เมื่อผู้าุโกวาดสายตามองไปยังทุกคนในตระกูลหลง แววตาเขาก็เป็ประกาย ในเทือกเขาหยุนหลัวนั้น สิ่งที่หลานสาวทั้งสองแสดงออกมาก็เหนือความคาดหมายของเขาเช่นกัน รวมไปถึงหลังจากที่เขายิงธนูเป็การส่งสัญญาณบอกคนในตระกูล ทว่าหลงเซ่าโหยวและหลงห่าวเทียนกลับมุ่งหน้าเข้าสู่เทือกเขาโดยไม่คิดชีวิต
ไม่เพียงแค่หลงเหยียนเท่านั้น ทั้งรุ่นบิดา แม้กระทั่งรุ่นหลาน ทุกคนล้วนสร้างความตื้นตันแก่ผู้าุโทั้งนั้น รวมไปถึงหลงป้าเทียนที่จากไปแล้ว เขาเกลียดหลานคนนี้มากเท่าใด ทว่าในวินาทีสำคัญ หลานแย่ๆ คนนี้ก็ลุกขึ้นมาปกป้องตระกูล
แววตาหลงกงฉู่เต็มไปด้วยความตื้นตัน…
“ดี ดี ดียิ่ง ข้าหลงกงฉู่ท่องพิภพมาทั้งชีวิต สุดท้ายก่อตั้งตระกูลหลงอู่ขึ้นมา พวกเ้าล้วนเป็ตัวอย่างที่ดี ดีทุกคน”
ดูออกว่าผู้าุโดีใจมากจริงๆ ริ้วรอยบนใบหน้า ความเหี่ยวชรา และความเมตตาที่แสดงออกมาทางสีหน้าทำให้พวกเขาต่างก็อดมองไม่ได้
ความในใจมากมาย ความขมขื่นและความตื้นตัน ทุกสิ่งถูกปลดปล่อยออกมาหมดแล้ว ทุกคนล้วนเป็ญาติพี่น้องกัน เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน มีเพียงความจริงใจ จึงเป็จุดยึดเหนี่ยวจิตใจของกันและกัน
แววตาหลงเหยียนประกายความเสียใจเล็กน้อย เพราะเวลานี้เขานึกถึงมารดา นึกถึงเว่ยเวย สตรีที่แสนเยือกเย็น หากเวลานี้เขาอยู่ข้างกายหลงเหยียนก็คงทำให้เขารู้สึกดีมาก
ขณะที่ความตื้นตันถูกปลดปล่อยออกมานั้น ทุกคนก็แสดงความปลื้มปีติออกมา เื่เลวร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เพราะผ่านความเป็ความตายมาด้วยกันจึงทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้น
โดยเฉพาะหลงหยุนฉี นางมองไปทางหลงเหยียนพร้อมแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความภูมิใจ เมื่อก่อนมีนางคนเดียวที่ไม่ต่อต้านหลงเหยียน ตอนนี้หลงเหยียนโดดเด่นในตระกูล นางก็คือคนสนิทของหลงเหยียน
แน่นอนว่านางต้องรู้สึกภูมิใจมากเป็ธรรมดา ทว่าขณะที่หลงหยุนฉีมองไปทางพี่ใหญ่หลงอวี่ซี แววตาที่หวานฉ่ำของนางทำให้หลงหยุนฉีตกตะลึง
หลงเหยียนยิ้มร้ายๆ “พี่ใหญ่ ท่านมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น ราวกับเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อข้าเลย แม้ข้าจะรู้ตัวว่าตัวข้าหล่อมาก ทว่าท่านต้องเข้าใจแล้วอยู่กับความเป็จริง ข้าเป็น้องชายของท่านนะ!”
เมื่อหลงเหยียนพูดประโยคนี้ออกมา ทำให้หลงอวี่ซีแสดงสีหน้าเรียบเฉย ทว่าก็อดหัวเราะไม่ได้ หมัดขาวๆ เล็กๆ ทั้งสองชกหน้าอกหลงเหยียนหลายครั้ง
การกระทำที่แลดูสนิทสนม ทำให้หลงหยุนฉียิ่งรู้สึกไม่พอใจ
ใบหน้าแดงก่ำ! ทว่าเมื่ออยู่ในสายตาของผู้าุโและผู้ใหญ่ในตระกูล กลับเป็เื่ขำขัน
บรรยากาศกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ผู้าุโกวาดตามองทุกคน ใบหน้าประกายรอยยิ้มเล็กๆ “พอได้แล้วๆ อวี่ซี ไม่ต้องโวยวายแล้ว ยามนี้ข้ามีเื่อยากประกาศ”
เมื่อได้ยินว่ามีเื่จะประกาศ หลงเหยียนก็ไม่ได้หยอกล้อต่อ ทุกคนหันไปมองผู้าุโ
หลงกงฉู่กวาดสายตามองทุกคนอย่างจริงจัง จากนั้นสายตาก็หยุดลงที่หลงเหยียน “ครั้งนี้ตระกูลเซียวถูกทำลายลงแล้วจริงๆ คาดว่าพวกเขาคงตั้งตัวขึ้นมาไม่ได้แล้ว ทว่ามีเื่หนึ่งที่ข้ายังกังวล แม้คนตระกูลเซียวและอวีเหวินสังหารตายแล้ว พวกเราฆ่าพยัคฆ์ร้ายจูเก๋อได้สำเร็จ เื่นี้ก็ยังไม่จบ ข้ากังวลใจนัก เกรงว่าสำนักมารจะส่งคนมาตรวจสอบเื่นี้ที่เมืองั ไม่แน่พวกเขาอาจสืบเจอตระกูลหลงของเราก็ได้ ฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวังนะ เข้าใจหรือไม่?”
“เื่ที่สอง เื่แบ่งต้นเซียนหอมหมื่นลี้ ตระกูลหลงของเราได้หญ้าวิเศษมาทั้งหมดสามต้น ทั้งหมดนี้เป็ผลงานของหลงเหยียนเพียงผู้เดียว ฉะนั้นข้าจะมอบอำนาจให้เหยียนเอ๋อเป็คนแบ่ง”
ขณะที่พูด ผู้าุโก็หยิบต้นเซียนหอมหมื่นลี้สามต้นออกมา ทันใดนั้น ตำหนักตระกูลหลงก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหญ้าวิเศษ
หลงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ได้ ท่านปู่ ในเมื่อเป็แบบนั้น ข้าก็ขอเป็คนแบ่งเอง ข้าขอไว้ต้นหนึ่งก็พอแล้ว อีกต้นมอบให้ท่าน ท่านมีพลังระดับชีพัขั้นที่เก้าสูงสุด ตระกูลหลงของเราต้องมียอดฝีมือระดับชีพเทพ ส่วนอีกหนึ่ง” หลงเหยียนมองไปทางลุงใหญ่หลงห่าวเทียนและหลงอี
นี่คือหญ้าวิเศษที่มีค่าสูงส่ง ตอนนี้บิดาเขาและอาหญิงมีพลังอยู่ระดับชีพัขั้นที่แปด ส่วนลุงใหญ่มีพลังอยู่ขั้นที่เก้า
หญ้าวิเศษต้นนี้สำคัญสำหรับทุกคน หากลุงใหญ่ได้ไป ตระกูลหลงจะมียอดฝีมือระดับชีพเทพถึงสองคน ทว่าหากบิดาและอาหญิงได้ไป มันช่วยให้พวกเขามีพลังขึ้นมาเป็ขั้นที่เก้าสูงสุดเท่านั้น แม้กระทั่งผู้าุโที่มีพร์สูงยังอยู่ระดับพลังชีพัขั้นที่เก้ามานานหลายสิบปีแล้ว
เท่านี้ก็รู้แล้วว่าหญ้าวิเศษสำคัญเพียงใด ฉะนั้นคงไม่ต้องพูดถึงความสำคัญของมันอีก ทว่าเพราะคนตระกูลหลงผ่านความเป็ความตายมาแล้วจึงต่างก็มองข้ามเื่นี้กันหมดแล้ว
หลงอีก้าวออกมา เขาเป็ผู้นำตระกูล แน่นอนว่าไม่มีทางชิงหญ้าวิเศษอยู่แล้ว “ข้าไม่สนใจระดับพลังหรอก เหยียนเอ๋อ อย่ามอบให้ข้าเพียงเพราะข้าเป็พ่อของเ้า!” เมื่อพูดจบ เขาก็หันไปมองหลงห่าวเทียนและหลงเซวี่ยซาง
หลงเซวี่ยซางเป็อาหญิง นางพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้หญ้าวิเศษจะมีค่าสูง อย่างไรแล้วพี่ใหญ่ก็คู่ควรกับมันมากกว่าข้า อย่างน้อย หากพี่ใหญ่นำมันไปหลอม มันจะช่วยให้ตระกูลเรามียอดฝีมือระดับชีพเทพถึงสองคน หากคนของสำนักมารมา อย่างน้อยตระกูลหลงของเรายังพอต้านได้ครู่หนึ่ง”
ในเมื่อเป็เช่นนั้น ทุกคนต่างไม่แก่งแย่ง หลงเหยียนก็รู้นิสัยของบิดาดี เขาจึงนำหญ้าวิเศษต้นสุดท้ายมอบให้ลุงใหญ่หลงห่าวเทียน
คาดว่าคนในตระกูลคงไม่มีผู้ใดไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้นักหรอก กลับกัน ทุกคนยังพอใจมากด้วยซ้ำ ในเมื่อหากตระกูลแกร่งขึ้น การเติบโตของตระกูลจึงจะยาวนานและยั่งยืน
“ท่านพ่อ อาหญิง พวกท่านวางใจเถิด เมื่อข้าเข้าสู่เมืองหยุนจงแล้ว ไม่แน่ที่นั่นอาจมีหญ้าวิเศษเยอะกว่านี้ก็ได้ ถึงตอนนั้น หลานจะนำกลับมาให้พวกท่านเอง”
ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกดีใจ ทว่าหลังจากได้ยินประโยคนี้ บรรยากาศก็จมเข้าสู่ความอาลัยอีกครั้ง เพราะพวกเขาไม่อยากให้หลงเหยียนจากไป เื่ที่หลงเหยียนจะเดินทางไปเมืองหยุนจง คล้ายเป็ฝุ่นที่ปกคลุมใจของทุกคน
หลงหยุนฉีโผเข้ากอดหลงเหยียน น้ำตาหยดใสไหลออกมาจากดวงตาคมโต
“พี่เหยียน ข้าไม่อยากให้ท่านไป ข้าต้องคิดถึงท่านแน่ ข้าไม่ยอมให้ท่านไป…”
การร้องไห้ของนางทำให้บรรยากาศของตระกูลหลงเปลี่ยนไปจากเดิม จมเข้าสู่ความเสียใจอีกครั้ง
“เหยียนเอ๋อ?”
มีหรือที่หลงเหยียนจะอยากห่างจากญาติและบ้านเกิด ทว่าที่เมืองหยุนจงยังมีเื่มากมายรอให้เขาไปสะสาง ทำให้เขาจำต้องจากไป
เมื่อคิดเกี่ยวกับมารดาที่เด็ดเดี่ยว นึกถึงตนก่อนจากไป เสียงอันไพเราะที่ดังมาจากห้วงอากาศ นึกถึงความมุ่งมั่นและอยากแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาจำต้องจากบ้านเกิด ไปจากตระกูลหลง
หลงเหยียนพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ยกมือขึ้นมาลูบหัวหลงหยุนฉีเบาๆ
“หยุนฉี เชื่อฟังนะ ใช่ว่าหลังจากไปแล้วข้าจะไม่กลับมาดูเ้าสักหน่อย อีกอย่าง ยังเหลือเวลาอีกสิบกว่าวันกว่าข้าจะออกเดินทาง ไม่ต้องร้อง หากมีโอกาส ข้าจะกลับมารับพวกเ้าทุกคน ดีหรือไม่?”
“ไม่ ไม่ดี ฮือๆๆๆๆ …” หลงหยุนฉีปล่อยโฮออกมา ไม่ว่าใครห้ามก็ไร้ประโยชน์…
มองหญิงสาวที่จมอยู่กลางอก หลงเหยียนก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมา ในตระกูลมีนางคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยทอดทิ้งตนั้แ่แรก ยิ่งไปกว่านั้น นางอยู่ใกล้ชิดหลงเหยียนโดยไม่กลัวจะถูกลุงสองหลงจ้านลงโทษ
พวกเขาสองคนสนิทกันมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ของเขาและบิดายังเทียบกับความรู้สึกที่มีต่อน้องหยุนฉีไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม จะมีใครเข้าใจความปวดร้าวในหัวใจหลงเหยียน…
“่เวลาที่ผ่านพ้น จากนี้ไปข้าต้องก้าวต่อไปเพียงลำพัง จะให้ข้าเผชิญหน้ากับมันได้อย่างไร จากนี้ไปข้าคงทำได้แค่คุยกับเ้าในใจ ไม่เคยมีใครเข้าใจข้ามาก่อน มีเ้าคนเดียวที่มอบ่ชีวิตอันแสนงดงามให้แก่ข้า เ้าทำให้่ชีวิตข้ามีความหมาย พร้อมก้าวผ่านอุปสรรคไปพร้อมกัน แววตาที่ไม่ทอดทิ้งกัน โลกนี้มีมหาสมุทร มี์ผืนใหญ่ มีข้า มีเ้า มีเราคู่กัน ทุกอย่างคือประสงค์จากฟ้า คือ่เวลาที่มีค่า…”
นี่คือบทความที่หลงอีเขียนให้เว่ยเวย ต่อมาหลงเหยียนแก้ไขและเติมทำนอง กลายเป็บทเพลง!
หลงเหยียนเช็ดน้ำตาข้างแก้มของหยุนฉีอย่างอ่อนโยน แล้วพูดปลอบใจ “หยุนฉี หยุดร้องเถิด ตอนนี้พวกเราต่างก็โตกันแล้ว เชื่อฟังนะ…” ขณะที่พูด น้ำตาของหลงเหยียนก็ไหลลงอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
--------------------