‘ขอโทษนะหั่วอี้ จะเป็การยืมมีดฆ่าคนก็ดี อาศัยเ้าไต่เต้าก็ดี หากชาตินี้ข้าติดค้างเ้า เช่นนั้นก็ให้ข้าชดเชยให้ชาติหน้าเถิด’ หลิ่วจิ้งลอบทอดถอนใจ เมื่อนางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
“องค์หญิง ท่านยังไม่รู้ว่าตัวท่านดีงามเพียงใด ท่านควรค่าให้ข้าปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้”
ไม่ว่าคำพูดของหั่วอี้จะเป็จริงหรือเท็จ แต่บัดนี้ก็ทำให้หัวใจของหลิ่วจิ้งอบอุ่นเหลือเกิน หลังจากเกิดเื่พลิกผันในครอบครัว ที่สุดครั้งนี้นางก็สามารถยิ้มออกมาจากใจจริง
“ท่านแม่ทัพ ข้าไม่รู้ว่าแคว้นชางอี้มีธรรมเนียมเช่นนี้ ข้าขอขอบคุณในความรักใคร่ที่ท่านแม่ทัพมีต่อข้า มิใช่ข้าไม่ยอมรับการดูแลจากท่านแม่ทัพ เพียงแต่หากท่านแม่ทัพ้ารับข้าเข้าจวนอย่างเป็ทางการ เช่นนั้นท่านแม่ทัพก็คงต้องแบกรักความกดดันอย่างมากจากหลายฝ่ายกระมัง
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงความกดดันจากภายนอก เพียงแค่ในจวนเองทั้งทางฝั่งของฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งฮูหยินจ้าวที่กำลังตั้งครรภ์ในยามนี้ ล้วนเป็เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามไม่จบสิ้นนะเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งเอ่ยถึงความกังวลของตนออกไปอย่างกึ่งจริงกึ่งเท็จ นางมั่นใจว่าหั่วอี้ไม่ได้มีเล่ห์กลใดในเื่รัก ด้วยเหตุนี้นางจึงตัดสินใจใช้กลวิธีแสร้งปล่อยเพื่อจับล่อให้หั่วอี้ติดกับ ให้นางได้เป็ภรรยาเอกของหั่วอี้จริงๆ ซึ่งนี่เป็สิ่งเดียวที่จะรับประกันได้ว่านางจะไม่ถูกข่มเหงในต่างบ้านต่างเมืองแห่งนี้
“องค์หญิง ท่านโปรดวางใจ! สิ่งที่ข้าหั่วอี้คิดจะทำ ผู้ใดจะมาขัดได้ ข้าต้องแต่งงานกับท่านอย่างแน่นอน”
“ท่านแม่ทัพ…”
หลิ่วจิ้งพลันหลงใหลในความอ่อนโยนของหั่วอี้ นางต่อสู้เพียงลำพังมาหลายวัน ไม่มีแรงหนุนจากภายนอกทั้งยังไม่มีที่พึ่งพิง จิตใจนางจึงอ่อนเพลียมาเนิ่นนานนัก
ในเบื้องต้นนี้หลิ่วจิ้งอยากเชื่อในตัวหั่วอี้ อยากพึ่งพาเขาเป็การชั่วคราวก่อน ต่อให้ต้องย่ำแย่ก็คงไม่แย่ไปกว่าที่เป็อยู่ตอนนี้มิใช่หรือ?
“ขอบคุณเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ…” หลิ่วจิ้งพูดพลางจงใจก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย
นางรู้ว่าไม่มีแมวที่ไม่ขโมยกินของคาว ไม่มีคนที่จะดีกับเ้าโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ ในยามที่จำเป็ก็ใช้อาวุธที่ดีที่สุดของสตรี นั่นก็คือเรือนร่างของสตรี เพื่อแลกมาซึ่งสิ่งที่ตน้า
หลิ่วจิ้งไม่เคยกล้าหวังว่านางจะรักษาตัวไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง หรือสามารถคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตน ในต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้ นางก็เหมือนล่องลอยอยู่กลางน้ำ หากไม่ถูกหั่วอี้ลิ้มรสเข้าสักวัน ก็จะถูกผู้อื่นชิงเอาไป
นับั้แ่วันแรกที่นางได้พบกับกษัตริย์แห่งชางอี้และถูกนำไปเป็ของกำนัลใหญ่แก่เหล่าทหาร นางก็รู้แล้วว่าชะตาของตนในแคว้นชางอี้นั้นต้องรัดทดเพียงใด
ด้วยเหตุนี้ หลิ่วจิ้งจึงรู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะมารักนวลสงวนตัว แค่เรือนร่างจะมีค่าใดมากมาย? สิ่งสำคัญคือนางต้องมีชีวิตต่อไป
คิดได้ดังนี้ หลิ่วจิ้งจึงอาศัยจังหวะที่หั่วอี้โอบเอวนางอีกครั้ง ซบหัวลงที่ไหล่ของเขาอย่างแเี
“ขอบคุณเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ” คำของคุณนี้หลิ่วจิ้งเอ่ยด้วยความยินยอมพร้อมใจนัก
ในขณะที่สวนดอกไม้หลังจวนยามนี้อบอวลไปด้วยความอบอุ่นหวานชื่น ฮูหยินในแต่ละเรือนกลับกำลังว้าวุ่นโกลาหลราวกับพายุฝนใกล้พัดผ่านอยู่นานแล้ว
“ฮูหยินเ้าคะ ท่านลดโทสะลงก่อน ดื่มน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายสักหน่อยเถิดเ้าค่ะ” จื่อเซียวค่อยๆ ประคองถ้วยน้ำแกงไก่ที่เพิ่งตุ๋นเสร็จจากในครัวด้วยความระมัดระวัง กำลังจะส่งให้อาหนู
“ดื่มๆๆ มีแต่เ้านั่นล่ะที่ยังมีแก่ใจจะดื่ม ไม่รู้หรือว่าจวนแม่ทัพกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงแล้ว? หากองค์หญิงต้าเว่ยได้เป็ฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพจริงๆ เช่นนั้นบุญวาสนาที่ข้าเคยมีมาตั้งหลายปี เรี่ยวแรงที่ลงไปตั้งมากมายก็มิใช่ว่าเสียเปล่าหรอกหรือ”
เมื่ออาหนูนึกถึงข่าวที่นางได้ยินมากับหูว่าท่านแม่ทัพจะใช้พิธีสมรสมาประกาศให้ทั่วหล้าได้รู้ว่าเขาแต่งตั้งให้องค์หญิงต้าเว่ยเป็ภรรยาตามกฎหมาย ใจนางก็อัดแน่นไปด้วยความร้อนรน
จื่อเซียวไม่เคยเห็นฮูหยินมีหน้าตาบิดเบี้ยวน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน จึงได้แต่ยืนนิ่งด้วยความใไม่กล้าพูดอะไรอีก
“เ้าว่ามาซิ ข้าไม่ดีที่ใด มีสิ่งใดด้อยว่าองค์หญิงต้าเว่ยนั่น เหตุใดท่านแม่ทัพจึงยินยอมยกฐานะให้แก่องค์หญิงที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงสองวัน แต่กลับมองไม่เห็นความทุ่มเทที่ข้ามีให้เขาตั้งหลายปี”
อาหนูพูดกับตนเองไปพลาง เดินพล่านทั่วห้องเป็แมลงวันไร้หัวไปพลาง เมื่อเดินมาตรงหน้าจื่อเซียวแล้วเห็นว่าทั้งที่ปกติจื่อเซียวเป็คนมือไม้คล่องแคล่ว แต่กลับเอาแต่ยืนโง่แข็งทื่อเป็ท่อนไม้อยู่ตรงนั้น แม้แต่คำพูดที่ถูกใจสักคำก็ยังไม่มี จึงมีเื่ให้โมโหโกรธาขึ้นมาอีกหลายเื่
นางยกมือขึ้นปัดถ้วยน้ำแกงที่จื่อเซียวถืออยู่จนตกลงพื้น
“เ้าพูดสิ ไม่มีหัวคิดจะช่วยเ้านายคลายทุกข์แม้แต่น้อย ข้าจะเลี้ยงเ้าไว้ทำสิ่งใด มิสู้เลี้ยงสุนัขยังพอจะทำให้ข้ามีความสุขเสียกว่า”
อาหนูตบหัวจื่อเซียวอย่างแรง ทำให้จื่อเซียวเซและถอยหลังไปหลายก้าว
จื่อเซียวรู้ว่ายามนี้อาหนูถูกความริษยาเข้าครอบงำจิตใจ หากนางตอบกลับไปไม่ถูกแม้คำเดียว ก็ไม่แน่ว่าอาจถูกเฉดหัวออกจากจวนเหมือนกับเป่าจุ้ยเอ๋อร์ แต่นางก็ต้องพูดอะไรสักอย่าง แม้จะเป็ความเห็นที่ไม่รู้ว่าจะได้รับผลลัพธ์อย่างไรก็ต้องพูด
“ฮูหยินเ้าคะ บ่าวเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้นานแล้วว่าเมื่อดูจากสภาพการณ์ในจวนยามนี้ อย่างไรเสียฮูหยินก็ควรจะร่วมมือกับองค์หญิงไว้ก่อนชั่วคราว นั่นเพราะปัญหาที่สำคัญที่สุดในเวลานี้หาใช่เื่ที่ท่านแม่ทัพจะแต่งงาน แต่หากทางฮูหยินใหญ่คลอดคุณชายน้อยออกมา นั่นจึงจะเป็สิ่งที่คุกคามฮูหยินมากที่สุดนะเ้าคะ”
คำพูดของจื่อเซียวเป็ดั่งกระบองที่เคาะลงบนหัวดัง ‘ตึง’ ให้อาหนูตื่นขึ้น นางหยุดเท้าที่กำลังเดินไปมา แล้วทรุดตัวนั่งลงบนเตียงอย่างโรยแรง
“เหตุใดข้าจึงลืมไปเสียได้ ในจวนยังมีตัวละครสำคัญเช่นนี้อยู่อีกตัวหนึ่ง” อาหนูมองไปทางเรือนของฮูหยินจ้าวที่อยู่ห่างออกไป
อาหนูเท้าคางใคร่ครวญ ใช่แล้ว หลายปีมานี้ท่านแม่ทัพพาสตรีกลับมาตั้งไม่รู้เท่าใดต่อเท่าใด ทั้งยังจัดให้สตรีเข้าไปปรนนิบัติในแต่ละคืน แต่หลายปีผ่านไปแล้วกลับยังไม่มีทายาทสักคน ไม่ว่าฮูหยินจ้าวจะคลอดบุตรมาเป็ชายหรือหญิง ก่อนจะมีทายาทคนใหม่ออกมา เกรงว่านางคงจะเป็จอมนางในจวนไปแล้ว
แม้นางจะคิดตกแล้วว่ายามนี้ฮูหยินจ้าวคือหอกข้างแคร่ที่ใหญ่ที่สุดที่ต้องจัดการ ซึ่งนางไม่มีวันยอมได้ และการที่ฮูหยินจ้าวตั้งครรภ์ก็นับเป็ความซวยของนาง แต่เื่ขององค์หญิงต้าเว่ยไม่เหมือนกัน องค์หญิงเพิ่งจะมาได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ท่านแม่ทัพกลับคิดจะยกฐานะให้ นี่ไม่เท่ากับเป็การตบหน้านางหรอกหรือ ต้องรู้เสียก่อนว่าครั้งองค์หญิงผู้นี้ยังไม่มา ท่านแม่ทัพเอาอกเอาใจนางประหนึ่งสมบัติล้ำค่าในมือทีเดียว
“ไม่ได้การ เห็นทีข้าต้องให้บทเรียนกับนังตัวยุ่งนั่นเสียหน่อย หาไม่แล้ววันหน้าข้ายังจะทนผู้คนที่รอดูเื่น่าขันในจวนแห่งนี้ได้อย่างไร”
อาหนูมิได้สนใจว่าจื่อเซียวจะได้ยินหรือไม่ นางพึมพำกับตนเองพลางเอ่ยความคิดในใจออกมา
จื่อเซียวได้ยินคำพูดของอาหนูก็ในัก ฮูหยินผู้นี้ถูกความริษยาบังตาและครอบงำจิตใจเสียแล้ว ยามนี้ใช่เวลาจะไปต่อสู้เอาเป็เอาตายกับองค์หญิงต้าเว่ยที่ใดกัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้องค์หญิงต้าเว่ยก็กำลังได้เปรียบและเป็ที่รักหลงของท่านแม่ทัพนักหนา
นี่เป็ครั้งแรกที่จื่อเซียวซึ่งเดิมทีเป็คนมีใจภักดีเกิดความคิดอยากเปลี่ยนนาย แต่นางก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมาให้เห็น
“ไป เ้าลองไปดูความเคลื่อนไหวทางฮูหยินใหญ่และฮูหยินผู้เฒ่าเสียหน่อย ดูก่อนว่าพวกนางได้ยินข่าวที่ท่านแม่ทัพจะแต่งงานแล้วมีท่าทีเช่นใดบ้าง”
อาหนูเลิกคิ้วพลางออกคำสั่งจื่อเซียว
จื่อเซียวกำลังรู้สึกว่าอยู่ในเรือนแล้วอึดอัดนัก ได้ยินอาหนูบอกให้นางไปหาข่าว ก็พอดีเป็ดังใจ เพราะนางคิดหาข้ออ้างออกไปข้างนอกอยู่นานแล้ว
“เ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะไปดูที่แต่ละเรือน”
จื่อเซียวตอบคำอาหนู ด้วยกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจจึงเร่งเดินออกนอกประตูไป
_____________________________