หลี่อิงฮว๋ากล่าวว่า “น้องสาว ซี่โครงหมูนึ่งแป้งและเนื้อหมูนึ่งแป้งที่เ้าทำอร่อยยิ่งนัก น่าเสียดายที่นายท่านเจียงไม่กินอาหารจานเนื้อ”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างเนิบช้า “วัตถุดิบหลักที่จะใช้ในคราวนี้ นอกจากข้าวสวยแล้วก็มีข้าวเหนียวด้วยเ้าค่ะ”
หลี่สือที่วุ่นอยู่กับการกินชะงักเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ข้าวเหนียวเป็ของที่ใช้ทำบ๊ะจ่างในเทศกาลตวนอู่ (เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง)”
หลี่หรูอี้พูดยิ้มๆ “ใช่แล้วเ้าค่ะ เป็ข้าวเหนียวที่ใช้ทำบ๊ะจ่าง”
หลี่สือกล่าวอย่างหนักแน่น “ปีนี้ไม่ได้กินบ๊ะจ่าง” อย่ามองเพียงว่าเขามีสติปัญญาด้อยเชียว หากเป็ของอร่อยที่เคยกินในบ้าน โดยเฉพาะอาหารเทศกาลต่างๆ เขาจะจำได้ดีเป็พิเศษ
เทศกาลตวนอู่ในปีนี้ เงินของครอบครัวหลี่นำไปให้หลี่หรูอี้รักษาตัวหมดแล้ว เพราะ่ก่อนหน้านั้นนางสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ไหนเลยจะมีเงินไปซื้อบ๊ะจ่างได้อีก
ความจริงไม่ใช่เพียงครอบครัวหลี่เท่านั้น อีกหลายครอบครัวในหมู่บ้านหลี่ก็ไม่สามารถกินบ๊ะจ่างได้ ต่อให้เป็ครอบครัวหวังไห่ที่ร่ำรวยที่สุดก็เช่นกัน เนื่องจากตอนนั้นยังไม่ได้แยกบ้านทำให้มีคนมากเกินไป เฟิงซื่อจึงไม่ซื้อบ๊ะจ่างเสียเลย
“ดูเหมือนจะไม่ได้กินบ๊ะจ่าง” หลี่ซานก้มหน้าลงด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เป็ดั่งเช่นที่ภรรยาและลูกๆ กล่าว เขาในเมื่อก่อนทำนาดูแลที่ดินตลอดปี ทว่ายังคงยากจนขนาดที่ว่าไม่สามารถซื้อบ๊ะจ่างในเทศกาลตวนอู่ที่มีเพียงปีละครั้งได้ ทั้งๆ ที่เป็เช่นนี้หลายวันมานี้เขายังคงดื้อรั้นอยากจะทำนา เห้อ... โชคดีที่ไม่กี่วันก่อนเขาถูกภรรยาโน้มน้าวจนคิดได้แล้ว
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ที่แท้ท่านอารองก็อยากกินบ๊ะจ่างนี่เอง ในบ้านมีข้าวเหนียวอยู่ แต่ไม่มีใบบ๊ะจ่าง เทศกาลตวนอู่ของปีหน้าข้าจะทำบ๊ะจ่างให้ท่านกิน ไม่ว่าจะเป็ไส้เนื้อหรือไส้ผักก็ได้ ท่านอยากกินเท่าใดก็กินได้เท่านั้น”
หลี่สือเบิกตากว้าง ถามว่า “จริงหรือ”
หลี่หรูอี้นึกไม่ถึงเลยว่า หลี่สือที่เป็คนภาคเหนือจะชอบกินบ๊ะจ่างที่เป็อาหารของทางใต้ถึงเพียงนี้ นางตอบยิ้มๆ ว่า “จริงเสียยิ่งกว่าจริงเ้าค่ะ”
หลี่ฝูคังกล่าวเสียงดัง “ข้าเองก็อยากกินบ๊ะจ่างในเทศกาลตวนอู่”
หลี่ิ่หานดวงตาเปล่งประกาย “น้องสาว ครอบครัวเราขายบ๊ะจ่างในเทศกาลตวนอู่ได้หรือไม่”
หลี่อิงฮว๋ากลับคิดแตกต่างจากน้องชายฝาแฝดของตนเอง “ในอำเภอและตำบลมีคนขายบ๊ะจ่างมากมายแล้ว ครอบครัวเราอย่าไปร่วมความครึกครื้นนั้นเลย”
หลี่หรูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง “บ๊ะจ่างต้องใช้เงินทุนสูง ยิ่งไปกว่านั้นเป็่ฤดูร้อนจะทำให้เสียได้ง่าย ครอบครัวเราจะไม่ขายบ๊ะจ่างเ้าค่ะ”
จ้าวซื่อเดินเข้ามาถามว่า “หรูอี้ เ้าจะใช้ข้าวเหนียวทำอาหารอะไรให้นายท่านเจียง”
เมื่อครู่หลี่หรูอี้เพิ่งคิดออก จึงตอบไปว่า “เค้กข้าวเหนียวเ้าค่ะ”
หลี่ซานรู้จักข้าวเหนียว แต่ไม่รู้จักเค้กข้าวเหนียว จึงถามไปว่า “มันคืออะไรหรือ”
หลี่หรูอี้เห็นว่าคนทั้งครอบครัวมีสายตาคาดหวัง ทุกคนต่างเป็นักชิมตัวยง ดั่งคำโบราณที่ว่า หากไม่ใช่พวกเดียวกันย่อมอยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ “ถึงตอนนั้นข้าทำออกมาแล้วจะให้พวกท่านลองชิมดู เช่นนี้ก็ทราบแล้วเ้าค่ะ”
หลี่สือยิ้มออกมา “เช่นนั้นข้าจะรอกิน”
อู่เอ้อร์ออกจากห้องโถงแล้วเดินไปที่ห้องครัวอย่างกระตือรือร้น กระซิบกับอู่อวี๋เหนียนและอู่ต้าว่า “คุณหนูคิดอาหารชนิดใหม่ออกมาได้อีกแล้ว”
อู่อวี๋เหนียนกำลังต้มน้ำร้อน เขาถามขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณหนูคิดออกมาได้อีกแล้วหรือ”
กระทั่งอู่ต้าที่มีนิสัยเงียบๆ ก็ยังอดถามอย่างตื่นเต้นไม่ได้ว่า “คุณหนูช่างฉลาดจริงๆ เ้ารีบพูดมาเถอะว่าคุณหนูคิดอาหารอะไรออกมาได้”
เมื่อครู่อู่เอ้อร์ไปที่ห้องโถงเพื่อนำโจ๊กข้าวโพดไปให้ครอบครัวหลี่ จึงได้ฟังมาบ้าง “เค้กข้าวเหนียวอันใดนั่นแหละ”
อู่อวี๋เหนียนพูดต่อ “ข้าวเหนียวแพงกว่าแป้งขาวและข้าวสวยเสียอีก เพราะเป็ของดี”
“ข้าวเหนียวมีรสชาติอย่างไร ข้ายังไม่เคยกินข้าวเหนียวมาก่อนเลย” อู่ต้าทำงานต่อไป ปากก็พูดว่า “เค้กข้าวเหนียวอันใดนั้นจะต้องอร่อยแน่นอน”
หลังจากที่จ้าวซื่อกินอาหารเสร็จแล้ว นางจางถึงจะกินได้ ครอบครัวอู่กินข้าวช้ากว่าครอบครัวหลี่
เย็นนี้ครอบครัวหลี่กินเต้าหู้แห้งผัดเนื้อ ครอบครัวอู่ก็ได้กินเช่นกัน แม้จะเป็เพียงจานเล็กๆ แต่ก็ทำให้ครอบครัวอู่รู้สึกซาบซึ้งแล้ว
“คุณชายทั้งสี่มีคุณหนูคอยวางแผนให้จนได้รับคำชี้แนะจากนายท่านจวี่เหริน ช่างมีชะตาชีวิตที่ดีจริงๆ”
อู่อวี๋เหนียนกล่าวว่า “พวกเราต้องเชื่อฟังคำสั่งของนายท่าน ฮูหยิน คุณหนู และคุณชายให้ดีๆ ทำงานไปให้ดี ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งคุณชายอาจจะสอบได้จนได้ตำแหน่งขุนนาง พวกเราก็จะมีชีวิตที่ดีตามไปด้วย”
นางจางคีบเนื้อชิ้นหนึ่งมาใส่ในถ้วยของอู่อวี๋เหนียน “ตอนนี้พวกเราก็มีชีวิตที่ดียิ่งแล้ว”
อู่อวี๋เหนียนมีท่าทางพึงพอใจเป็อย่างยิ่ง เขายิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว พวกเรารู้หนังสือกันหมดแล้ว”
อย่ามองเพียงว่าครอบครัวอู่เป็บ่าวไพร่เชียว สิ่งที่สวมใส่ สิ่งที่กิน สิ่งที่ใช้ แม้กระทั่งที่อยู่ก็ยังดีกว่าบางครอบครัวในหมู่บ้านหลี่เสียอีก โดยเฉพาะการเรียนรู้ตัวอักษร หากมองไปในหมู่บ้านหลี่จะพบว่า มีคนรู้อักษรไม่มาก
หลี่หรูอี้บอกว่า จะทำก็ทำจริงๆ ในบ้านมีข้าวเหนียวอยู่เล็กน้อย แต่มีไม่มากจึงต้องไปที่อำเภอ นอกจากจะซื้อข้าวเหนียวแล้วยังต้องซื้อวัตถุดิบในการทำเค้กข้าวเหนียวอีกด้วย
น้ำเชื่อมดอกกุ้ยฮวาที่นาง้าซื้อไม่มีขาย มีเพียงน้ำเชื่อมจากดอกบัว ดอกพุทราจีน และดอกฮว๋าย สุดท้ายจึงเลือกซื้อน้ำเชื่อมจากดอกบัวมา
ในเค้กข้าวเหนียวต้องผสมพุทราจีนด้วย นางใช้พุทราเนื้อทองที่มีแหล่งผลิตอยู่ในเมืองเยี่ยน
แกะเมล็ดของพุทราเนื้อทองออกมาแล้วนำไปแช่ในน้ำเชื่อมดอกบัว จากนั้นก็ใส่ลงไปในเค้กข้าวเหนียวแล้วนำไปนึ่ง
เค้กข้าวเหนียวรสพุทราเนื้อทอง มีกลิ่นหอมของดอกบัวจางๆ ทั้งรูป กลิ่น สี ล้วนดูน่ารับประทาน ยั่วน้ำลายผู้คนยิ่งนัก ครอบครัวหลี่ชิมดูแล้วก็พากันชื่นชม
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่มาเยือนจวนเจียงเป็ครั้งที่สอง คราวนี้นำเค้กข้าวเหนียวมาด้วย พวกเขามอบเค้กให้เจียงชิง อวิ๋น
หลี่เจี้ยนอันกล่าวอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย “ในบ้านไม่มีน้ำเชื่อมดอกกุ้ยฮวา จึงต้องใช้น้ำเชื่อมจากดอกบัวมาแทน ไม่ทราบว่าท่านชอบกินหรือไม่”
เจียงชิงอวิ๋นหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเค้กข้าวเหนียวชิ้นหนึ่งเข้าปาก ผ่านไปพักใหญ่ก็พยักหน้าพูดยิ้มๆ “กลิ่นของน้ำเชื่อมดอกบัวเป็กลิ่นหอมอ่อนๆ มีรสหวานไม่เลี่ยน รสชาติดีจริงๆ”
เด็กชายทั้งสี่แห่งบ้านหลี่พากันดีใจ
เจียงชิงอวิ๋นเดินเล่นอยู่ในจวน โดยมีเด็กชายทั้งสี่เดินเป็เพื่อนเช่นยามปกติ “นั่นเป็บ่อน้ำของจวนพวกเรา ปีหน้าเมื่อถึงต้นฤดูใบไม้ผลิก็จะปลูกดอกบัว ฤดูร้อนก็จะได้ชื่นชมดอกบัวแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเ้าก็พาหมอเทวดาน้อยมาด้วยเถิด”
เพียงไม่นานก็เข้าสู่เดือนสิบสองแล้ว ่กลางวันสั้นลง กลางคืนยาวขึ้น ลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือก็ยิ่งพัดแรง อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นะเื
เต้าหู้แห้งซึ่งเป็อาหารชนิดใหม่ของครอบครัวหลี่ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าเช่นเดียวกับฟองเต้าหู้ จากวันแรกที่ผลิตวันละยี่สิบชั่งก็ต้องเพิ่มมากขึ้น จนวันนี้ผลิตวันละร้อยห้าสิบชั่งแล้ว
ผู้ดูแลเหลาอาหารในอำเภอฉางผิงและอำเภอซั่งมาหาอีกครั้ง เพื่อสั่งจองเต้าหู้แห้งกับบ้านหลี่ ทั้งยังสั่งอาหารอื่นๆ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานอีกด้วย
ทางด้านหม่าซง ตัวของเขาอยู่ทางเหนือจึงได้ส่งผู้ดูแลมาซื้อของกับครอบครัวหลี่แทน ได้แก่ เต้าหู้ห้าพันชั่ง เต้าหู้แห้งหนึ่งพันชั่ง ฟองเต้าหู้หนึ่งพันชั่ง ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานสองพันชิ้น นี่เป็การค้าครั้งสุดท้ายของปีที่หม่าซงจะทำกับบ้านหลี่ จากนั้นก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของปีหน้าแล้ว
ใต้เท้าหลิวแห่งตำบลจินจี มาสั่งจองอาหารกับบ้านหลี่ั้แ่เช้า ได้แก่ ขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน เต้าหู้ และฟองเต้าหู้ ซึ่งคราวนี้ก็สั่งเต้าหู้แห้งเพิ่มไปด้วย
เพียงแค่ปริมาณการสั่งจองของสินค้าเหล่านี้ ก็ทำให้สองพี่น้องหลี่ซานและพ่อลูกอู่อวี๋เหนียนยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้นแล้ว ต้นเดือนสิบสองมีพ่อค้าจากสองเมือง ซึ่งเป็เมืองที่อยู่เลยเมืองเยี่ยนลงไป มาขอซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสหวานและเต้าหู้แห้ง หลี่หรูอี้อยากจะช่วย แต่ก็ช่วยไม่ไหว จึงได้จ้างคนงานหลายคนให้มาคอยย่างขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน
หลี่ซานเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้อยู่ในการคาดการณ์ของบุตรีสุดที่รัก ในใจก็รู้สึกมั่นใจขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่มีความคิดที่จะขายบ่าวไพร่ออกไปแล้ว
่กลางเดือนสิบสอง หมู่บ้านหลี่เริ่มเข้าสู่บรรยากาศของการเฉลิมฉลองปีใหม่
ชายตระกูลหวังที่ไปก่อเตียงเตาอยู่ด้านนอกหมุนเวียนกันกลับบ้านเพื่อมาเยี่ยมครอบครัว เดิมทีพวกเขาคิดว่าตนหาเงินได้มากแล้ว ผู้ใดจะทราบว่าสตรีและเด็กในบ้านจะอาศัยการขายเต้าหู้หาเงินมาได้เช่นกัน
การขายเต้าหู้ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเท่าการก่อเตียงเตา แต่ก็ได้เงินไม่น้อย ที่สำคัญที่สุดก็คือ สตรีและเด็กก็ทำได้
มีเงินมากมายเพียงนี้ สามารถนำไปใช้เฉลิมฉลองปีใหม่ได้อย่างหรูหรา นี่เป็เื่ที่เมื่อก่อนพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เนื้อหมู ปลา ขนม น้ำตาล ถั่วลิสง เมล็ดแตง พลุ ผ้า พวกเขาสามารถซื้อของกินและของใช้ที่ต้องใช้ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ได้แล้ว
เงินทองแดงไม่ทำให้พวกเขาต้องลำบากใจอีกแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าหากกลับบ้านเดิมของตนไปแล้วจะเสียหน้า ไม่ต้องกลัวว่าตอนที่พาลูกๆ ไปเดินตลาดแล้วลูกเห็นของกินแล้วจะซื้อไม่ได้
เื่ดีงามทุกสิ่งทุกอย่างนี้มาจากสองสามีภรรยาหวังไห่และครอบครัวหลี่มอบให้
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้