กู่ซื่อช่วยล้างเท้าให้เ้าหกก่อนจะจับสวมถุงเท้าคู่ใหม่ที่สะอาดสะอ้าน จากนั้นอุ้มพานางไปวางบนเตียง
“ท่านแม่ ข้ากลัวความมืดไม่อยากนอนคนเดียว ข้าขอไปนอนกับพี่ชายได้หรือไม่” เ้าหกขอร้องอย่างน่าสงสาร
คนตรงหน้าอยากใกล้ชิดกับบุตรชายคนโตผู้น่าเบื่อของนาง กู่ซื่อมีหรือจะไม่ดีใจและยินดี ต่อไปภายภาคหน้าทั้งสองคนต้องเป็สามีภรรยากัน หากได้สร้างความสนิทสนมบ่มเพาะความรู้สึกนับแต่ยามนี้ก็นับว่าเป็เื่ที่สมควร
“เช่นนั้นก็รีบสวมรองเท้าเสีย พวกเราจะได้ไปที่ห้องของพี่ชายกัน ดีหรือไม่” นางจับเ้าหกให้นั่งลงก่อนจะช่วยสวมรองเท้าให้ “เ้ารับปากแม่ได้หรือไม่ว่าต่อไปจะไม่วิ่งไปไหนต่อไหนโดยไม่สวมรองเท้าอีก ไม่เช่นนั้นจะไม่สบายเอาได้”
เ้าหกยกมือตบอกอย่างจะบอกว่าให้วางใจได้ “ข้าร่างกายแข็งแรง ไม่มีทางเจ็บป่วยเด็ดขาด”
กู่ซื่อแทบจะละลายไปกับท่าทางน่ารักน่าชังของคนตรงหน้า นางยิ้มพร้อมกับยกมือบีบจมูกเด็กน้อยอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเอ่ยอย่างอ่อนโยน “สตรีอย่างเราจะเดินไปไหนมาไหนเท้าเปล่ามิได้ ไม่ฉะนั้นต่อไปจะปวดท้อง เ้าจงเชื่อฟังที่แม่พูด คำพูดของแม่ไม่มีทางผิด อีกไม่กี่วันหากแม่หายดีแล้วจะทำรองเท้าสวยๆ ให้เ้าสักหลายๆ คู่ดีหรือไม่ จะปักรูปดอกไม้บนรองเท้า แล้วก็ปักรูปกระต่ายและรูปผีเสื้อให้ด้วย”
เ้าหกนึกถึงรองเท้าของบุตรสาวสกุลชิวซึ่งปักเป็รูปกระต่าย กระต่ายตัวนั้นมีสีขาวดูราวกับมีชีวิต เป็รองเท้าที่สวยงามยิ่งนัก สีหน้านางเปลี่ยนเป็รอคอยคาดหวังในทันใด ดวงตากลมโตประหนึ่งลูกผูเถาวาววับเป็ประกาย “ขอบคุณท่านแม่มากเ้าค่ะ ท่านแม่ดีกับข้าเหลือเกิน” ก่อนจะเข้าไปกอดและหอมแก้มมารดาสกุลกู้หนึ่งที
ภายในใจของเ้าหกนับว่ามารดาสกุลกู้มีข้อดีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือสามารถปักลายบนรองเท้าได้ เช่นนั้นนางยิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายตายไปไม่ได้เป็อันขาด!
เ้าหกสวมรองเท้าเสร็จเรียบร้อย กู่ซื่อจูงมือพาเดินไปยังห้องทิศตะวันตก ภายในห้องนั้นกู้อวี้นั่งพิงหมอนที่จับตั้งขึ้นพิงหัวเตียง เขาอ่านหนังสือโดยอาศัยแสงไฟจากน้ำมันตะเกียง ครั้นรับรู้ได้ว่ามีคนเดินเข้ามาในห้องก็เงยหน้าขึ้นมอง
คนงามภายใต้แสงไฟช่างเป็ภาพที่น่าหลงใหลเหลือเกิน เ้าหกคิดพร้อมกับมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
“ท่านแม่” กู้อวี้กล่าวทักทาย “เย็นแล้ว ท่านแม่พานางมาทำไมขอรับ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามเจือความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เ้าหกยังเล็กนักตอนกลางคืนเลยไม่กล้านอนคนเดียว แม่ก็เลยพานางมานอนกับเ้า” กู่ซื่อกล่าวพลางยิ้ม
“เห็นทีว่าจะไม่เหมาะ ชายหญิงมีความแตกต่าง มิอาจนอนร่วมห้องเดียวกันได้” กู้อวี้กล่าวปฏิเสธด้วยสีหน้าเ็า คิ้วขมวดเป็ปม
ทว่ากู่ซื่อกลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่อาจนอนร่วมห้องเดียวกันได้อันใดกัน ต้องทั้งชายและหญิงอายุเจ็ดปีต่างหากถึงไม่อาจนอนร่วมห้องกันได้ แต่นี่เ้าหกเพิ่งจะอายุสี่ปีเท่านั้น” ระหว่างที่พูดอยู่เ้าหกก็ถอดรองเท้าปีนขึ้นเตียงแล้วซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม “ข้านอนก่อนนะเ้าคะ”
กู้อวี้หันไปมอง ครั้นเห็นว่าผ้าห่มนูนขึ้นมาเหมือนมีบางอย่างอยู่ข้างใต้ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็เขม็งตึงขึ้นทันใด
กู่ซื่อเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปเอาหมอนวางไว้บนที่นอน เอ่ยว่า “นี่ก็ดึกแล้ว เลิกอ่านหนังสือได้แล้วเดี๋ยวจะเสียสายตา เ้าหกเป็ภรรยาของเ้า นางยังเด็ก เ้าต้องคอยดูแลปกป้อง ห้ามทำหน้าดุใส่โดยเด็ดขาด หากเ้าทำให้นางใกลัวจนหนีไป แม่ไม่ปล่อยเ้าไว้แน่”
“ท่านแม่ ทำเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ” กู้อวี้ยกมือนวดหัวคิ้วอย่างปวดหัว
“ขงจื๊อกล่าวไว้ว่าบุรุษไม่ควรเชื่อในเื่งมงายและภูตผีปีศาจ ลูกคิดว่าเื่การแต่งงานเพื่อขจัดอัปมงคลเป็เื่ไร้สาระ นางยังเป็เด็กไม่รู้ความ เช่นนั้นแล้วพวกเรายิ่งไม่ควรฉวยโอกาสนี้กระทำเื่ไม่ดีต่อนาง อีกทั้งการแต่งงานจะเกิดขึ้นได้ต้องมีการปรึกษาหารือกันระหว่างบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายและการสู่ขอของแม่สื่อ ข้าไม่เคยส่งแม่สื่อไปสู่ขอนาง แล้วจะนอนร่วมเตียงกันได้อย่างไร”
“ที่เ้าพูดมาก็ถูก” กู่ซื่อพึมพำอย่างเห็นด้วย
กู้อวี้ได้ยินดังนั้นพลันลอบผ่อนลมหายใจ ขณะกำลังจะเอ่ยปากให้มารดาพาเ้าหกออกไปจากห้อง อีกฝ่ายกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อนว่า “ถึงแม้ข้าและท่านพ่อของเ้าจะปรึกษากับบิดามารดาของเ้าหกแล้ว แต่ยังขาดให้แม่สื่อไปสู่ขอ เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าแม่จะไปเชิญแม่สื่อให้ไปสู่ขอเ้าหกกับสกุลหยวน”
กู้อวี้ “…”
“เช่นนั้นคืนนี้เ้าก็คิดเสียว่าเ้าหกคือน้องสาว เ้าเป็พี่ชายช่วยดูแลน้องสาวเป็เื่ที่สมควรกระทำ ด้วยเพราะร่างกายแม่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ไม่อย่างนั้นหน้าที่นี้มีหรือจะตกมาอยู่ในมือเ้า” กู่ซื่อกล่าวพลางจัดผ้าห่มให้แก่เ้าหกและบุตรชาย “เอาละ นอนได้แล้ว
“เ้าหก หากตอนกลางดึก้าไปปลดทุกข์ก็เรียกแม่นะ”
เ้าหกยื่นหน้าออกมาจากผ้าห่ม พยักหน้ารับคำ “ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ”
พูดจบก็หดตัวกลับเข้าไปในผ้าผืนเดิมอีกครั้ง “ข้านอนก่อนนะเ้าคะ”
กู้อวี้มองตามหลังมารดาที่เดินออกจากห้องไปด้วยความไม่พอใจ ทว่าที่เขาสามารถก็ทำได้แค่หลับตาอย่างยอมรับชะตากรรม ปรากฏว่าแค่เพิ่งจะหลับตาลง จู่ๆ คนที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็เขยิบเข้ามาแล้วเอามือมากอดแขนเขาไว้ ทั้งยังเอาหน้าซุกมาที่แขนของเขาอีก
จังหวะนั้นกลิ่นคล้ายนมก็ลอยเข้ามาปะทะจมูก
ร่างกายเขาแข็งชะงักค้าง ด้วยเพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์ถูกเด็กผู้หญิงเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน
“ทำเช่นนี้ใช้ได้ที่ใด!” กู้อวี้เอ่ยอย่างโมโหขณะแกะมือของเ้าหกซึ่งคล้องอยู่ที่แขนตนออก ทว่าเขาเพิ่งจะหายป่วย เรี่ยวแรงจึงยังไม่ฟื้นคืนกลับมาอย่างเต็มที่ เลยไม่อาจแกะมืออันเหนียวหนึบของคนข้างๆ ออกได้ อีกทั้งเ้าหกยังคือคนที่สามารถเล่นงานคนสามคนได้ทั้งที่มีแค่ตัวคนเดียว เช่นนั้นแล้วเรี่ยวแรงย่อมต้องมากกว่าเด็กคนอื่นเป็ธรรมดา
กู้อวี้ไม่เพียงไม่สามารถแกะมือของเ้าหกออกได้ ทั้งยังได้ยินเสียงกรนของคนคนนี้อีกต่างหาก เขาจึงทำได้แค่นอนมองเพดานห้องนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น ขณะที่ใบหน้ามีแต่ความจนปัญญา
ปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้แล้ว ในเมื่อพูดกับท่านแม่ไม่ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้เขาจะพูดกับท่านพ่อ เช่นว่าคนพิการอย่างเขาหากแต่งผู้ใดเป็ภรรยาเท่ากับเป็การทำร้ายคนผู้นั้น!
เ้าหกผล็อยหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งยังหลับสนิทมากอีกด้วย ต้นโสมน้อยที่อยู่ในจุดตันเถียนเริ่มแตกยอดออกใบและมีรากงอกภายใต้กลิ่นอายอันอบอุ่นของกู้อวี้
กู้อวี้ไม่คุ้นชินกับการนอนร่วมเตียงกับคนแปลกหน้า เดิมทีเขานึกว่าคงไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ คิดไม่ถึงว่าตนจะนอนหลับไปท่ามกลางกลิ่นนมหอมๆ จากตัวเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างกาย ทั้งยังหลับสนิทอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
เช้าวันต่อมาแสงแดดลอดผ่านม่านเข้ามาในห้องส่องลงบนเตียงแกะสลัก กู้อวี้ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับเท้าขาวๆ เล็กๆ ข้างหนึ่ง
เ้าหกที่ก่อนนอน นอนหันหัวไปทางหัวเตียงสองมือกอดแขนกู้อวี้เอาไว้แน่น ทว่าในยามนี้…
ขาข้างหนึ่งกลับย้ายมาอยู่ตรงหน้าเขาแทน ส่วนอีกข้างก็พาดอยู่บนหน้าท้องของเขา
นี่มันเื่อะไรกัน!
นักปราชญ์กล่าวไว้ได้ถูกต้อง สตรีและเด็กล้วนเลี้ยงดูได้ยาก!
บัณฑิตให้ความสำคัญกับหลี่อีเหลียนฉือ[1] เป็ที่สุด ลำพังแค่ให้เด็กผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งมานอนร่วมเตียงก็เป็เื่ที่ไม่สมควรอยู่แล้ว เวลานี้อีกฝ่ายยังเอาเท้ามาอยู่ตรงหน้าเขาอีก แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน!
ในสมองของกู้อวี้ในเวลานี้มีแต่เสียงวิ้งๆ ใกล้จะะเิอยู่รอมร่อ
“ไอโหยว ลูกเขย ตื่นแล้วหรือ” จ้าวซื่อที่ถือกะละมังใส่น้ำอุ่นเดินเข้ามาในห้องกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อตื่นแล้วเช่นนั้นก็มาล้างหน้าล้างตาเถิด
“เ้าหก เหตุใดถึงนอนไม่เรียบร้อยเช่นนี้ นางคงไม่ได้เตะเ้ากระมัง” จ้าวซื่อวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะช้อนตัวเ้าหกขึ้น
กู้อวี้ “...”
ห้องของบุรุษจะให้สตรีมาเข้าออกตามใจชอบได้อย่างไร คนสกุลหยวนช่างไม่เห็นหลี่อีเหลียนฉืออยู่ในสายตาเสียเลย ไม่เพียงไม่รู้จักขนบธรรมเนียม สายตายังไม่ดีอีกต่างหาก ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าเท้าของเ้าหกแทบจะเกยขึ้นมาบนใบหน้าเขาอยู่รอมร่อแล้วยังจะถามอีก
“ท่านน้า ท่านพานางกลับไปเสียเถิด การแต่งงานในครั้งนี้ให้ถือเสียว่าเป็โมฆะ” กู้อวี้สูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกไป
จ้าวซื่อตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “ว่ากระไรนะ เหตุใดเ้าถึงทำตัวเหมือนหมาป่าตาขาว[2] เยี่ยงนี้ พวกเราไม่เคยรังเกียจที่เ้าพิการ แต่เ้ากลับรังเกียจเ้าหกของพวกเรา เ้าหกยอมแต่งให้เ้าเพื่อขจัดอัปมงคล แต่พอเ้าหายดีกลับจะทอดทิ้งนาง!”
[1] หลี่อีเหลียนฉือ คือสี่ข้อในแปดคุณธรรมของขงจื๊อ แปลเรียงกันจะมีความหมายว่า มารยาท มโนธรรม สุจริตธรรม และยางอาย
[2] หมาป่าตาขาว เป็สำนวนจีน หมายถึง คนเนรคุณหรือคนอกตัญญู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้