ลูกแก้วนี้เป็สมบัติที่มีการตอบสนองต่อทางเดินรูปัที่อยู่ในเรือัมหาสมุทรคำรน
เมื่อใดก็ตามที่มีคนปรากฏตัวบนทางเดินรูปั ลูกแก้วนี้ก็จะถูกกระตุ้นจนทำให้เหล่าผู้มีอำนาจในเผ่าัสนใจมันทันที
เดิมทีหลงโต้วไห่และหลงชาไม่ใช่ผู้ที่รับผิดชอบเฝ้าดูมันโดยตรง
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ หลงเยียนหรันได้ให้พวกเขามาดูแลเื่นี้ด้วยตนเอง โดยเหตุผลก็คือนางได้บอกความลับเื่ทางเดินรูปัให้หลิวหงเหยียน จักรพรรดินีแห่งแคว้นเป่ยสุ่ยรู้แล้ว และมันต้องทำให้หลัวเลี่ยมาที่นี่แน่ๆ
และพวกเขาทั้งสองคนก็กำลังรอหลัวเลี่ยอยู่ เพราะพวกเขารู้มานานแล้วว่าหลัวเลี่ยอยู่บนเรือัมหาสมุทรคำรนด้วย
“เ้าคิดว่าหากหลัวเลี่ยเข้าเผ่าัแล้ว องค์หญิงสามจะพ่ายแพ้ต่อเขาหรือไม่” หลงชาถามคำถามที่ทำให้ทุกคนใ
ใครๆ ก็รู้ว่าหลงเยียนหรันผู้เป็องค์หญิงสามแห่งเผ่าันั้นมีความทะนงตัว และไม่เคยแบ่งแยกหญิงชายเลย นางเพียงคิดถึงการขึ้นเป็เทพหรือการขึ้นเป็ผู้นำของเผ่าัเท่านั้น
หลงเยียนหรันเป็คนที่แข็งแกร่ง จนแม้แต่ราชันัทะเลแดนตะวันตกยังมาสู่ขอนางไปเป็ภรรยาต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่นางไม่ยอม แสดงให้เห็นว่าหลงเยียนหรันมองว่าชายหญิงล้วนเท่าเทียมกัน
หลงโต้วไห่ถอนหายใจและพูดว่า “พูดยาก”
“เ้าก็มองออกหรือ” หลงชายิ้ม
“เ้าพูดอะไร ข้าไม่ใช่คนโง่” หลงโต้วไห่กลอกตา “ทางเดินรูปัถูกปิดไว้เป็ความลับของเผ่าั เพื่อป้องกันการแทรกซึมจากผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติ ไม่ว่าคนที่เข้ามาถึงตรงนี้จะได้เข้าเผ่าัหรือไม่ แต่ความทรงจำของพวกเขาในนี้ก็จะถูกลบออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล และเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าเผ่าัของเรามีคนมากน้อยเพียงใด การที่องค์หญิงสามยินยอมเผยเื่นี้ให้หลิวหงเหยียนรู้ ก็แปลว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน”
“แม้ว่าหลิวหงเหยียนจะพิเศษ แต่นางก็ไม่มีผลประโยชน์ในเื่นี้ จึงไม่จำเป็ที่จะต้องเผยให้นางล่วงรู้ เว้นแต่ว่าการทำเช่นนี้จะมีจุดประสงค์แจ้งข่าวผ่านทางหลิวหงเหยียนไปให้หลัวเลี่ย และเป็การลดความยุ่งยากให้หลัวเลี่ย”
“แน่นอน เื่นี้ทำให้เห็นว่าองค์หญิงสามไม่ได้มีใจให้หลัวเลี่ย แต่สนใจในความสามารถของเขา”
“เพื่อคนนอกอย่างข่งเยวี่ยเจินเพียงคนเดียว หลัวเลี่ยถึงขั้นกล้าก้าวล่วงอูอวิ๋นเซียน โดยทำการสังหารข่งเยวี่ยเจินถึงสองครั้ง องค์หญิงสามเคารพนับถือการทำเพื่อมิตรภาพเช่นนี้มาก นอกจากนี้หลัวเลี่ยและไก้อู๋ซวงยังแสดงความสัมพันธ์ของหยินหยางออกมา องค์หญิงสามจึงได้มอบโอกาสนี้ให้แก่เขา”
“แต่ถึงอย่างไรพระองค์ก็เป็ผู้หญิงคนหนึ่ง หากพระองค์ถูกหลัวเลี่ยเกี้ยวพาราสีจริงๆ ก็คงมีโอกาสที่จะสานสัมพันธ์ได้ น่าเสียดายที่หลัวเลี่ยคงไม่มีวันรู้เื่นี้ และจากที่ข้าเห็น หลัวเลี่ยไม่ใช่วีรบุรุษ เพราะผู้ที่เป็วีรบุรุษจะไม่ใจแคบเช่นนี้”
หลงชาครุ่นคิด “จริงๆ แล้วข้าก็หวังว่าหลัวเลี่ยจะสามารถคว้าใจขององค์หญิงสามไว้ได้ เพราะหากเป็เช่นนั้นจริงก็หมายความว่าเขาจะเข้าเผ่าัอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าหลัวเลี่ยผู้นี้เป็คนที่จริงใจที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมาคนหนึ่งเลย”
หลงโต้วไห่คร่ำครวญเบาๆ “แม้ไม่ใช่วีรบุรุษแต่ก็ไร้เทียมทาน คำกล่าวที่บ่งบอกตัวตนของหลัวเลี่ยประโยคนี้ ว่ากันว่ามาจากคำบอกเล่าของบรรพชนลึกลับที่ได้ยินมาเมื่อตอนที่หลัวเลี่ยได้สื่อสารกับจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมไท่อี”
หัวใจของหลงชาเต้นแรงเมื่อได้ยินประโยคนี้
หลัวเลี่ยเดินไปตามทางเดินรูปัช้าๆ
เขาไม่รีบร้อนและปลดปล่อยการรับรู้จากประสาทััทั้งหกอย่างเต็มที่
มือซ้ายของหลัวเลี่ยจับเข้าที่กระบี่องค์ชายที่อยู่ข้างเอวด้านซ้าย จากนั้นสนับมือยุวราชที่เขาสวมอยู่ก็เปล่งแสงออกมาจางๆ แสดงให้เห็นว่าพลังวรยุทธ์ของหลัวเลี่ยได้หลั่งไหลเข้าไปยังสนับมือที่เขาสวมอยู่แล้ว และปลายผ้าคลุมวีรชนที่เขาสวมอยู่ด้านหลังก็พัดปลิวไปตามสายลม มันได้ทำหน้าที่ปกปิดพลังวรยุทธ์ของหลัวเลี่ยทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ความเยือกเย็นซึมลึกเข้าไปถึงจิตใจของหลัวเลี่ย ทำให้เขาสงบลง
หลัวเลี่ยนำสมบัติวิเศษทุกอย่างออกมาใช้งานยกเว้นอาชาเดือนดารัญ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ คือไม่มีอันตรายใดๆ ปรากฏออกมาเลย
ไม่มีการโจมตีใดๆ หลัวเลี่ยเพียงเดินไปตามทางเดินรูปัที่มีระยะทางกว่าพันจั้ง เขาค่อยๆ ก้าวเข้าใกล้ห้วงมิติมากขึ้น
แล้วหลัวเลี่ยก็ตระหนักได้ว่า ทางเดินรูปัที่เขาเดินมานั้นเป็ทางเดินยาวรูปร่างหน้าตาเหมือนกันตลอดทั้งเส้น และไม่มีจุดสิ้นสุด
ที่แท้เขาก็อยู่ในสถานที่ที่เป็บททดสอบแล้ว
ทุกสิ่งเป็ภาพลวงตา
ที่แห่งนี้มีทั้งสีสันหลากหลายตระการตา และัที่กำลังบินอยู่รอบๆ ัแต่ละตัวล้วนมีลักษณะพิเศษซึ่งไม่ได้พบเจอโดยทั่วไป บรรยากาศรอบๆ ก็ค่อนข้างพิเศษ แตกต่างจากบรรยากาศข้างนอกลิบลับ นี่คงเป็กลิ่นอายของั
กลิ่นอายันี้สามารถปลุกพลังสายเืเผ่าัได้
หากเป็ผู้มีสายเืเผ่าัที่พลังยังไม่ตื่นขึ้น แล้วได้ซึมซับกลิ่นอายัจากที่นี่ คงจะโดนปลุกพลังแห่งสายเืเผ่าัขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่ากลิ่นอายของัหมายถึงศักดิ์ศรีของัที่น่าเกรงขาม
กลิ่นอายัที่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีสายเืแห่งเผ่าัมากนัก แต่กลับส่งผลกระทบต่อหลัวเลี่ยที่ไม่มีสายเืแห่งเผ่าัเป็อย่างมาก ด้วยเหตุนี้หลัวเลี่ยจึงใช้วิชาเต๋านับอนันต์ทันที
เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์นี้ ในฐานะที่เป็เคล็ดวิชาอันดับหนึ่งของพลังในระดับหยินหยาง ระดับแก่น์ และระดับวังชะตานั้น ได้ทำให้หลัวเลี่ยรู้สึกดีขึ้นจากความไม่สบายตัวเพราะกลิ่นอายัได้อย่างรวดเร็ว แล้วหลังจากนั้นพื้นที่ที่เขาอยู่ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
หลัวเลี่ยมองไปรอบๆ กาย
เขาเห็นกลองใบหนึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าตนเอง
กลองใบนี้อยู่บนขาตั้ง ขาตั้งของมันทำมาจากกระดูกัสีทอง บริเวณข้างๆ กลองมีป้ายแนะนำเกี่ยวกับกลองใบนี้อยู่
กลองใบนี้เรียกว่ากลองจู่หลง
ภายในของกลองจู่หลงได้บรรจุสุดยอดพลังแห่งเผ่าัไว้ ซึ่งแก่นพลังนี้เป็แก่นพลังของัระดับเทพ
แก่นพลังของเทพั คือสิ่งที่จะทำให้คนธรรมดาในเผ่าักลายเป็ัแท้ยอดฝีมือระดับสูงได้
นอกจากแก่นพลังแห่งเทพัแล้ว ยังมีพลังจากบรรพชนัที่ทำให้กลองจู่หลงใบนี้มีความพิเศษมากขึ้น จนทำให้คนที่มีสายเืแห่งเผ่าัธรรมดาๆ กลายเป็สายเืที่สูงส่งขึ้นมาได้ ดังนั้นกลองจู่หลงใบนี้จึงมีความไม่ธรรมดาอย่างมาก
ทว่ากลองจู่หลงใบนี้ยังมีข้อจำกัดหลายสิ่ง ส่วนมากมันจะตอบสนองดีต่อผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี และยิ่งมีอายุมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งพบปัญหามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วมันจึงจะคัดเลือกเฉพาะผู้ที่เป็วัยหนุ่มสาวมาทำการทดสอบเท่านั้น
หลัวเลี่ยเดินมาถึงด้านหน้ากลองจู่หลงแล้ว
กลิ่นอายัที่เขามองไม่เห็นนั้นมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น จนทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงต้องโคจรพลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังจากเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์อีกครั้ง
หลัวเลี่ยเอื้อมมือไปหยิบไม้ตีกลองสีทองอันหนึ่งบนขาตั้งกลอง
หากอยากจะตีกลองจู่หลงก็จำเป็ที่จะต้องใช้ไม้ตีกลองนี้ เพราะไม้ตีกลองอันนี้ทำมาจากกระดูกัเช่นกัน ทำให้มันสามารถตอบสนองกับกลองจู่หลงได้ดี จนลดความยากในการตีกลองจู่หลงลงได้
แต่ทันทีที่หลัวเลี่ยจับไม้ตีกลอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ไม้ตีกลองอันนี้ไม่สามารถยกขึ้นมาได้
ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ไม้ตีกลองก็ไม่ขยับเลยสักนิด
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของหลงโต้วไห่และหลงชาที่อยู่ในวังั
พวกเขาทั้งสองชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างเงียบๆ
“ดูท่าว่าคนที่สนใจหลัวเลี่ยจะไม่ได้มีแค่พวกเรา แต่ยังมีพวกคนตัวเล็กๆ ที่สนใจของขวัญจากจักรพรรดิฟ้าแดนประจิมด้วย” หลงโต้วไห่กล่าว “เห็นได้ชัดว่าพวกเขากังวลว่าหลัวเลี่ยจะตีกลองจู่หลงได้มากกว่าเจ็ดครั้ง จนทำให้พวกเขาหมดโอกาสในการท้าประลองกับหลัวเลี่ย ดังนั้นพวกเขาจึงลงมือทำอะไรบางอย่างลงไป”
หลงชากล่าวว่า “บนไม้ตีกลองมีวิชาลับหยาดโลหิตัร่ายเอาไว้อยู่ ด้วยพลังในตอนนี้ของหลัวเลี่ย เขาไม่มีทางยกมันขึ้นได้แน่ และหากไม่มีไม้ตีกลอง ความยากในการตีกลองจู่หลงให้ดังก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็เท่าตัว นอกจากนี้หลัวเลี่ยยังไม่มีสายเืแห่งเผ่าัอีกด้วย ทำให้เดิมทีร่างกายของเขาก็ต้องทนต่อแรงกดดันของกลิ่นอายัที่เข้มข้น ด้วยเหตุนี้ความยากของหลัวเลี่ยในการตีกลองจู่หลงจึงเพิ่มมากขึ้นเป็สามเท่า”
หลงโต้วไห่กล่าวว่า “ในปีนั้นมีคนจากเผ่าัคนหนึ่งที่มีพลังอยู่ในระดับบรรพชน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่กดดันมากเท่าหลัวเลี่ย เขายังตีกลองได้เพียงแปดครั้ง แต่สำหรับหลัวเลี่ยที่มีความยากมากกว่าปกติถึงสามเท่านี้ ต่อให้เขาจะมีสถานะเป็เทพในอนาคต ก็เกรงว่าคงยากที่จะตีกลองได้ถึงเจ็ดครั้ง และเป็ไปไม่ได้เลยที่จะสามารถทำลายสถิติแปดครั้งลงได้ ช่างน่าเสียดายที่แม้ว่าองค์หญิงสามคิดจะช่วยหลัวเลี่ยแล้ว แต่นางก็ไม่อาจควบคุมคนหนุ่มสาวจำนวนมากของเผ่าัเอาไว้ได้”