หรงหว่านซีเอ่ยเสียงเบา “เกิดเื่เช่นนี้ขึ้นข้าอยากจะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนไม่ได้หรือ?หากไม่ตรวจด้วยตนเอง หรือจะให้ผู้อื่นมาตรวจ?”
ชูเซี่ยรีบพยักหน้าเพราะรู้ว่าตนพูดผิดไป
“คุณหนู หนูปี้เลอะเลือนชั่วขณะ คุณหนูอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลยนะเ้าคะในตำราพวกนั้นไม่มีอะไรไม่ต่างกับตำราหลักมารยาทที่เอาไว้สอนสั่งพวกเราเท่านั้นเ้าค่ะ”
หรงหว่านซียกยิ้มเพราะไม่อยากให้นางเป็ห่วงตนเอ่ยกำชับเสียงเบาว่า “เ้าต้องระวังตัวสักหน่อย ยืมชุดเด็กรับใช้ชายมาใส่และเขียนชื่อตำราที่จะซื้อลงบนกระดาษเมื่อไปถึงร้านตำราไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด ยื่นแค่กระดาษแผ่นนั้นให้เ้าของร้านเป็พอเ้าจะต้องระวังตัวเข้าไว้ อย่าให้ผู้ใดเห็นเข้า”
“คุณหนูวางใจเถิดเ้าค่ะ”ชูเซี่ยเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “หนูปี้จะเอาเส้นผมมาทำหนวดด้วยเ้าค่ะ”
หรงหว่านซีพยักหน้า“อย่าให้ผู้อื่นรู้ว่าเ้าเป็หญิงรับใช้ตระกูลหรงก็พอ”
เ้าของร้านค้าแต่ละคนเฉลียวฉลาดกันทั้งนั้นมีหรือจะดูไม่ออกว่าชูเซี่ยปลอมตัวเป็ผู้ชาย? แต่ขอเพียงพวกเขาไม่รู้ว่าชูเซี่ยคือหญิงรับใช้ตระกูลหรงก็พอเพราะต่อให้พวกเขารู้ว่าชูเซี่ยเป็สตรีก็ไม่ใช่เื่สำคัญแต่อย่างใด
ร้านขายตำราร้านนั้นตั้งอยู่บนทางเข้าตรอกฮวากู่ทางทิศใต้ของเมืองโดยปกติพวกนางไม่ย่างกรายไปที่นั่นเพียงแต่ได้ยินพวกเด็กรับใช้เล่าว่าที่นั่นขายตำราหายากมีทั้งตำราการรักษาพื้นบ้านที่สืบทอดต่อกันมา ตำราสูตรการทำอาการของบรรดาพ่อครัวที่มีชื่อเสียงบันทึกยุทธภพที่เขียนโดยบรรดาจอมยุทธ์ บันทึกภาพวาดแม่น้ำและขุนเขาตำราเหล่านี้ล้วนหาได้จากที่นี่
แคว้นเฟิงมีสำนักสอนวิชาเป็จำนวนมากนอกจากนั้นค่าเล่าเรียนไม่สูงมากนักตระกูลที่พอมีเงินทองอยู่บ้างล้วนส่งบุตรไปศึกษาเล่าเรียน ด้วยเหตุนี้ประชาชนทั่วไปต่างรู้หนังสือนี่คือสิ่งที่แคว้นอื่นไม่อาจเทียบเทียม
ชูเซี่ยออกไปและกลับมายามท้องฟ้าเริ่มมืด
พบว่าชูเซี่ยสวมอาภรณ์สีดำของเด็กรับใช้ชายบนศีรษะสวมผ้าโพกเอาไว้ ผลคือใต้จมูกมีหนวดติดอยู่ นอกจากนั้นยังใช้ผงเขียนคิ้วแต้มจุดสีดำบนใบหน้าจำนวนหนึ่งพอมองดูแล้วค่อนข้างเป็ที่น่าขบขัน
หรงหว่านซีเอ่ยหยอกเย้า“เหตุใดถึงแต่งตัวไม่ต่างจากตัวตลกกันเล่า?”
ชูเซี่ยยังคงหวาดผวา ค่อยๆ ปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้วเอ่ย“หนูปี้ใเ้าค่ะ! แต่คุณหนูวางใจได้เ้าค่ะ หนูปี้จะระวังตัวตลอดทางเดินอ้อมอยู่ในเมืองต้องรอบหนึ่งถึงกลับมาเ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี” หรงหว่านซีเอ่ย“เอาตำรามาให้ข้าเถิด เ้ารีบกลับห้องไปอาบน้ำสักหน่อยหลังลบหน้าตาน่าขบขันนี่ออกก็ไปบอกให้จือชิวต้มน้ำ ข้าจะอาบน้ำ”
“เ้าค่ะคุณหนู” ชูเซี่ยขานรับ
ก่อนจะออกไปยังไม่ลืมหันมาเอ่ยเตือนด้วยใบหน้าแดงก่ำ “คุณหนูอย่าลืมซ่อนให้ดีนะเ้าคะ อย่าให้ผู้ใดพบเข้านะเ้าคะ!”
“รู้แล้ว ถ้าข้าเข้าใจแล้วก็จะเผามันทิ้ง”หรงหว่านซีเอ่ย
ชูเซี่ยพยักหน้าและวิ่งออกไปทั้งที่หน้าแดง
หรงหว่านซีนึกขบขันนาง ปกติเด็กผู้นี้มักเอะอะเสียงดังโวยวายนึกไม่ถึงว่าจะเป็กูเหนียงขี้อายนางหนึ่ง
หรงหว่านซีไม่ถือสาเื่พวกนี้แม้ขณะอ่านจะรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่นางเป็ดังคำปลอบของชูเซี่ย คิดเพียงว่าตำราเหล่านี้ไม่ต่างจากวรรณกรรมที่ใช้สั่งสอนผู้คนเพียงแต่เนื้อหาแตกต่างออกไปก็เท่านั้น
นางอ่านแค่ไม่กี่หน้าแรกเมื่อเข้าใจว่าทำเช่นไรถึงสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของสตรีจึงใช้เทียนเผาตำราเล่มนี้
จือชิวตักน้ำสำหรับอาบน้ำเข้ามา หรงหว่านซีสั่งให้นางออกไปและแช่น้ำอุ่นโรยกลีบกุหลาบความเมื่อยล้าบนร่างกายผ่อนคลายลงไปมาก
หลังทำการยืนยันด้วยตนเอง ถือว่าโชคดียิ่งนักนางยังคงเป็หญิงบริสุทธิ์
เมื่อรู้ว่าองค์รัชทายาทไม่ได้ทำอะไรกับนางหรงหว่านซีถึงรู้สึกวางใจ จึงปล่อยให้ความร้อนขจัดความรู้สึกเหนื่อยล้าบนร่างจนหมดสิ้น
นางไม่จำเป็ต้องอธิบายอะไรกับเฉินอ๋องแต่นางจำเป็ต้องมีคำอธิบายให้กับตนเอง และ...ผู้ที่อยู่ชายแดนอันแสนไกล
หลังผ่านคืนนี้ไปก็คือวันที่เจ็ดเดือนห้าเสียแล้ว
มีเวลาอีกหนึ่งวันก็จะถึงวันที่แปดเดือนห้าหรือวันแต่งงานคาดว่าองค์รัชทายาทคงไม่ลงมือทำสิ่งใดอีก เพราะเขาไม่มีเวลาหลงเหลือแล้ว
หลังผ่านพ้นวันที่แปดเดือนห้า นับแต่นี้ไป ในสายตาของผู้คนนางก็คือพระชายาเฉินอ๋อง..
ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางกับเขาเคยให้คำมั่นชั่วชีวิต ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมีความสุขมากเพียงใดยามกำลังมองเขาควบม้าอยู่กลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่เขตชายแดน
ภายในจวนองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทอยู่ท่ามกลางบรรดาหญิงงามทว่าใบหน้ากลับไม่แย้มยิ้มแม้แต่นิด
วันนี้เขาไม่ควรปล่อยตัวหรงหว่านซีกลับไป
หากเขาไม่ส่งตัวหรงหว่านซีกลับไปและรออีกหนึ่งวันหรงชิงกับเ้าสามก็ไม่มีทางหาหลักฐานอะไรพบ และเมื่อถึงวันพรุ่งนี้หรงชิงจะต้องไม่อาจอดกลั้นจะต้องไปแจ้งทางการโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของเ้าสามอย่างแน่นอน
เ้าสามบอกว่าหรงชิงระแคะระคายเื่นี้ตอนนั้นเขาสติเตลิดเพราะซงซวี่ก็อยู่ด้วย จึงไม่คิดให้รอบคอบแต่เมื่อคิดทบทวนตอนนี้ ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าหรงชิงรักบุตรสาวยิ่งชีพ? เมื่อรู้ว่าบุตรสาวถูกลักพาตัวจะต้องร้อนใจไม่มากก็น้อยเขาจะมัวสืบหาร่องรอยอย่างละเอียดเช่นนี้ได้อย่างไร?
จะต้องเป็เ้าสามที่คิดว่าเขาเป็คนทำจากนั้นสืบจากเื่ตู๋เฟิงฮุ่ยจนเกี่ยวพันไปถึงซงซวี่ด้วยเหตุนี้จึงเรียกเขากับซงซวี่มาเพื่อวางกลอุบาย
ยามนั้นเื่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันอีกทั้งซงซวี่ยังไม่ได้เื่จนตื่นตระหนกเสียก่อน ทำให้เขาพลอยตีตนไปก่อนไข้ หากยามนั้นคิดทบทวนให้ดีอีกครั้งหมากตานี้เขาจะต้องชนะอย่างแน่นอน
ทว่าวันนี้เขาส่งตัวนางกลับไปแล้วและไม่ได้ทำให้เื่ที่เกิดขึ้นกลายเป็เื่ใหญ่ทำให้ยามนี้หมากที่มีค่าเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือการทำให้ภายในใจเ้าสามเกิดตุ่มหนองคิดว่าเขา “พรากพรหมจรรย์” ของหรงหว่านซีไปแล้ว
ต้องรอดูว่าวันพรุ่งนี้เ้าสามจะล้มเลิกพิธีสมรสหรือไม่หากเ้าสามล้มเลิกงานแต่ง สถานการณ์ก็จะพลิกกลับมาแต่ถ้าเ้าสามไม่ล้มเลิกพิธีสมรส เขาก็จะพ่ายแพ้ย่อยยับ
โชคดีที่เ้าสามไม่ได้เบาะแสอะไรจึงไม่อาจยืนยันว่าเป็ฝีมือของเขา เื่เช่นนี้ไม่ว่าตระกูลหรงหรือเ้าสามล้วนไม่กล้าทำให้เป็เื่ใหญ่หากเ้าสามไม่ล้มเลิกพิธีสมรส เสด็จพ่อ หมู่โฮ่วและไทเฮาก็จะไม่ทราบเื่นี้เมื่อไม่มีผู้ใดล่วงรู้เื่นี้ เื่นี้ก็จะถูกปล่อยผ่านไปอย่างเงียบเชียบอย่างน้อยก็ยังปลอดภัย
เช้าตรู่วันถัดมาหลังหรงหว่านซีทานอาหารเช้าจึงพาชูเซี่ยออกนอกจวน โดยมุ่งหน้าไปทางจวนเฉินอ๋อง
หรงชิงเป็กังวลยิ่งนักหลังจากฟังเด็กรับใช้เข้ามารายงานเขากลัวว่าบุตรสาวของตนจะถูกพรากความบริสุทธิ์จริงจากนิสัยยอมหักไม่ยอมงอของบุตรสาว นางจะ...ได้กลับออกมาจากจวนเฉินอ๋องหรือไม่?
แต่เมื่อย้อนกลับมาคิดอีกครั้งบุตรสาวของเขารู้จักคำนึงถึงภาพรวม นางรู้ว่าหากนางเป็อะไรในจวนเฉินอ๋องจะต้องกลายเป็เื่ขบขันของผู้คนอย่างแน่นอน บุตรสาวเป็คนรู้จักคิด ไม่มีทางทำเื่เสื่อมเสียต่อตระกูลหรงนอกจากนั้นบุตรสาวยังกตัญญูยิ่งนัก ไม่มีทางทำให้เขาเป็กังวล ไม่มีทางทอดทิ้งเขาดังนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นไร บุตรสาวของเขาจะต้องกลับมายังจวนแน่นอน
ด้วยเหตุนี้จึงระงับสติอารมณ์รอบุตรสาวกลับมาอย่างสงบ
สาเหตุที่หรงหว่านซีมายังจวนเฉินอ๋องไม่ใช่เพราะ้าอธิบายอะไรกับเฉินอ๋อง นางแค่อยากให้บิดารู้สึกวางใจเท่านั้นท่านพ่อไม่ทราบข้อตกลงระหว่างนางกับเฉินอ๋องจึงคิดว่าหลังจากนางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋อง ชั่วชีวิตนี้ก็ต้องเป็คนของเฉินอ๋อง
เมื่อได้รับรายงานจากเด็กรับใช้หน้าประตูอวิ๋นฉางจึงออกมาต้อนรับ “ท่านอ๋องกำลังฝึกกระบี่อยู่ในสวนดอกไม้คุณหนูจะเข้าไปรอในห้องหรือไปที่สวนดอกไม้เ้าคะ?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรภายในใจกลับอยากเห็นว่ายามคนเกียจคร้านจนเป็นิสัยผู้นี้ถือกระบี่ไว้ในมือจะเป็เช่นไร
และนึกไม่ถึงมาก่อนว่าผู้ที่ดูคล้ายไม่เอาการเอางานจะขยันั้แ่เช้าตรู่เช่นนี้ทว่าผู้ที่ตั้งใจฝึกวิชาั้แ่เช้าตรู่โดยปกติมักไม่ใช่คนเกียจคร้านและไร้ความสามารถ
เฉินอ๋อง...
หรงหว่านซียกยิ้ม
นางรู้แต่แรกว่าเฉินอ๋องไม่เหมือนคุณชายตระกูลมั่งคั่งทั่วไปอย่างที่แสดงออกส่วนเื่ความเ้าชู้... อย่างน้อยจากที่เห็นจนวันนี้ก็ไม่ใช่เื่โกหกหากบุรุษรูปงามถึงเพียงนี้จะเ้าชู้ก็ไม่ใช่เื่ผิดอะไร
สวนดอกไม้ยามต้นฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยหน่ออ่อนสีเขียวชอุ่มแลดูมีชีวิตชีวา
เฉินอ๋องสวมอาภรณ์สีขาวนวลสำหรับฝึกวิทยายุทธ์ไม่คิดว่าวันนี้จะดูเป็บุรุษองอาจห้าวหาญถึงเพียงนี้เขารำกระบี่ท่ามกลางสายลมในยามเช้า ทุกกระบวนท่าเปี่ยมพลังและงดงามจนไม่อาจบรรยายแลดูแตกต่างจากบุคลิกมักทำตามอำเภอใจโดยสิ้นเชิง
ชั่วเวลาอันสั้น หยาดเหงื่อของเขากระเซ็นตามแรงตวัดกระบี่ทำใบหน้าขาวสะอาดของเขาถูกพร่างพราวด้วยหยาดเหงื่อทอประกายแวววาวงดงามเสียยิ่งกว่ามวลดอกไม้อย่างคาดไม่ถึงใบหน้าดุจหยกขาวงดงามเช่นสตรี องคาพยพทั้งห้าคมเข้มนอกจากนั้นยังมีความเยือกเย็นที่บุรุษน้อยคนนักจะมี เมื่อเทียบกันอย่างชัดเจนจึงยิ่งทำให้รูปร่างและหน้าตาของเขามีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนมากกว่า
ภาพนี้ คนผู้นี้ เดิมทีควรมีเพียงบน์ยากจะได้พานพบบนโลกมนุษย์
หรงหว่านซีจ้องมองอยู่เช่นนี้คาดไม่ถึงว่าจะถูกรูปโฉมของเขาดึงดูดเสียแล้ว..
“พระสิริโฉมและความสง่างามของเตี้ยนเซี่ยเป็สิ่งที่บุรุษนับหมื่นนับพันบนโลกนี้ไม่อาจเทียบเทียมเ้าค่ะ”
ทันใดนั้นได้ยินเสียงอวิ๋นฉางเอ่ยเสียงเบามาจากข้างหลัง
หรงหว่านซีหันกลับไปมองนางและเอ่ยถามทั้งรอยยิ้ม“กูเหนียงติดตามเตี้ยนเซี่ยมานานเพียงใดแล้ว?”
“เรียนคุณหนู หนูปี้อายุสิบขวบก็เฝ้ารับใช้เตี้ยนเซี่ยั้แ่เมื่อครั้งยังเป็องค์ชายยามนี้ผ่านมาแปดปีแล้วเ้าค่ะ” อวิ๋นฉางเอ่ย
“ไม่น่าดูจากวาจาและกิริยาของกูเหนียงก็รู้ว่ากูเหนียงเป็หัวหน้าหญิงรับใช้ข้างพระวรกายของเตี้ยนเซี่ยไม่ทราบว่าได้ปรนนิบัติในห้องบรรทมหรือไม่?” ประโยคนี้หรงหว่านซีเอ่ยถามอย่างเป็ธรรมชาติยิ่งนัก
อวิ๋นฉางใบหน้าแดงก่ำ เอ่ยพลางส่ายหน้า “หนูปี้อัปลักษณ์จึงไม่เป็ที่พอพระทัยของเตี้ยนเซี่ย อีกทั้งหนูปี้เป็เพียงหญิงรับใช้ที่เคยติดตามเตี้ยนเซี่ยมาก่อนมิใช่หัวหน้าผู้ดูแลหญิงรับใช้เ้าค่ะ ในจวนอ๋องมีจิ้นหมัวหมั่วเป็หัวหน้าเื่เกี่ยวกับข้ารับใช้ล้วนมีจิ้นหมัวหมั่วเป็ผู้ดูแลเ้าค่ะ”
หรงหว่านซีพยักหน้าและเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “น่าเสียดายกูเหนียงที่ดีเช่นนี้”
อวิ๋นฉางก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม เอ่ยอย่างนอบน้อมว่า“คุณหนูให้เกียรติหนูปี้เกินไปแล้วเ้าค่ะ”
หรงหว่านซียิ้มหันหลังกลับไปมองผู้ที่กำลังรำกระบี่ท่ามกลางมวลดอกไม้อีกหนเมื่อสิ้นสุดกระบวนท่าสุดท้ายจึงหันมายกยิ้มให้นาง รอยยิ้มนี้ช่างอ่อนโยนยิ่งนัก..เขาตวัดปลายกระบี่ในมือหนึ่งหนเพื่อส่งดอกไม้ตูมให้ลอยไปหานาง
หรงหว่านซีเอื้อมมือออกไปรับไว้กลางฝ่ามือพอดี
เมื่อเห็นเฉินอ๋องหยุดรำกระบี่อวิ๋นฉางจึงรีบรุดเข้าไปและยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อส่งผ้าให้เฉินอ๋อง
เฉินอ๋องรับผ้ามาซับหยาดเหงื่อบนหน้าผากจากนั้นเดินมาทางหรงหว่านซี เอ่ยถามทั้งรอยยิ้มว่า “เหตุใดเ้าจึงมาเช้านัก?”