หวงจ้งซานมาร่วมงานเลี้ยงในวันต่อมาด้วยดวงตาดำคล้ำ สีหน้าอิดโรย
“เมื่อคืนไม่ได้นอน ยุ่งถึงตอนนี้” คดีไม่มีกระไรที่พูดไม่ได้ คนร้ายตายไปแล้ว หลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน สตรีสาวตระกูลร่ำรวยและเด็กๆ ครอบครัวขุนนางที่หายตัวไปล้วนอยู่ที่นั่น
หวงจ้งซานรู้สึกขอบคุณคนที่ช่วยแจ้งข่าว นี่เท่ากับยกผลงานใหญ่ให้เขาโดยแท้
เขารู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ช่วยแจ้งข่าวก็คือคนที่ฆ่าคนร้าย
ดังนั้นตอนที่รายงานให้ท่านผู้ว่าประจำจังหวัดทราบ เขาจึงรายงานไปว่าไล่ตามร่องรอยของโจรูเา คิดไม่ถึงว่าจะจับพลัดจับผลูไปเจอคดีใหญ่ที่ยังปิดไม่ลงพอดี
ตอนนั้นมีคนที่ถูกจับเป็ตัวประกันและสตรีสาวอยู่เยอะเกินไป เขาพากำลังพลมาไม่พอจึงแบ่งคนไปไล่ตามโจรูเาไม่ได้
ผู้ว่ารู้ว่าการไล่ตามโจรูเาตอนกลางคืนเป็เื่ยาก บวกกับของที่หวงจ้งซานยึดกลับมามีลงบัญชีแค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งที่เหลือส่งไปที่จวนชานเมืองของผู้ว่าเงียบๆ
สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็งานอย่างหวงจ้งซานแล้ว ผู้ว่าย่อมไม่กลั่นแกล้งให้เขาต้องลำบาก
สุดท้าย คดีนี้ก็ไม่ได้พูดถึงโจรูเา เพราะหากเอาโจรูเาออกมาอ้างแต่กลับจับตัวโจรไม่ได้ คำอธิบายเช่นนี้จะทำให้ผลงานดูไม่ดี บอกแค่ว่าหวงจ้งซานพาคนไปสืบหาร่องรอย จากนั้นวางกำลังพลอย่างรอบคอบ บุกทะลวงเข้าไปถึงรังศัตรู คนร้ายทำการขัดขืน ถูกพวกหวงจ้งซานสังหารในที่เกิดเหตุ
หวงจ้งซานเล่าอย่างระมัดระวัง ไม่ได้พูดถึงเื่ที่มีคนแจ้งข่าวและแอบลักลอบของกลางแม้แต่คำเดียว
“หวงต้าเกอ จอกนี้ข้าขอคำนับท่าน คนชั่วช้าโสมมพวกนั้นสมควรตายอย่างยิ่ง!” หลิวเฉียงยกจอกให้หวงจ้งซาน เจียงหงหย่วนยกจอกเช่นกัน
หวงจ้งซานพูดอย่างไม่มั่นใจนัก “แมวตาบอดไปเจอซากหนูตายก็เท่านั้น”
“นี่เป็เื่ดี ได้สั่งสมบุญ” เจียงหงหย่วนรินสุราให้หวงจ้งซานพร้อมกับคำนับเขาหนึ่งจอก
หวงจ้งซานดื่มแล้วไม่อยากคุยเื่นี้อีก เขาเปลี่ยนเื่คุย ถามหลิวเฉียงว่า “จริงสิ ได้ยินว่าเ้ามีธุระกับข้า ธุระกระไรหรือ?”
“ข้าอยากเปิดสำนักคุ้มภัย ดึงหลิวต้าเกอมาร่วมด้วย อยากถามหวงต้าเกอว่าอยากร่วมหุ้นด้วยหรือไม่”
“เปิดสำนักคุ้มภัยก็ได้อยู่ หากเป็ธุรกิจอื่นข้าคงต้องลังเลเพราะไม่มีความเข้าใจ แต่ข้าเข้าใจสำนักคุ้มภัยเป็อย่างดีและพอจะรู้จักคนอยู่บ้าง หากพวกเราเปิดสำนักคุ้มภัยก็น่าจะไปได้” การค้นบ้านสวี่รอบนี้ทำให้เขาและลูกน้องที่พาไปด้วยกันได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย
ค้นออกมาได้เท่าไรล้วนขึ้นอยู่กับพวกเขา แบ่งไปติดสินบนผู้ว่าหนึ่งส่วน ผู้ว่าจะได้ไม่จริงจังถึงขั้นให้พวกเรารายงานตัวเลขที่แท้จริง
อีกอย่าง ที่ค้นไปคือบ้านชานเมืองของบ้านสวี่
ยังมีบ้านในเมืองที่ยังไม่ค้นอีก!
นี่ถือเป็งานสบาย หาเงินสักหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่ปัญหา
เขากำลังไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปเก็บที่ใดพอดี สำนักคุ้มภัยมาได้ถูกจังหวะยิ่งนัก
“หมื่นตำลึงพอหรือไม่?” หวงจ้งซานถาม
เจียงหงหย่วน “หวงต้าเกอปรึกษากับหลิวต้าเกอมาแล้วใช่หรือไม่?” เสนอว่าจะออกเงินหมื่นตำลึงเหมือนกัน
หวงจ้งซานไม่เข้าใจ หลิวเฉียงหัวเราะว่า “เมื่อวานข้าก็ถามน้องเจียงเช่นนี้เช่นกัน”
“เช่นนั้นพวกเราสองคนออกกันคนละหมื่น!” หวงจ้งซานหัวเราะ
เจียงหงหย่วน “เอาเช่นนี้ ต้าเกอทั้งสองออกกันคนละหมื่น ข้าออกสองหมื่น ข้าถือหุ้นสี่ส่วน ต้าเกอทั้งสองถือหุ้นคนละสามส่วนดีหรือไม่? หากเงินไม่พอ พวกเราค่อยหามาเพิ่ม ข้าคิดว่า…สี่หมื่นตำลึงน่าจะพอให้เปิดสำนักคุ้มภัยได้อยู่”
ทั้งสองคนได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็ผงะ นึกถึงตอนที่เจียงหงหย่วนช่วยชีวิตพวกตัวเอง ตอนนั้นเขายังยากจนข้นแค้นอยู่เลย ทว่าภายในไม่กี่เดือน อีกฝ่ายกลับจ่ายเงินสองหมื่นตำลึงได้
นี่มันอัจฉริยะ!
หวงจ้งซานคิดว่าเงินสองหมื่นตำลึงของเจียงหงหย่วนน่าจะมาจากทางบ่อนครึ่งหนึ่ง เขารู้ว่าเบื้องบนให้รางวัลมาห้าพันตำลึง รู้เื่ที่บ้านเจียงทำธุรกิจขายเนื้อพะโล้ร่วมกับเหลียงหู่เช่นกัน ร้านขายพะโล้ขยายกิจการมาถึงหัวเมืองแล้ว เขาเคยไปซื้อมากิน รสชาติดีมาก ทั้งยังขายดี น่าจะได้ส่วนแบ่งมาไม่น้อย
เขารู้กลโกงภายในบ่อนเช่นกัน ขอแค่มีไหวพริบ รู้จักใช้สมอง เช่นนั้นการจะหาเงินก็ง่ายนิดเดียว
ส่วนอีกหมื่นตำลึงมาจากที่ใดนั้น หวงจ้งซานไม่คิดจะถาม คนที่มีความสามารถย่อมรู้จักคว้าโอกาส จากนั้นโผบินสู่ท้องนภาในสักวันหนึ่ง
เขารู้สึกว่าเจียงหงหย่วนเป็คนเช่นนี้ ตอนนี้…เขาอยากผูกมิตรกับเจียงหงหย่วนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่เลวเลยนี่ มั่งคั่งไม่เบาเลยนี่! แต่ว่าผู้ใดออกเงินแค่ไหนก็ถือหุ้นแค่นั้นเป็พอ ข้าออกหนึ่งหมื่น เช่นนั้นก็ถือหุ้นสองส่วนครึ่ง” หลิวเฉียงตบไหล่เจียงหงหย่วนพูด
หวงจ้งซานพูดเช่นกัน “เ้าถือหุ้นห้าส่วน ข้ากับเหล่าหลิวถือคนละสองส่วนครึ่ง ตกลงตามนี้ อีกสองสามวันเ้าค่อยมาหัวเมืองอีกรอบ พวกเรามาจัดการให้เรียบร้อย ข้ารู้มาว่ามีสำนักคุ้มภัยสองแห่งกำลังจะเปลี่ยนมือ ไว้ผ่าน่นี้ไปแล้วพวกเราไปจัดการด้วยกัน”
เจียงหงหย่วน “ขอรับ ที่หมู่บ้านเค่าซานยังมีเื่ต้องจัดการพอดี ไว้เลยวันที่สิบห้าไปแล้ว ข้ามอบหมายงานที่บ่อนให้เรียบร้อยก่อนจึงมาหาพวกท่าน คงต้องรบกวนหวงต้าเกอเื่สำนักคุ้มภัยแล้วขอรับ ส่งจดหมายไปบอกก่อน เลยวันที่สิบห้าแล้วพวกเราไปเจรจาด้วยกัน”
เื่นี้เป็อันตกลงอย่างราบรื่น หวงจ้งซานงานยุ่ง ทั้งสามไม่ได้คุยกระไรกันมาก ทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันไป
เจียงหงหย่วนไม่ได้กลับหมู่บ้านเค่าซานทันที แต่ไปซื้อผ้าแพรกับเครื่องประดับให้หลินหวั่นชิวจากร้านผ้าแพรและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในหัวเมืองก่อน
กลับมาถึงตำบลหลินสุ่ย เขาจ่ายเงินค่ารถม้า จัดการงานต่ออีกเล็กน้อยแล้วจึงขับรถม้าของร้านจัดหาแรงงานกลับหมู่บ้าน
กว่าจะถึงบ้าน ดวงดาราก็ดาษดาทั่วท้องนภาแล้ว
“หย่วนเกอ ทานกระไรมาหรือยัง ข้าต้มบะหมี่ให้ท่านกิน” หลินหวั่นชิวได้ยินเสียงเปิดประตูที่ลานชั้นนอกก็คลุมเสื้อผ้าออกมา รีบเดินเข้าไปรับเมื่อเห็นว่าเป็เจียงหงหย่วน
“อืม หิวแล้ว ข้าอยากกินเ้าต้มบะหมี่”
ข้าอยากกิน…
เ้า…
หลินหวั่นชิวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดกระไรไปก็ตอนเจียงหงหย่วนพูดเช่นนี้ มารดามันเถิด เจตนานางบริสุทธิ์มากนะ!
อยู่ไม่ได้แล้ว!
รอยยิ้มบนใบหน้านางจางหายไปทันที หันตัวเดินกลับเข้าห้อง
บุรุษผู้นี้เอาใหญ่แล้ว!
“ภรรยาจ๋า…” เจียงหงหย่วนไล่ตามมา โอบแขนรอบเอวนาง ซุกหน้าลงในซอกคอนาง หอบหายใจคำโตพร้อมกับพูดว่า “ข้าหิวแล้ว…อยากกินเ้าต้มบะหมี่”
หลินหวั่นชิวทำใจปล่อยให้เขาหิวไม่ไหว ถอนหายใจว่า “ปล่อย ข้าจะไปต้มที่ครัวให้” ชาตินี้นางไม่กล้าพูดคำว่า ‘ต้มบะหมี่’ แล้ว ต่อให้ตีตายก็ไม่พูด!
ให้ตาย ชาตินี้นางไม่มีหน้าไปเผชิญคำว่า ‘ต้มบะหมี่’ ได้อีกแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้