“้าไฟปีศาจ?” หลินเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวอย่างเ็าว่า “ไฟปีศาจที่ว่านั่น ข้าได้สังหารปิงหยวนและชิงมา หากเ้า้ามันก็จงนำสิ่งมีค่ามาแลก หากข้าชอบล่ะก็ ไม่แน่ว่าข้าอาจยอมให้เ้าก็ได้”
“เ้ากำลังตั้งเงื่อนไขกับข้า?”
ดวงตาของทูจิ้วฉายแววเ็าขึ้นมา ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ในเมืองเทียนลั้ว มีไม่กี่คนที่กล้าตั้งเงื่อนไขกับข้า ส่วนผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาที่กล้าถกเถียงกับข้าจะต้องตาย เ้าบอกมาว่าอยากรอดหรืออยากได้ไฟปีศาจ?”
เมื่อผู้คนได้ยินคำพูดของทูจิ้วก็ลอบส่ายหัว ช่างเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว ชายผู้นี้อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาจึงกล้าดูแคลนผู้อื่น ประกอบกับอำนาจที่มีแล้ว ผู้ที่กล้ายั่วโมโหเขาก็คงมีไม่มากนัก
หลินเฟิงเป็คนนอก คาดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อกรกับทูจิ้ว หากไม่มอบไฟปีศาจให้ เกรงว่าเขาจะต้องโชคร้ายแน่ๆ
“อยากรอดหรืออยากได้ไฟปีศาจ?”
ทูจิ้วให้ทางเลือกกับหลินเฟิง
ทว่าหลินเฟิงยังคงนิ่งเงียบ เขาเหลือบมองทูจิ้วอย่างเ็าและกล่าวว่า “ผู้ที่บอกว่าจะสังหารข้านั้น ในท้ายที่สุดก็ตายด้วยเงื้อมมือข้าเช่นเดียวกับปิงหยวน ตอนนี้เ้าอยากตายหรือจะไสหัวไป?”
“อยากตายหรือจะไสหัวไป?”
นี่เป็สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคน หลินเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เลือกเท่านั้น แต่กลับย้อนถามทูจิ้ว ทำให้ทูจิ้วเป็ฝ่ายเลือก
หลินเฟิงกล้าข่มขู่ทูจิ้วในเมืองเทียนลั้ว ให้เขาเลือกว่าจะตายหรือจะไสหัวไป? ช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก
“สมควรตาย!”
หลันเจียวแอบด่าขณะที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิง เ้าหมอนี่ไม่รู้จักคำว่าตายเอาเสียเลย จริงอยู่ที่ว่าปิงหยวนแข็งแกร่งและยังเป็ศิษย์อันดับหนึ่งของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน แต่ทูจิ้วกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น แล้วเขายังอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาอีก ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว หลินเฟิงไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอแต่อย่างใด แต่เขากลับกล้าข่มขู่อีกฝ่าย นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ
อย่างที่คิดเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง มุมปากของทูจิ้วก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาในเมืองเทียวลั้ว เ้าเป็คนแรกที่กล้าข่มขู่ทูจิ้วผู้นี้”
“ดังนั้นเ้าจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน” ทูจิ้วยกมือลูบหัวโล้นของตัวเอง ขณะแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ย๊าก!!!” ทูจิ้วส่งเสียงคำรามดังก้อง ขณะเดียวกันร่างกายของเขากลับกลายเป็เงาดำและหายไปทันที
มือขวาของเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปจนดูราวกับตะขอ ขณะยืนด้วยขาข้างเดียว จากนั้นกรงเล็บของทูจิ้วก็พุ่งหาหลินเฟิงทันที ฝ่ามือของเขากลายเป็กรงเล็บ กรงเล็บอินทรีสีขาวได้ส่องแสงวับวาวไปทั่วบริเวณ
กรงเล็บนี้ช่างรวดเร็วมากนัก หากถูกกรงเล็บนี้เข้าล่ะก็ เกรงว่าจะต้องได้รับาเ็สาหัสอย่างแน่นอน
หลินเฟิงต้องตายแน่ๆ เพราะเขาไปยั่วโมโหทูจิ้ว
ฝูงชนต่างเงียบงัน
หลินเฟิงประหลาดใจเมื่อััได้ถึงความคมกริบของกรงเล็บ ในขณะนั้นเขารู้สึกว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ก็เหมือนกับสัตว์อสูรปีศาจตนหนึ่ง ปีศาจอินทรี
ตอนนั้นเองเสี้ยวิญญาจางๆ ได้ปรากฏขึ้นในชั้นอากาศ ขณะเดียวกันเสี้ยวิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนได้พุ่งหากรงเล็บนั่น หลินเฟิงไม่คิดจะหลบหนี ทว่าเขาเลือกที่จะตอบโต้
“แก๊ก!” เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้น แม้ไม่ดังมากทว่าก็กังวานชัดเจน เมื่อหลินเฟิงและทูจิ้วปะทะกันครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดแรงสะท้อนจากทั้งคู่ จึงต้องถอยร่นกันทั้งสองฝ่าย
มือของทูจิ้วยังคงเป็กรงเล็บ แต่กลางฝ่ามือของเขากลับมีเืไหลออกมา เมื่อครู่นี้ดัชนีพิฆาตของหลินเฟิงเล็งไปที่จุดนั้นได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ด้วยพลังที่น่าหวาดกลัวของหลินเฟิง มันดูราวกับเป็ดาบเล่มหนึ่ง
ส่วนฝ่ามือของหลินเฟิงก็มีรอยกรงเล็บ แม้กรงเล็บของทูจิ้วจะไม่ได้โดนเขา แต่แสงสีขาวอยู่รอบกรงเล็บกลับฝากร่องรอยเอาไว้ นอกจากนี้นิ้วมือของเขาก็รู้สึกชาเล็กน้อย กรงเล็บของทูจิ้วช่างแหลมคมและทรงพลังอย่างมาก
“ก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร เ้าก็ต้องตายอยู่ดี”
ทูจิ้วกล่าวพลางแสยะยิ้มอย่างเ็า ขณะนั้นเขาก็แสดงท่าทางแปลกๆ แล้วร่างของเขาส่องแสงวูบวาบ จากนั้นเขาก็กลายร่างเป็อีแร้ง มีสายตาที่แหลมคมและเหี้ยมโหด ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกเสียวสันหลังไปตามๆ กัน
“ฟุ่บ ฟุ่บ…”
มีเสียงแหลมคมดังขึ้นมา ทูจิ้วเริ่มเคลื่อนไหว ในขณะนั้นเสี้ยวิญญาจำนวนมากพลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสี้ยวิญญาของทูจิ้วส่องแสงสีขาวเจิดจ้าราวกับมีอีแร้งจำนวนมหาศาลกำลังพุ่งหาหลินเฟิง ในอากาศเต็มไปด้วยเงาของเขาจนยากที่จะดูออกว่าเงาร่างไหนเป็ร่างจริงหรือว่าร่างปลอม
เเสงสีขาวกำลังกะพริบอยู่ตรงหน้าหลินเฟิง เขาเอียงร่างไปอีกด้านหนึ่งทำให้แสงสีขาววูบผ่านไปด้านข้าง ซึ่งหลินเฟิงไม่ได้รับาเ็แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น แสงสีขาวอันชั่วร้ายก็ยิ่งสว่างขึ้น ขณะที่มันยังคงโจมตีมาไม่หยุดยั้ง เงาของหลินเฟิงกะพริบเล็กน้อย แต่ละย่างก้าวทำให้เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีได้พ้น
ในตอนนี้หลินเฟิงดูปราดเปรียวและว่องไว ขณะอยู่ท่ามกลางการโจมตีด้วยกรงเล็บ แต่เขากลับหลบหลีกการโจมตีได้ทั้งหมด
“ย๊าก!”
มีเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้น แสงสีขาวเจิดจ้าจำนวนมากได้ผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็กรงเล็บขนาดใหญ่ราวกับเป็หัวหน้าของสัตว์อสูร กรงเล็บปีศาจร่วงหล่นจากฟากฟ้าและปกคลุมพื้นที่ไปกว่าร้อยเมตร หลินเฟิงเองก็อยู่ภายใต้เงากรงเล็บด้วยเช่นกัน
“น่าจะจบแล้ว หลินเฟิงตายแน่นอน” ผู้คนมองไปที่ทูจิ้ว เขาดูราวกับเป็สัตว์อสูรที่ชั่วร้าย ส่วนหลินเฟิงกำลังจะถูกฉีกออกเป็ชิ้นๆ
หลันเจียวอ้าปากค้างพร้อมใบหน้าที่ซีดขาว หลินเฟิงตายแล้ว?
ร่างของหลินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยกรงเล็บอย่างสมบูรณ์ เขาจ้องมองทูจิ้วที่ดูคล้ายกับนกอินทรีที่ชั่วร้าย บนใบหน้าของทูจิ้วยังคงแสยะยิ้มอย่างเ็า
ขณะนั้นได้มีแสงสีม่วงทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าเหมือนกับทะเลสาบ หนวดสีม่วงมากมายพุ่งตรงไปที่กรงเล็บ ทำให้กรงเล็บถูกกลืนกินเข้าไป
กรงเล็บยังคงพุ่งเข้าหาหลินเฟิง ทว่าหลินเฟิงในตอนนี้ถูกผืนน้ำสีม่วงของตนเองห่อหุ้มเอาไว้ ขณะที่กรงเล็บโจมตีและััของเหลวสีม่วง ทูจิ้วก็ต้องร้องออกมา
“อ๊าก…”
เกิดเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวดังออกมา เมื่อกรงเล็บของทูจิ้วได้หายไป เขายกมือของตัวเองขึ้นมาดูด้วยใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ฝ่ามือของเขาตอนนี้มีฟองอากาศผุดขึ้นมาต่อเนื่อง ิัของเขาค่อยๆ ละลายไป จนสามารถเห็นกระดูกและกล้ามเนื้อภายใต้ิัได้ชัดเจน
เป็ของเหลวสีม่วงม่วงเมื่อครู่ที่ละลายมือของเขาไปส่วนหนึ่ง
ในขณะนั้นของเหลวสีม่วงที่วิ่งพล่านอยู่ด้านหลังหลินเฟิง และหนวดสีม่วงที่ปรากฏนั่นก็ขยับไปมาราวกับอสรพิษ ซึ่งทำให้ผู้คนที่เห็นต่างสั่นสะท้าน
ทูจิ้ว ผู้อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญา? บุคคลที่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาล้วนไม่มีใครเอาชนะเขาได้?
“ทรงพลังยิ่งนัก!” ผู้คนที่มองหลินเฟิงในตอนนี้ต่างใจเต้นแรง ของเหลวสีม่วงนั่น ช่างร้ายกาจมาก ไม่มีใครคิดว่ากรงเล็บที่เหี้ยมโหดจะถูกกัดกร่อนได้ ซึ่งมันทำให้ทูจิ้วได้รับาเ็สุดคณานับ
หลันเจียวเองก็มองหลินเฟิงด้วยดวงตาคู่งามของนาง หรือว่านางจะเป็ห่วงหลินเฟิงอยู่?
“เ้าต้องตาย!”
ทูจิ้วะโอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะจ้องหลินเฟิงเขม็ง
“ข้าให้ทางเลือกกับเ้าว่าจะไสหัวไปหรือจะตาย แต่เ้าไม่ไสหัวไป ดังนั้นเ้าก็ต้องตาย” หลินเฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร จิตใจที่นิ่งสงบของเขาได้ถูกแทนที่ด้วยความบ้าระห่ำสุดประมาณ!
“ข้าจะต้องตาย?” ทูจิ้วกล่าวขณะหัวเราะ “ข้าอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญา น้อยคนที่จะกล้าต่อกรกับข้า นอกจากจิติญญาแห่งนักรบหรือกรงเล็บปีศาจแล้ว ยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นก็คือเจินหยวน ผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับเท่านั้นถึงจะได้พลังเจินหยวน ดูซิว่าเ้าจะหยุดข้าได้อย่างไร”
คลื่นแสงที่รุนแรงส่องสว่างอยู่กลางฝ่ามือของเขา หลังจากที่รวมตัวกันจนเป็ลูกบอลแสง ทันใดนั้นมันก็กลายเป็กลุ่มสายฟ้า ตามมาด้วยเสียงสายฟ้าฟาดไปทั่วบริเวณ พลังนี้มันช่างเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
“พลังเจินหยวน และยังกลุ่มพลังเจินหยวนอีกด้วย”
ผู้คนต่างตกตะลึง เมื่อเห็นทูจิ้วถูกหลินเฟิงบีบบังคับให้ใช้ไพ่ตายออกมา และเป็ไพ่ตายที่ไม่มีใครในขอบเขตแห่งจิติญญาสามารถทำได้
หลินเฟิงเป็คนที่แข็งแกร่งมากและยังมีพร์อันยอดเยี่ยม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังเจินหยวน เกรงว่าเขาก็คงถูกกำจัดอย่างแน่นอน
น่าเสียดายนัก ที่อัจฉริยะผู้โดดเด่นคนหนึ่งต้องมาตายแบบนี้
อย่างไรก็ตามหลินเฟิงกลับดูไม่เป็กังวล แววตายังคงเรียบเฉยขณะมองทูจิ้ว จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เมื่อครู่เ้าเป็คนเริ่ม ตอนนี้ข้าจะเป็คนชิงลงมือก่อน”
“หืม?” ฝูงชนต่างตกตะลึง ชิงลงมือ? ขนาดเผชิญกับกลุ่มพลังเจินหยวนเช่นนี้แล้ว เขายังกล้าโจมตี?
หลังจากนั้น พวกเขาก็เห็นหลินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเจตจำนงการต่อสู้ที่น่าทึ่งได้แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า มันกำลังเผาไหม้และหมุนรอบตัวหลินเฟิง
เจตจำนงการต่อสู้ที่ทั้งทรงพลังและน่าเกรงขาม เจตจำนงการต่อสู้ที่ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ในเจตจำนงการต่อสู้ยังมีความแหลมคมดุจดาบ
หลินเฟิงค่อยๆ ยกมือขึ้นช้าๆ เสียงแหลมเสียดแก้วหูได้กระจายไปทั่วบริเวณ จากนั้นมีพายุสีขาวที่รุนแรงปรากฏขึ้น พายุสีขาวได้เปลี่ยนเป็ดาบอันแหลมคม มันเต็มไปด้วยเจตจำนงที่แข็งแกร่งและเฉียบขาด
คลื่นแสงดาบสีขาวที่เจิดจ้า ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองมันตรงๆ
“ดาบเจินหยวน!”
ผู้คนต่างใจเต้นแรง คลื่นแสงดาบสีขาวได้สาดส่องไปทุกสารทิศ... ดาบเจินหยวน!
ของทูจิ้วเป็ลูกพลังเจินหยวน ทว่าของหลินเฟิงนั้นเป็ดาบเจินหยวน
เคล็ดวิชาฉุนหยวน เป็ทักษะขั้นพื้นฐาน มันไม่ได้เป็ทักษะที่สูงอะไร แต่หลินเฟิงฝึกฝนอย่างหนักมาโดยตลอด และจุดสูงสุดของเคล็ดวิชาฉุนหยวนก็คือ การรวมตัวของเจินหยวนบริสุทธิ์ หลินเฟิงในตอนนี้ได้ฝึกเคล็ดวิชาฉุนหยวนถึงขั้นสูงสุดแล้ว เมื่อเจินหยวนผสานกับเจตจำนงดาบ ก็จะกลายเป็ดาบเจินหยวน
“หมอนี่ช่างบ้าระห่ำเสียจริง!” ฝูงชนต่างตกตะลึง เจินหยวนของพวกเขาทั้งสอง ทักษะลูกพลังและทักษะดาบ ช่างทรงพลังอย่างมาก
ศึกครั้งนี้ใครจะเป็ผู้ชนะ!
“ในใต้หล้าที่กว้างใหญ่ไพศาล ใครบอกว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพัน นั่นแสดงว่าเ้าต้องแก่มากแล้ว แต่เ้ายังเยาว์วัยและอยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาก็ยังกล้าเรียกตัวเองเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ไร้ยางอาย แต่เ้าไม่รู้อะไรเลย ไม่แปลกที่พร์ของเ้าจะแย่เช่นนี้ น่าสงสารยิ่งนัก”
หลินเฟิงเหลือบมองทูจิ้วและกล่าวอย่างเ็าว่า “กลุ่มพลังเจินหยวนของเ้า น่าจะได้รับพลังมาจากภายนอก แต่ดาบเจินหยวนของข้านั้นข้าทำด้วยตัวเอง ฝึกทีละขั้นตอน วันนี้ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นว่า มันน่าสงสารแค่ไหนที่เ้าคิดว่าไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญา จะสามารถต่อกรกับเ้าได้”
คำพูดของหลินเฟิงทะลุเข้าสู่โสตประสาทของทูจิ้ว ทำให้เขาเริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเองขึ้นมา
แต่เจตจำนงการต่อสู้ของหลินเฟิงยังคงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนดาบนั้นสามารถพลิก์และปฐีได้
ขณะก้าวไปข้างหน้าจู่ๆ ร่างของหลินเฟิงก็อันตรฐานไป จากนั้นก็เห็นดาบเจินหยวนร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าและตรงเข้าทำลายทุกสิ่ง!