ภายในเวลาแค่ห้าวินาที! นักฆ่าที่มีฝีมือเก่งกาจทั้งเก้ามิอาจแตะตัวของร่างสีดำได้แม้แต่ปลายนิ้ว เห็นได้ชัดว่าระดับของร่างสีดำกับพวกเขาห่างชั้นกันจนเกินไป!
นักฆ่าที่ยังไม่หมดสติพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ั์ตาของพวกมันปรากฏร่องรอยของความไม่เต็มใจ
หลวนซิงทำได้เพียงถอนหายใจยาวพลางโบกมือให้แก่นักฆ่าทุกราย "พอได้แล้ว ผู้าุโท่านนี้ออมมือให้แก่พวกเรามาก หากเขาออกแรงมากกว่านี้แม้เพียงเล็กน้อย พวกเราทุกคนคงจะตกตายไปเสียนานแล้ว..."
หลวนซิงรู้ดีว่าตำแหน่งการจู่โจมของร่างสีดำนั้นล้วนแล้วแต่เป็จุดตายด้วยกันทั้งสิ้นและหากร่างสีดำคิดจะสังหาร ภายในเวลาแค่ห้าวินาทีสมาพันธ์นักฆ่าแห่งนี้ก็ถึงคราวล่มสลาย!
นักฆ่าที่พยายามลุกขึ้นก็ส่ายหน้าอย่างขมขื่น ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่านักฆ่าที่มีฝีมือเก่งกาจที่มีชื่อเสียงมาหลายปีอย่างพวกเขากลับแพ้พ่ายให้แก่บุคคลไร้นามเสียยามนี้
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าความมั่นใจของพวกมันเริ่มที่จะสูญสลายไปที่ละเล็กทีละน้อย
ร่างสีดำที่เงียบงันมานานพลางกล่าวชี้แนะ "การเป็นักฆ่ามิใช่การสักแต่จะฆ่า แต่ยังมีการจับสังเกต การตอบสนองต่อสิ่งเร้า การเคลื่อนไหวที่ยืดหยุนและต้องไม่มีสักกระบวนท่าที่ไร้ประโยชน์และไร้จุดมุ่งหมาย พวกเ้าทั้งหมดยังขาดอยู่อีกหลายปัจจัย...และต่อจากนี้ข้าจะเป็คนสอนสั่งทักษะพวกนี้ให้แก่พวกเ้าเอง"
นักฆ่าอีกทั้งหมดมองหน้ากันด้วยั์ตาเบิกกว้าง หากมองให้ลึกลงไปจะสามารถเห็นความตื่นเต้นที่แฝงอยู่ในรูม่านตาได้
พวกเขาทั้งหมดตระหนักได้ว่าฝีมือและความเชี่ยวชาญปัจจัยหลายอย่างในการลอบสังหารมิอาจเทียบชั้นกับร่างสีดำผู้นี้ได้ แต่หากพวกเขาได้รับการสั่งสอนจากร่างสีดำนี้พวกเขาคงจะสามารถพัฒนาทักษะให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้หลายเท่าตัว
แน่นอนว่านักฆ่านั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ หากได้ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้มาสอนสั่งมีหรือที่พวกเขาจะปฏิเสธ?
ร่างสีดำปล่อยหลวนซิงจากการคุมขังอย่างง่ายดาย จากนั้นย่ำฝีเท้าตรงไปยังนักฆ่าทั้งเก้าพลางกล่าวด้วยด้วยสุ้มเสียงเ็า "นับจากนี้ข้าคือผู้นำของสมาพันธ์นักฆ่า! หากใครมีข้อกังขาก็แค่ก้าวออกมา!"
"วู้ม!!!"
รังสีเข่นฆ่ากระจัดกระจายออกมาปกคลุมภายในห้องอย่างหนักอึ้ง แม้แต่หลวนซิงและหลิวอี้หลิวยังตัวสั่นสะท้านอย่างหวาดผวา
คำพูดของร่างสีดำนั้นบ่งบอกเป็นัยว่าหากมีผู้ใดไม่เห็นด้วย เขาจะส่งคนผู้นั้นไปคุยกับยมบาลโดยทันที
"ผู้น้อยคารวะผู้าุโ!" นักฆ่าทั้งเก้าประสานมือตอบรับโค้งคำนับด้วยความเคารพ แม้แต่หลวนซิงและหลิวอี้หลิวก็ไม่มีข้อยกเว้น
นักฆ่าทุกคนต่างก็อยากจะพัฒนาขีดจำกัดความสามารถที่มีอยู่ และอีกอย่างคำสั่งการเปลี่ยนแปลงผู้นำก็มาจากปลายพู่กันของฉินฟงโดยตรง
แต่หารู้ไม่ว่าร่างสีดำที่พวกเขากำลังเคารพบูชาอยู่นั้นมีระดับการบำเพ็ญเพียงแค่ต้นกำเนิดปราณขั้น 9 เท่านั้น!
ถูกต้อง! ร่างสีดำผู้นี้คือไป๋เฉินที่ปกปิดรูปลักษณ์มาเพื่อหมายที่จะเคลมสมาพันธ์นักฆ่าให้เป็ของตน
เนื่องด้วยเขาเดินเส้นทางสายอาชีพนักฆ่ากว่าหลายปี แน่นอนว่าเขา้ากลุ่มของนักฆ่าที่มีความเชี่ยวชาญในทุกด้านเพื่อทำงานให้แก่ตน
นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่จากฉินฟง ไป๋เฉินจะไม่รับมันไว้ได้อย่างไร?
"เอาล่ะ เงยหน้าขึ้น" ไป๋เฉินโบกมือด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย "ในฐานะผู้นำของพวกเ้า ข้ามีเื่จะชี้แจง"
นักฆ่าทั้งเก้าพยักหน้าอย่างตั้งใจฟัง
ไป๋เฉินยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว "ต่อจากนี้ข้าจะแบ่งหน้าที่และตำแหน่งของแต่ละบุคคลออกเป็สามหน่วย"
"ประการแรกหน่วยแฝงตัว ข้า้าบุคคลที่เชี่ยวชาญทางด้านการแสดงละครตบตาในฐานะนักแสดงสองคนที่สามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกและวิธีการพูดจาแม้แต่อารมณ์ ส่วนเื่การปกปิดตัวตนหรือการปลอมแปลงรูปลักษณ์ข้าจะจัดการให้พวกเ้าในภายหลัง ข้ามั่นใจว่าทักษะการปลอมแปลงรูปลักษณ์ของข้านั้นเหนือกว่าผู้ใดบนโลกใบนี้"
"ประการที่สองคือหน่วยข่าวกรองหรือตรวจสอบข้อมูล ข้า้าบุคคลที่มีเส้นสายไปทั่วทุกคนแห่ง และยังรวมถึงเมืองทั้งสามที่อยู่นอกอาณาเขตเช่นกัน"
"และประการสุดท้าย ข้า้าหน่วยปฏิบัติการหรือหน่วยสังหาร หน่วยนี้ต้องมีความยืดหยุ่นในการเอาตัวรอดสูง การเป็นักฆ่ามิใช่ว่าจะหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีการคิดวิเคราะห์ การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นพวกเ้าทั้งเก้าคนสามารถแบ่งจำแนกและจับกลุ่มกันตามความถนัดของแต่ละบุคคล"
"ในตอนนี้สมาพันธ์ของเรากำลังมีปัญหาทางด้านทรัพยากรมนุษย์และบุคคลที่ไม่เพียงพอต่อภารกิจ ข้าเชื่อว่าพักหลังๆมานี้พวกเ้ามิได้รับภารกิจจากภายนอกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อม! ต่อจากนี้เ้าต้องรับภารกิจสังหารทุกสิ่งอย่างภายในขอบเขตหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนจากข้า!" ไป๋เฉินกล่าวปลุกระดมด้วยน้ำเสียงดุดัน เห็นได้ชัดว่าเขาได้ร่างแบบแผนที่้าไว้ในหัวแล้ว
"รับทราบ!" นักฆ่าทั้งเก้าประสานมือโค้งคำนับโดยไม่ลังเล
"ดี! วันพรุ่งนี้ข้าจะกลับมาอีกที และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการฝึกฝน" เมื่อไป๋เฉินกล่าวจบเขาก็เตรียมตัวที่จะออกจากห้องไปโดยทิ้งท้ายไว้ว่า "เอาล่ะ พวกเ้าทำตัวตามสบาย ส่วนเื่ราวเกี่ยวกับไป๋เฉินจะเกิดขึ้นอีกสามวันให้หลัง เมื่อนั้นข้าจะตัดสินใจอีกที"
ก่อนที่ไป๋เฉินจะก้าวออกไป หลวนซิงกลับรั้งเขาไว้พลางเอ่ยถาม "ผู้าุโ...ไม่ทราบว่าพวกเราควรจะเรียกท่านว่าอย่างไร?"
"เรียกว่าข้าท่านอาจารย์ ส่วนชื่อของข้านั้นเ้ายังไม่จำเป็ต้องรู้" ไป๋เฉินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่รัศมีของเขาจะหายไปจากห้องโดยที่ไม่มีผู้ใดััได้อีกต่อไป
บรรยากาศเงียบงันไร้เสียงวาจาอยู่แค่ชั่วครู่ จู่ๆนักฆ่าทั้งเก้ากลับล้มลงอย่างไม่เป็ท่ากันทุกผู้คน
เห็นได้ชัดว่าขาของพวกเขาทั้งหมดสั่นเทาจนแทบจะควบคุมสติไว้ไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ในยามที่ไป๋เฉินจากไปเท่านั้นความหดเกร็งก็กลับกลายเป็ความผ่อนคลายในบัดดล
หลิวอี้หลิวเหลือบมองเอ่ยถามในขณะที่ข้อมือเพรียวบางปาดเหงื่อเย็นเยียบ "หลวนซิง เ้าแน่ใจจริงๆงั้นหรือว่าจะยกให้คนผู้นั้นเป็หัวหน้าของสมาพันธ์นักฆ่า"
ศีรษะของหลวนซิงผงกอย่างหนักหน่วง "พูดตามตรง ข้าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าสมาพันธ์นักฆ่าไปกว่าท่านอาจารย์อีกแล้ว"
ั์ตาของหลวนซิงเปล่งประกายระยิบระยับราวกับกำลังเลื่อมใส ในยามนี้เขากลับกลาบเป็แฟนคลับของไป๋เฉินไปโดยปริยาย
"เอ่อ..." หลิวอี้หลิวพูดไม่ออก ไม่นานนักนางจึงเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ "เ้ามีระดับการบ่มเพาะสูงสุดในบรรดาพวกเรา เ้าััถึงระดับบำเพ็ญปราณของคนผู้นั้นได้หรือไม่?"
แต่หลวนซิงกลับส่ายศีรษะ
หลิวอี้หลิวอดไม่ได้ที่จะตั้งสมมติฐานขึ้นมา "เป็ไปได้ไหมว่าคนผู้นั้นอ่อนแอเกินไปจนพวกข้ามิอาจััถึงพลังปราณได้แม้แต่น้อย?"
"อย่าเรียกท่านอาจารย์ว่าคนผู้นั้น!" หลวนซิงอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล "ท่านอาจารย์คือปรมาจารย์นักฆ่าที่แท้จริง ข้าสามารถบอกได้ว่าท่านอาจารย์เป็บุคคลที่บรรลุสภาวะทางจิตใจไปไกลโขแล้ว กะอีแค่ปกปิดระดับพลังปราณคงจะไม่เป็การยากเย็นสำหรับท่าน"
"เพราะฉะนั้นอย่าได้เอ่ยถามคำถามที่ก้าวล่วงท่านเป็อันขาด!" หลวนซิงเหลือบมองนักฆ่าทั้งหมดด้วยแสงเย็นในแววตา
นักฆ่าอีกเจ็ดคนก็พยักหน้าเห็นด้วยทุกประการ มีก็เพียงแต่หลิวอี้หลิวที่ถอนหายใจอย่างขมขื่น
.
.
.
หลังจากกลับมาจากสมาพันธ์นักฆ่า ไป๋เฉินนั่งหลับตาไขว้ห้างอยู่ภายในกระโจมหลังโทรม
ภายในตันเถียนปราณสีแดงดุจโลหิตกำลังหมุนทวนเข็มนาฬิกา
เนื่องด้วยยังไม่เชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาตราประทับโลหิต ไป๋เฉินต้องรีบเร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของตราประทับโลหิตเสียก่อนจะนำไปใช้งานในการต่อสู้จริง
หลังจากหมุนเวียนปราณไปรอบๆตันเถียน ความทรงจำที่ตกค้างของอยู่ในรากปราณมารเก้าเนตรก็หลอมรวมเข้ากับความทรงจำปัจจุบันจาก 1 ใน 1,000,000
ความทรงจำที่ยังเหลืออยู่ภายในรากปราณบ่งบอกว่า : เมื่อ 12,000 ปีก่อน มารเก้าเนตรเป็สิ่งมีชีวิตลึกลับที่มาจากดาราจักรอันห่างไกลจากทวีปเทียนหลางไปหลายล้านปีแสง สถานที่แห่งนั้นเป็ทวีปที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านพลังงานธรรมชาติ ทรัพยากรที่มากมายรวมถึงวัฒนธรรม แน่นอนว่าเป้าหมายของมารเก้าเนตรหลังจากเติบโตขึ้นคือการล่าอาณานิคมขยายเผ่าพันธ์ุมารไปทั่วทุกแห่งหน
ตัวตนของมารเก้าเนตรนับว่าเป็ตัวตนต้องห้ามภายในทวีปนั้น จึงมีการก่อศึกาขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อ 11,000 ปีก่อน โดยมีมารเก้าเนตรเป็ผู้นำในการรุกรานเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ที่ฝึกฝนปราณแห่งเต๋า ไม่เว้นแม้แต่เผ่าเทพ!
มันได้ล้างผลาญและทำลายล้างอาณาจักรไปมากมาย ด้วยเคล็ดวิชาตราประทับโลหิตอันเลื่องชื่อ
มันสามารถวิวัฒนาการและเพิ่มพูนความแข็งแกร่งโดยการดูดกลืนโลหิตของผู้อื่นจนมันมีระดับความแข็งแกร่งที่เหนือยิ่งกว่าทุกบุคคลภายในทวีปนั้น
แต่โชคไม่ดีที่หลังจากมันพยาพยามรุกล้ำเข้าสู่ทวีปถัดไป กลับมีชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นเพื่อยับยั้งมันไว้ด้วยการสะบัดข้อมือเพียงครั้งเดียว กองกำลังนับแสนของมันกลับถูกทำลายล้างอย่างไม่มีชิ้นดี!
สิ่งที่มารเก้าเนตรประหลาดใจมากที่สุดคือชายหนุ่มผู้นั้นมิได้คิดจะลบล้างการมีอยู่ของมัน หากแต่ใช้การปิดผนึกและกักขังไว้ภายในกระบี่โบราณซึ่งเป็มิติทับซ้อนที่อยู่นอกเหนือทวีปเทียนหลาง
.
.
.
