เฟิงได้แน่นอนใช่ไหม? เมื่อเย่เวิ่นเทียนคิดดังนั้นก็ยิ่งมองเธอด้วยความพึงพอใจ จากประสบการณ์การท่องไปทั่วยุทธจักร ทำให้ตาแก่อย่างเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยของซูเมิ่งหานได้อย่างสบายๆ
“คอยปกป้องผู้เฒ่าหลินงั้นเหรอ?” ฉับพลันเย่เฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ยอดฝีมือลึกลับที่อยู่ข้างกายหลินหงชวนคนนั้นคือเย่เวิ่นเทียนงั้นหรือ? อย่างนั้นก็ไม่แปลกเลยที่คนทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน!
“ไม่ผิด ตอนนี้เขาอยู่กับท่านตาของแกแล้วปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน เพราะอย่างนั้นฉันถึงมาคอยดูแลแกได้ยังไงล่ะ” เย่เวิ่นเทียนพูดพลางขมวดคิ้ว เนื่องจากเด็กนักเรียนจำนวนมากรุมล้อมทำให้เขาไม่คุ้นชินนัก
เมื่อคืนเขากับหลินหงชวนและถังเสวี่ยเฟิงปรึกษาหารือกันอยู่นานมาก ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ว่าจะให้หลินหงชวนพักที่เมืองชวีหยางกับถังเสวี่ยเฟิงไปก่อน เพื่อให้เย่เวิ่นเทียนสามารถดูแลเย่เฟิงได้ แม้ตอนนี้หลินหงชวนจะถือเป็ผู้มีอิทธิพลในประเทศจีน ทว่าเขาไม่มีเื่สำคัญที่ต้องทำเลย เพียงสนุกกับการใช้ชีวิตในวัยชราของตัวเองไปทั่วทุกที่
“ท่านตา? ตระกูลถังงั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที “งั้นแม่ของผมล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
เมื่อชายชราเห็นปฏิกิริยาของหลานชายก็พูดเสียงเรียบ “แม่ของแกสูญเสียความทรงจำ ตอนนี้มีชีวิตที่ดีแล้ว แกไม่ต้องเป็ห่วงหรอก”
เมื่อเย่เฟิงและซูเมิ่งหานได้ฟังดังนั้นก็สบตากัน
ถังชิงหลิงความจำเสื่อมอย่างนั้นเหรอ?
ซูเมิ่งหานบีบมือเย่เฟิงแน่นขึ้น ราวกับ้าปลอบโยนเขา
“เอาล่ะ แกเข้าไปเรียนได้แล้ว ส่วนคนพวกนี้เดี๋ยวตาแก่อย่างฉันจะจัดการให้เอง” เย่เวิ่นเทียนพูดเสร็จก็โบกมือ จากนั้นหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเซี่ยิ่และเซี่ยเฉิงเย่ รวมทั้งบรรดาลูกน้องของอีกฝ่าย!
“ไปกันเถอะ” เย่เฟิงสะกดอาการสั่นในใจ ก่อนดึงซูเมิ่งหานเข้าห้องเรียน เมื่อเห็นว่ายังมีนักเรียนล้อมวงอยู่โดยรอบก็กระแอมไอแล้วะโ “ยังไม่รีบเข้าเรียนกันอีก? มีอะไรให้สนใจนักหนาหรือไง?”
เมื่อกลุ่มนักเรียนได้ยินคำพูดของเขาก็พากันเงียบกริบ จากนั้นรีบเดินเข้าห้องเรียนของตัวเอง
เย่เฟิงคนนี้เก่งกาจเื่การต่อยตีมาก พวกเขาจะไม่มีทางยั่วยุให้เย่เฟิงโมโหเด็ดขาด! ยิ่งกว่านั้นชายชราคนเมื่อครู่เหมือนจะเป็ปู่ของเย่เฟิง เขาดูมีอำนาจน่าเกรงขาม ยิ่งทำให้ไม่น่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย! บรรดานักเรียนจึงรีบเข้าห้องเรียนอย่างว่าง่าย อีกไม่นานก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว หากไปยั่วโมโหสองปู่หลานให้ขุ่นเคืองแล้วถูกทุบตีจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ นั่นคงเป็เื่ที่ทำให้พวกเขาเสียใจไปตลอดชีวิตแน่...
เพียงไม่นานก็เหลือเพียงเย่เวิ่นเทียนยืนอยู่โถงทางเดินนอกห้องเรียน ถึงตอนนี้ในที่สุดเซี่ยิ่ก็มีปฏิกิริยา ราวกับเพิ่งรู้สึกตัวว่าโทรศัพท์ iPhone ในมือของเธอถูกชายชราเหยียบแตกละเอียดไปแล้ว! เธอรู้สึกโกรธมาก ทว่าเมื่อเห็นเซี่ยเฉิงเย่และคนอื่นๆ ร้องโอดครวญล้มระเนระนาดอยู่ขอบโถงทางเดิน ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว เด็กมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่งจะมีความสามารถต่อยตีขนาดนี้ได้อย่างไร?
“พวกไร้ประโยชน์ แค่เด็กมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่งก็ยังรับมือไม่ได้” เซี่ยิ่มองน้องชายของตัวเองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม เมื่อเหลือบมองทางบันได ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้ม ในที่สุดกำลังเสริมก็มาถึงแล้ว!
“นี่มันเื่อะไรกัน?” เ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบหลายนายวิ่งมาจากบันได และผู้บังคับบัญชาของตำรวจกลุ่มนี้ก็คือโหมวเจิ้นเฉียง! เมื่อเห็นสถานการณ์บริเวณโถงทางเดินก็ต้องขมวดคิ้ว เหตุใดคนตระกูลเซี่ยถึงถูกทุบตีจนเป็ฝ่ายเสียเปรียบอย่างนี้?
เห็นได้ชัดว่าตำรวจกลุ่มนี้ไม่ได้ถูกใครเรียกมาในภายหลัง แต่เป็กลุ่มที่เตรียมมาสมทบกับเซี่ยิ่ไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่เช่นนั้นเป็ไปไม่ได้เลยที่คนอย่างโหมวเจิ้นเฉียงจะมามาที่นี่ด้วยตัวเอง
“นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งที่ชื่อเย่เฟิงไล่ทุบตีผู้คน และยังมีชายชราคนนี้อีก เขาทำโทรศัพท์ของฉันพัง พวกขยะสังคมแบบนี้ คุณต้องจับพวกเขาเข้าคุก!” เซี่ยิ่ชี้เย่เวิ่นเทียนพร้อมกล่าวคำพูดร้ายกาจออกมา
โหมวเจิ้นเฉียงมองไปทางประตูห้องเรียน เดิมทีเขา้าจับกุมตัวเย่เฟิงโดยตรง ทว่าเมื่อเห็นเย่เวิ่นเทียนก็ถึงกับตกตะลึงจนชะงักไปครู่หนึ่ง
เป็เขาได้อย่างไร?
แย่แล้ว ชายชราคนนี้เป็บุคคลที่ไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย!
โหมวเจิ้นเฉียงยังคงยืนตะลึงอยู่ที่หน้าบันได ไม่กล้าแม้แต่ก้าวไปข้างหน้า เมื่อเขาเป็เช่นนี้ บรรดาลูกน้องใต้บัญชาการของเขาก็พลอยไม่กล้าขยับตัวไปด้วย รวมถึงเหล่าผู้บริหารของโรงเรียนที่รีบตรงดิ่งมาที่นี่หลังจากได้รับแจ้ง พวกเขาต่างไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม แม้แต่โหมวเจิ้นเฉียงที่เป็ถึงเ้าหน้าที่ระดับสูงยังไม่กล้าเคลื่อนไหว แล้วพวกเขาจะกล้าลงมือได้อย่างไร?
“มองอะไรกัน? หลานชายและหลานสะใภ้ของฉันเรียนอยู่ที่นี่ ใครหน้าไหนก็อย่าเข้าไปรบกวนพวกเขา” เย่เวิ่นเทียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของพวกเขาเกิดล่าช้าขึ้นมา พวกแกจะรับผิดชอบไหวไหม?”
เมื่อโหมวเจิ้นเฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับเหงื่อตก เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่เวิ่นเทียนจะปรากฏตัวที่นี่ ไม่ใช่มีข่าวลือว่าชายคนนี้ต้องคอยคุ้มกันท่านผู้เฒ่าหลินหรอกหรือ แล้วเขาว่างมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?
“ผู้บัญชาการโหมว แค่คนแก่คนเดียวคุณจะกลัวอะไร ยังไม่รีบจับคนร้ายอีก!” เซี่ยิ่ที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์รีบร้องโวยวาย แก้มทั้งสองข้างของเธอบวมเป่งและแดงเถือกจนน่าขบขัน
“เงียบปากของคุณซะ” โหมวเจิ้นเฉียงตวาด เขารู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้ตึงมือมากพออยู่แล้ว ยัยบ้านี่ยังจะทำให้มันแย่ลงไปอีก ไม่มีสมองหรืออย่างไร?
“ผู้บัญชาการโหมว นี่?” ร่างพุงพลุ้ยของผู้อำนวยการโรงเรียนมองชายชราที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนก็เหงื่อไหลออกมาเช่นกัน แม้แต่เ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างโหมวเจิ้นเฉียงยังไม่กล้าเข้าไป สรุปแล้วชายชราคนนี้เป็ใครกันแน่? ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่เคยพบว่าที่โรงเรียนของเขามีผู้าุโที่ไม่ธรรมดาคนนี้อยู่?
กลุ่มคนต่างรู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก ไม่กล้าเข้าไปและไม่กล้าถอยออกมาเช่นกัน
“ทุกคนถอยออกไปให้หมด” ขณะนั้นเองน้ำเสียงน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังจากทางบันได จากนั้นกลุ่มคนนับสิบที่ติดอาวุธเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว โดยมีชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีเดินนำ เขาดูดุดันและเฉียบขาด
“เื่นี้ทางสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะจัดการเอง บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหลีกไปให้หมด” ชายหนุ่มหยิบเอกสารรับรองออกมา ทำให้ทุกคนตกตะลึงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็มาเช่นกัน!
คนที่นำกองกำลังมาคือเหลยินั่นเอง ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเขาจะเป็เย่เฟิงและเย่เวิ่นเทียน
กลุ่มคนพากันหันมองชายชราที่ยืนขวางอยู่หน้าห้องเรียน ในใจพวกเขาต่างคิดว่าอีกฝ่ายจะยืนขวางได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อคนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติมาถึงที่นี่แล้ว และพวกเขาคงไม่ยอมโดยง่ายแน่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้