อวี๋ซื่อยังคิดจะโวยวายต่อ “หา ทำร้ายคน จ่ายแค่หนึ่งตำลึงก็แก้ปัญหาได้แล้ว หากใช้วิธีนี้แก้ปัญหา ต่อไปทำร้ายคนกลับชดใช้เพียงไม่เท่าใด เช่นนั้นคนในหมู่บ้านคงจะก่อเื่นี้ขึ้นทุกวันน่ะสิ”
กำนันของหมู่บ้านโกรธแล้ว ได้ยินนางโวยวายออกมาเช่นนี้จึงตะคอกออกมา “อวี๋ซื่อ หากเ้าไม่พอใจไปฟ้องที่ศาลได้เลย ข้ากับผู้ใหญ่บ้านทำได้แค่จัดการเื่ราวให้เ้าจบดีที่สุดแล้ว าแของลูกสะใภ้เ้า เป็อย่างไรนั้นในใจของเ้ารู้ดี แค่แม่ไก่วิ่งเข้าเรือนเขาซึ่งเป็เื่ที่สามารถจัดการได้แต่ยังจะออกมาโวยวายใหญ่โต? เ้าชอบโวยวายหาเื่ ก็ไปทำคนเดียวเถิด พวกเราทำให้เ้าได้เพียงเท่านี้”
นี่คือการเตือนอวี๋ซื่อว่า าแของลูกสะใภ้เ้าพวกเราทุกคนรู้ดี อย่างไรเ้าก็ได้ไปหนึ่งตำลึงแล้ว เ้ายังจะเอาสิ่งใดอีก?
แม้เฉินเนี้ยนหรานจะรู้ถึงผลสรุปนี้ แต่อดไม่ได้ที่จะเข้าไปร่วมสนุกด้วย “โอ้ หนึ่งตำลึงเชียวหรือ ไอ๊หยา ข้าแค่ลูบๆ ตัวพี่ชุนฮวาสองที พอลูบทีก็โดนไปถึงหนึ่งตำลึง ท่านผู้ใหญ่บ้าน ท่านกำนันเื่นี้พวกท่านจัดการได้ไม่ยุติธรรมเลยนะเ้าคะ ต่อไปคนอื่นเขาไม่ทำอะไรก็ให้ข้าคนที่เป็เหมือนดั่งดอกไม้ราวกับหยกไปลูบสองที ถึงตอนนั้นข้าคงต้องจ่ายหนึ่งตำลึงทุกวัน เช่นนั้นเงินของใครก็แตะไม่ได้เลยสิ การััเช่นนี้ข้าก็ขาดทุนสิ เฮ้อ เฮ้อ หากพี่ชุนฮวาอายุยังอยู่ในวัยที่เหมือนกับดอกไม้ราวกับหยกจริง ลูบไปสองที่นี้ ข้ายังพอจะเข้าใจได้ เฮ้อ เฮ้อ ดูจากพี่ชุนฮวา...ในตอนนี้หรือ...”
ทุกคนต่างมองไปทางจ้าวชุนฮวาที่ร้องครวญครางไม่หยุด หน้าบวมเป็หมู เนื่องจากมีลูกแล้วบำรุงร่างกายไม่ดี จึงไม่มีรูปร่างที่สวยงาม ตอนนี้ดันมาถูกเฉินเนี้ยนหรานพูดเย้าเช่นนี้อีก...
“ฮ่าๆ...”
“เหมือนดั่งดอกไม้!” มีคนะโขึ้นมา
“ราวกับหยก!”
“แม้ชุนฮวาจะเกือบเหมือนดอกไม้ราวกับหยก อย่างไรนางก็เป็สตรี แต่ว่าน้องสาวเ้าเองก็เป็สตรีนะ ์ เ้าที่เป็สตรีไปััสตรี พอมาคำนวณดูแล้ว ดูเหมือนน้องสาวจะขาดทุนอยู่บ้างนะ”
ผู้ใหญ่บ้านเหงื่อแตกพลั่ก เ้าชาวบ้านพวกนี้นี่ ช่างสามารถจริงๆ จากการแก้ไขปัญหาในตอนนี้ กลับเปลี่ยนมาหยอกเย้าสตรีไปเสียแล้ว
กวาดตาไปยังสีหน้าทะมึนจนไม่น่ามองของอวี๋ซื่อ แล้วมองไปยังจ้าวซื่อที่ร้องครวญครางอยู่...ภาพนั้น หน้าบูดบวมเหมือนหมูเสียจริง สตรีเช่นนี้เอามาให้เขาลูบเขาไม่มีทางแตะต้องเป็แน่ ทั้งลูบเสร็จแล้วยังต้องจ่ายหนึ่งตำลึงอีก...ผู้ใหญ่บ้านคิดไปแล้วก็รู้สึกขยะแขยง
ในตอนนั้นเอง จ้าวชุนฮวาปรือเปลือกตาอันปูดโปนของตัวเองมองมา ดวงตานั้นเหลือกขาว ริมฝีปากแห้งแตกไม่น่ามอง น่ารังเกียจเสียจนผู้ใหญ่บ้านรีบประกาศออกมา “เฉินเนี้ยนหราน เ้าไม่ต้องพูดอะไรมากมายแล้ว ไม่ว่าเ้าจะลูบคนเช่นไร แต่อย่างไรเ้าก็ลูบจนนางกลายเป็เช่นนี้ หนึ่งตำลึงนี้เ้าถือเสียว่าไปล่วงเกินข้าราชการแล้วกัน อา ไม่สิ ตอนนี้เ้าจ่ายเป็ค่าน้ำแกงหนึ่งตำลึง เป็เช่นนี้แล้วกัน หากทั้งสองฝ่ายไม่ยอมความยินดีจะไปขึ้นศาล ก็เป็เื่ของพวกเ้า เื่ในวันนี้ถือว่าจบกันเพียงเท่านี้”
เมื่อมีการตัดสิน ข้อพิพาทและการถกเถียงต่างจบลง
แน่นอนว่าเฉินเนี้ยนหรานควักเงินหนึ่งตำลึงจ่ายไป เป็การจบเื่นี้
แม้อวี๋ซื่อจะรู้สึกไม่พอใจ แต่มีคนพูดโน้มน้าวอยู่ด้านข้าง “ไม่ว่าอย่างไร นางก็จ่ายเงินนะ ถือว่านางพ่ายแพ้ในเหตุผล เ้ารับเงินหนึ่งตำลึงนี้ไปเถิด พี่ชุนฮวาเป็คนที่ร่างกายแข็งแรง รักษาตัวเสียหน่อยก็กลับมาเป็คนแข็งแกร่งดังเดิมแล้ว เงินหนึ่งตำลึงถือว่าไปซื้อน้ำแกงเนื้อมาให้พี่ชุนฮวาดื่ม ส่วนเ้าก็ได้เนื้อมาไม่น้อยเลยนะ!”
เงินหนึ่งตำลึง พูดไปแล้วก็ไม่ถือว่าน้อยเกินไป แม้อวี๋ซื่อจะไม่พอใจ แต่ไม่สามารถหาเื่ไปจนถึงศาลได้ ในยุคนี้การที่คนจนทั้งหลายจะไปขึ้นศาลนั้นไม่ใช่เื่ง่ายเลย พอเข้าไปถึงศาลจะถูกผลักออกมา
ทั้งยังมีกลุ่มทหารของศาลที่ดุราวกับหมาป่าราวกับเสือคอยตะคอกใส่ ยังไม่ทันได้ยื่นเื่ฟ้องร้องให้กับขุนนางก็ใจนขาสั่น อีกทั้งหลายคนเคยพูดไว้ว่า ไม่มีเื่ใดแล้วไปศาล แม้เ้าไม่ตายก็ต้องถลกหนังออกหนึ่งชั้น มีหลายคนตายไปเพราะยื่นเื่ฟ้องร้อง อวี๋ซื่อกับจ้าวชุนฮวาเป็คนประเภทเดียวกัน ในหมู่บ้านพวกนางสามารถหาเื่ได้ แต่หากไปที่ศาลจริงๆ หรือไปข้างนอก เช่นนั้นคำพูดไร้เหตุผลก็พูดได้ไม่ชัดเจนแล้ว
จากการโน้มน้าวของทุกคน อวี๋ซื่อจึงยอมปล่อยเื่นี้ไป แต่ความแค้นของสองครอบครัวถูกสร้างขึ้นมาเช่นนี้
จ้าวชุนฮวาเมื่อคิดได้ว่าตนถูกตบไปคราเดียวทว่าก็หนักมิใช่น้อย สุดท้ายได้เงินชดเชยมาเพียงหนึ่งตำลึง ทั้งยังถูกคนพูดว่าตนถูกคนลวนลามถึงได้เงิน...นางรู้สึกไม่สบายใจมาก
หลังจากถูกแบกกลับเรือนแล้ว นางนอนร้องครวญครางอยู่บนเตียง อยากกินดีๆ ดื่มดีๆ ในใจของอวี๋ซื่อเองก็มีความโกรธปะทุอยู่
ครั้นเห็นท่าทางครวญครางของนางก็โกรธจนอยากจะลงมือ จึงไปหยิบไม้ที่อยู่หลังประตูขึ้นไปฟาดลงบนตัวของจ้าวซื่อ
สตรีเกียจคร้านเช่นนี้แล้วยังกล้าเสแสร้ง
“ี้เีแล้วยังเสแสร้งอีก เ้าเสแสร้งหรือ ข้าจะดูสิว่าเ้ายังจะสามารถเสแสร้งต่อได้อีก ไม่ลุกมาทำกับข้าว ไม่ลุกมาทำงาน หวังว่าแม่สามีเช่นข้าจะดูแลเ้าหรือ ตอนนี้ข้าจะดูแลเ้าเช่นนี้แหละ...”
“ไอ๊หยา ท่านแม่ ท่านไม่ต้องตีแล้ว ไม่ต้องตีแล้ว ข้าลุกแล้ว ลุกแล้ว กำลังจะลุกไปทำกับข้าวให้ท่านแล้ว เฮ้อ เฮ้อ...แขนของข้า ท่านแม่ ใครใช้ให้ท่านทำร้ายแขนข้างนี้จนกลายเป็เช่นนี้เล่า ตอนนี้แค่ขยับก็เจ็บจะตายแล้ว ท่านแม่จะโกรธข้าไม่ได้นะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เจ็บหนัก ท่านกลับให้ข้าไปแสแสร้ง ตอนนี้เป็อย่างไรล่ะ ข้าาเ็แล้วจริงๆ”
จ้าวชุนฮวาเองก็เจ็บ นานๆ ข้าจะาเ็กลับมา ยังถูกแม่สามีทำร้ายอีก ถึงนางเฉินเนี้ยนหรานจะจ่ายเงินค่าทำขวัญให้ แต่เื่นี้อย่างไร ข้าสมควรได้นอนพักผ่อนร่างกายดีๆ สิ เหตุใดท่านถึงไม่ยอมให้ข้าพักผ่อน ตอนนี้ข้าาเ็อยู่นะ ท่านไม่ให้ข้ากินของดีๆ ก็ช่างมันเถิด แต่ยังจะให้ข้าลุกไปทำงานอีก ในใจจ้าวซื่อตอนนี้กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธคิดเพียงว่าหากมีโอกาส นางจะให้แม่สามีตัวดีได้เห็นดีกัน
สำหรับความคิดชั่วร้ายของจ้าวชุนฮวาแน่นอนว่าเฉินเนี้ยนหรานไม่มีเวลาว่างสนใจ แต่หลังจากมีเื่ทะเลาะกัน นางได้ประกาศบอกกับทุกคนไปแล้ว เนื่องจากไม่อยากไปแตะต้องเนื้อตัวกับคนที่ไม่สมควรจะไปััโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นั้แ่นี้ไปนางจะพักผ่อนครึ่งปี ครึ่งปีนี้ไม่พบแขก คนในหมู่บ้านหากมีเื่ใดให้ไปหาหนิวซื่อ
เด็กน้อยในครรภ์ แม้จะปกปิดดีอย่างไร แต่ยังนูนออกมาด้านนอก เป็เช่นนี้ต่อไป นางกลัวว่าสักวันความลับจะถูกเปิดเผย
เพื่อลูกน้อย การลดงานที่ทำเป็สิ่งที่ต้องทำ
ในโอกาสที่เหมาะสม น้องหกได้เข้าเรียนสมใจ
เข้าเรียนวันแรก เฉินเนี้ยนหรานได้เย็บกระเป๋านักเรียนที่เด็กปกติมักจะใช้ ้ายังปักภาพตัวละครสัตว์เอาไว้ด้วยตัวหนึ่ง ถือเป็การให้กำลังใจน้องหกของนาง
“ท่านพี่ ข้าชอบกระเป๋าหนังสือใบนี้ มันน่ารักมากจริงๆ ฮ่าๆ” น้องหกกำลังกอดหนังสือเรียนพร้อมกลิ้งไปมาบนพื้น
ดวงตาทั้งสองข้างยิ้มหยีจนตาเป็ขีด ท่าทางเช่นนี้ของนาง ทำให้พวกหนิวซื่อที่อยู่ด้านข้างหัวเราะออกมาไม่หยุด
“กระเป๋าใบนี้สวยจริงๆ แม้การเย็บของนายหญิงยังต้องพัฒนาเพิ่ม แต่รูปภาพนี้ฝีมือดีมาก งดงาม แปลกใหม่ ข้าเคยเห็นการปักมาไม่น้อย แต่งานปักเช่นนี้ยังไม่เคยเห็นจริงๆ” หนิวซื่อที่อยู่ด้านข้างชื่นชมด้วยใจจริง
“ฮ่าๆ...พี่สะใภ้ เ้าอย่าชมข้ามากเกินไปเลย งานปักนี่ ข้ารู้ตัวดีว่ามันแย่” งานปักของนางอันนี้ สามารถเอาให้คนดูได้ถือว่าไม่เลวแล้ว ส่วนเื่งานเย็บที่ยังต้องพัฒนา ในความจริงแล้วยังแย่อยู่มาก
ลูกสาวเมื่อเกิดออกมา งานอื่นๆ ไม่ต้องเรียน แต่งานปักงานเย็บจะต้องร่ำเรียน
เด็กหญิงอายุห้าขวบถือเข็ม เด็กชายเจ็ดขวบเรียนหนังสือ จากคำพูดนี้ มองออกเลยว่าสิ่งที่เด็กชายหญิงจะต้องเล่าเรียนมีความแตกต่างตรงที่ใด
“ความจริงแล้วนายหญิงหน้าตางดงามนะ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดงานเย็บปักถึงได้แย่เช่นนี้” หนิวซื่อหยอกนาง
“ข้าน่ะ เกิดมาก็ต้องหาเงิน ไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งเย็บผ้า พี่หนิว วันนี้ให้เ้าไปส่งน้องหกเข้าเรียนแล้วกัน เด็กหญิงที่เข้าเรียนในวันนี้น้อย เ้าใส่ใจสักหน่อย อย่าให้เด็กคนนี้ถูกรังแกั้แ่วันแรก”
เพื่อให้น้องหกได้เรียนหนังสืออย่างดี เฉินเนี้ยนหรานกำชับอีกครั้งอย่างไม่วางใจ
“ท่านพี่วางใจเถิด ข้าเคยพูดไปแล้วว่าบุรุษในครอบครัวพวกเราก็คือข้า ข้าจะเป็บุรุษคอยเลี้ยงดูครอบครัว ไม่ใช่น้องสาวที่อ่อนแอ ดังนั้นท่านพี่ เื่ไปเรียนท่านโปรดวางใจเถิด ถ้าคนอื่นกล้ารังแกข้า ข้าจะต่อยให้เขาฟันร่วง” เด็กน้อยกำหมัด พองแก้มกลม
หนิวซื่อยืดท้องโตของตัวเองแล้วหัวเราะ “ได้ ได้ เ้านี่นะ อาเซิงเข้ามาสิ พาน้องสาวไปด้วยกัน”
อาเซิงสะพายกระเป๋าเข้ามาด้วยความเหนียมอาย เขามองไปทางเฉินเนี้ยนหรานด้วยความขลาดเขิน ก่อนจะเดินไปข้างกายน้องหก “ไปเถิด แม่นางตัวแสบ”
“ข้าไม่ใช่แม่นางตัวแสบ ข้าคือคุณชายหก” น้องหกเชิดคางขึ้น แก้คำผิดของอาเซิงอย่างได้ใจ
“ได้ คุณชายหก ทั้งๆ ที่เป็เด็กผู้หญิงแท้ๆ” อาเซิงฮึดฮัด ปากตอบรับแล้วแต่สายตายังเหยียดหยาม เป็การบอกว่าเขาดูถูกแม่นางตัวแสบนี่เพียงใด ทั้งๆ ที่เป็สตรี เหตุใดจึงพูดว่าตนเองเป็บุรุษกัน! ฮะ!
“นายหญิง พวกเราไปแล้วนะเ้าคะ อาเซิง พูดอะไรกับนายหญิงสักหน่อยสิ” หนิวซื่อจูงมือลูกชาย และไม่ลืมสั่งให้อาเซิงทำความเคารพ
“ขอบคุณขอรับนายหญิง” อาเซิงพูดด้วยความจริงใจก่อนจะหมุนตัวออกไป หากไม่ใช่เพราะนายหญิงจัดการให้ เขาคงไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ไปเรียนในวันนี้ นายหญิงเป็สตรีที่งดงามและเป็สตรีที่ใจดีมาก ต่อไปหากเขาเติบโตแล้วจะหาสตรีที่งามเหมือนนายหญิงมาเป็ภรรยา
อาเซิงพกความฝันอันสวยงามนี้ พร้อมกับจูงมือน้องหกไปเรียนหนังสือ
“เฮ้ เ้าไม่ต้องมาจูงมือข้า อาเซิง เ้าทำเช่นนี้ข้าทำตัวไม่ถูกนะ” เมื่อถูกเขาจูงมือเช่นนี้ น้องหกจึงโวยวายไปตลอดทาง
“ข้าเป็บุรุษ ข้ารับปากนายหญิงแล้วว่าจะปกป้องเ้าให้ดี ดังนั้นแม่นางตัวแสบ เ้าจำเอาไว้นะ ั้แ่ตอนนี้ไปเ้าต้องฟังคำพูดข้า” อาเซิงเอ่ยบอกอย่างจริงจัง
หนิวซื่อทำเพียงมองเด็กชายกับน้องหกถกเถียงกันไป ไม่คิดจะห้ามสักนิด หลังจากครอบครัวเกิดความเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับแต่ก่อนแล้วลูกชายเปลี่ยนมารู้เื่มากขึ้น เป็เด็กที่ฉลาดเกินวัย ทำให้นางวางใจขึ้นมาก
