“เล่ยเฟิง ตอนนี้คุณยังจะบอกว่าฉันจำคนผิดอยู่อีกไหมคะ?” หญิงสาวมองมาที่เขาแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจ ชื่อเรียกที่ออกมาจากปากของเธอทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย
“ก่อนที่จะเจอฉัน เธอเคยได้ยินชื่อเล่ยเฟิงมาก่อนไหม?” ใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยบึ้งตึงแล้วถามออกไปอย่างหงุดหงิด สายตาของเขาค่อยๆกวาดมองไปยังร่างของเธอที่ถือกระเป๋าใบหนึ่งไว้.......... สิ่งที่อยู่ในนั้นคืออมยิ้มของเขา..... ไม่ใช่! อมยิ้มของกั่วกัวต่างหาก!
ยังไงก็ตาม ต่อให้เขาพูดออกไปเป็ร้อยรอบก็คงแก้ตัวไม่ทันแล้ว
“เอ๋? ไม่นี่คะ......หรือว่าคุณจะเป็คนดัง?” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น
“.......” ในเมื่อไม่รู้แม้กระทั่งว่าเล่ยเฟิงเป็ใครแล้วยังจะกล้าออกมาจากบ้านอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงโดนลักพาตัวไปง่ายๆ....... เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาอย่างจริงจัง “จริงๆแล้ว ฉันไม่ใช่เล่ยเฟิง”
“อ๊า! ในที่สุดคุณก็พูดความจริงออกมาซักที ฉันรู้แล้วล่ะค่ะ คุณชื่อเย่เทียนเซี่ยใช่ไหมล่ะ!” รอยยิ้มของเธอเปลี่ยนเป็ความยินดีมากยิ่งขึ้น แต่สองมือที่กำแน่นอยู่ข้างตัวของเธอที่ขยับไปมาไม่หยุดแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นที่เธอได้มาเผชิญหน้ากับเย่เทียนเซี่ย
“แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ?” เย่เทียนเซี่ย
“ฉันชื่อซูเฟยเฟยค่ะ....... จำได้หรือยังคะ?” เมื่อได้ยินเขาถามขึ้นมาเธอก็รีบบอกชื่อของตัวเองออกไปทันที หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้แต่ตกอยู่ในความเงียบ แล้วซูเฟยเฟยก็พยายามเอ่ยปากถามออกไปเสียงเบา “คุณ......ชอบกินอมยิ้มขนาดนี้จริงๆเหรอคะ?”
สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยเปลี่ยนเป็มืดมนจนแทบจะมีสีเดียวกับคนแอฟริกาทันที ก่อนจะพูดออกมาอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ขั้นสุด “ไม่ ปกติฉันจะมาซื้อไปให้ลูกสาวของฉันกิน”
กั่วกัว........ เธอจงกลายเป็ลูกสาวจำเป็ของฉันซะดีๆ
“อ๋า? คุณมีลูกสาวแล้วเหรอคะ?” ซูเฟยเฟยอ้าปากค้าง บหน้าของเธอแสดงออกถึงความใ “แต่ว่า ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ที่วิลล่าหมายเลข 6 ของเขตเทียนหยวนคนเดียวชัดๆนี่นา”
ใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยยิ่งมืดมนลงไปอีก จากสีหน้าที่คล้ายคนแอฟริกาก็เปลี่ยนเป็คนป่าไปในทันที เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดออกไป “นี่เธอสืบเื่ของฉัน?”
“ก็คุณเป็ผู้ช่วยชีวิตฉันนี่คะ ฉันก็ต้องอยากเจอคุณอยู่แล้ว คุณพ่อของฉันก็อยากจะเจอคุณเพื่อกล่าวขอบคุณด้วยเหมือนกัน แล้วก็โชคดีที่........ เขตเทียนหยวนที่คุณอาศัยอยู่นั่นเป็กิจการของคุณพ่อ ดังนั้นการหาตัวคุณเลยไม่ใช่เื่ยากเลย แต่ฉันกลัวว่าจะเป็การรุกล้ำคุณมากเกินไป ดังนั้น...... ดังนั้นฉันก็เลยมารอคุณอยู่ที่นี่ไงคะ”
เด็กผู้หญิงมักปรารถนาจะลิ้มรสความโรแมนติกซักครั้ง อย่างเช่นการพบกันอย่างโรแมนติกแบบนี้
อีกทั้งวันนั้นเย่เทียนเซี่ยยังใช้ร่างกายหยุดะุที่พุ่งมาจากระยะห่างเพียงสิบก้าว แล้วยังปลิดชีวิตคนสี่คนภายในระยะเวลาสั้นๆอีก ซึ่งเธอก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอย่างใกล้ชิดด้วยตาของตัวเอง คนแบบนี้จะเป็คนธรรมดาแน่หรือ? ดังนั้นเมื่อเธอรู้ข้อมูลโดยละเอียดทั้งหมดของเขาที่พ่อของเธอขุดขึ้นมามันก็ทำให้เธอไม่กล้าไปรบกวนเขาด้วย คนที่มีพลังแบบนี้พ่อของเธอคิดเอาไว้เป็อย่างแรกเลยว่าเย่เทียนเซี่ยจะต้องเป็มนุษย์ต่างดาวแน่ๆ...... เขาจะต้องเป็คนประเภทที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกขั้นและไม่ใช่คนประเภทที่คนธรรมดาจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายหรือรบกวนได้
แต่ซูเฟยเฟยก็เป็แค่เด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุยี่สิบ เธอไม่อาจสงบจิตสงบใจ ระมัดระวังการกระทำและอดทนได้เหมือนกับพ่อของเธอ เธอจึงได้ใช้วิธีของตัวเองสร้างโอกาสที่จะได้เจอเขาอีกครั้งขึ้นมา หลังจากนั้น.........
“ห๊ะ? เธอจะมาตามหาฉันทำไม” เย่เทียนเซี่ยเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ภายในดวงตาของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความตื่นเต้นและความหลงใหลนั้น เขามองเห็นประกายดื้อรั้นที่แฝงอยู่ ดูเหมือนว่าเธอได้ทำการตัดสินใจบางอย่างที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ไปแล้วเมื่อพบกับเขา และเขาก็เริ่มรู้สึกว่าจากนี้ไปตัวเองคงจะถูกตามติดจากอะไรบางอย่างแน่นอน...... เขตเทียนหยวนที่เขาอยู่เป็กิจการของพ่อเธอ เฮ้อ...... นี่มันคงเป็ชะตาลิขิตอย่างนึงสินะ....... เดี่ยวก่อนนะ! เขตเทียนหยวน....... ธุรกิจของพ่อ...... พ่อของเธอ.........
หญิงสาวคนนี้คือคนสกุลซู!
ชิบหาย!!
เวลานั้นหัวใจของเย่เทียนเซี่ยตกไปอยู่ตาตุ่มจนเกือบจะร้องะโออกมา........ คนคนเดียวที่เขาคิดถึงตอนนี้ เป็ชื่อหนึ่งที่สั่นะเืไปทั่วทั้งเอเชีย ยิ่งในประเทศหัวเซี่ยยิ่งไม่มีใครไม่รู้จักเขา....... ซูลั่ว!
เขาคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศหัวเซี่ย....... เรียกได้ว่าทรัพย์สินที่ซูลั่วมีนั้นสามารถซื้อทวีปเอเชียได้ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว!
หญิงสาวที่มีชื่อว่าซูเฟยเฟย....... จริงๆแล้วเธอคือเด็กสาวจากครอบครัวที่มั่งคั่งเป็อันดับหนึ่งในหัวเซี่ย!?
จากที่ได้ยินมาภรรยาของซูลั่วถูกฆ่าตายภายใต้น้ำมือของศัตรูเมื่อเกือบสิบปีก่อน จากนั้นเขาก็ไม่เคยแต่งงานใหม่อีกเลยและเขาก็มีลูกสาวเพียงคนเดียวที่คอยอยู่ข้างกายเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็คนที่สุดยอดในทุกๆด้าน ทั้งด้านอำนาจ ชื่อเสียง ทรัพย์สินเงินทอง แต่เขาก็ได้ก้าวข้าม “ศพ” ไปมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาได้สะสมศัตรูเอาไว้เป็จำนวนมากนั่นเอง....... เพราะอย่างนั้นตัวของเขาเองและครอบครัวก็มักจะต้องพบเจอกับเื่อันตรายอยู่ตลอดเวลา ภายใต้เสื้อผ้าหรูหราสวยงามเ่าั้กลับต้องแบกรับแรงกดดันมากมายที่คนธรรมดาไม่มีวันเข้าใจ
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าคุณคือผู้ช่วยชีวิตของฉันน่ะ” ซูเฟยเฟยเผยรอยยิ้มน่ารัก ไม่ได้พยายามยุ่งย่ามกับปัญหาเื่อมยิ้มเ่าั้อีก
สายตาที่เย่เทียนเซี่ยมองซูเฟยเฟยในขณะนั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน เขาขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างไม่แยแส “แต่วันนั้นดูเหมือนว่าฉันจะลวนลามเธอไปอย่าง ‘ไม่ระวัง’ ดังนั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” เมื่อพูดจบเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วเดินออกไป....... แม้แต่อมยิ้มที่ซื้อมาอย่างยากลำบากเขาก็ไม่สนใจมันอีก
จริงๆสำหรับเย่เทียนเซี่ยแล้วถ้าเขาไม่ได้ลวนลามเธอโดยไม่ตั้งใจในวันนั้นจนกลายเป็เื่ราวร้ายแรงในชีวิตของเธอ เขาก็คงไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเื่ยุ่งยากอย่างการช่วยชีวิตเธอในเย็นวันนั้น
“คุณ.... คุณ.......ฮึ้ย!” เดิมทีแล้วเธอตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงเื่นี้ขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็คนพูดเื่นี้ขึ้นมาเองอย่างตรงไปตรงมาจนซูเฟยเฟยคาดไม่ถึง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็สีแดงระเรือ เธอมองเขาหมุนตัวเดินจากไปแล้วจึงรีบสาวเท้าตามเขาไปจนไปหยุดอยู่ข้างกายของเขา “คุณ..... หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้นะ! ห้ามไปไหนเด็กขาด!”
“อยากจะโวยวายเื่ที่ฉันลวนลามงั้นเหรอ?” เย่เทียนเซี่ยกระตุกยิ้มแปลกประหลาดมองไปทางหญิงสาวตรงหน้าเขา
“ฮึ้ย!” ซูเฟยเฟยไม่มีท่าทีโกรธเคือง เธอเม้มปากแน่นก่อนจะพูดออกมาด้วยประโยคที่เกือบทำให้เย่เทียนเซี่ยหน้าคว่ำ “ฉันอยากจะไปอยู่ที่บ้านของคุณ!”
“ท.....ทำไมล่ะ!?” หลังจากเงียบไปถึงสามวินาทีเย่เทียนเซี่ยก็พบว่าเสียงของเขามันสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ผู้หญิงสมัยนี้เขาเปิดเผยกันถึงขนาดนี้แล้วงั้นเหรอ? คอยตามจับผู้ชายตามซอยเปลี่ยวอย่างนี้เหรอ........... หรือว่าเสน่ห์ของเขามันจะล้นเหลือเกินห้ามใจ พอผู้หญิงอย่างเธอเห็นแล้วถึงได้ร่ำร้องอยากจะขึ้นเตียงนัก
“เพราะคุณลวนลามฉันยังไงล่ะ!”
“........เพราะฉันลวนลามเธอก็เลยอยากไปอยู่บ้านฉัน ถามจริงมันเกี่ยวกันไหม?” สมองของเย่เทียนเซี่ยเกิดความสับสน วิธีคิดของเด็กสาวที่ร่ำรวยเป็อันดับต้นๆของหัวเซี่ยนี่มันต่างจากคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ
“นั่นเพราะ..... เพราะ....” ใบหน้าของซูเฟยเฟยค่อยๆเปลี่ยนเป็สีแดง หลังจากนั้นเธอจึงรวบรวมความกล้าจ้องมองไปยังเย่เทียนเซี่ยด้วยแววตาดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยว “........เพราะั้แ่เกิดมาฉันยังไม่เคยถูกผู้ชายััมาก่อนเลย..... วันนั้นคุณ..... คุณต้องรับผิดชอบฉัน”
เย่เทียนเซี่ยอึ้งไป เขาเหลือบมองสีหน้าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ ภายใต้ความดื้อรั้นของเธอในตอนนี้มีความเขินอายแฝงมาด้วยโดยไม่ได้เสแสร้ง อีกทั้งยังไม่ปรากฏร่องรอยของความลังเลหรือไม่เป็ธรรมชาติใดๆเลย........ เธอกำลังบอกกับเขาว่าเธอคือสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งที่ไม่เคยแปดเปื้อนมาก่อน
ในการรับรู้ของเย่เทียนเซี่ยนั้น หญิงสาวที่เป็ลูกคนรวยจำนวนมากมักใช้ชีวิตอย่างหรูหราและเรื่อยเปื่อยมากกว่าคนธรรมดาเพราะไม่มีความกดดันในชีวิตและไม่มี่เวลาที่ต้องแสวงหาดิ้นรนเพื่อสิ่งใด เด็กผู้หญิงจากครอบครัวมั่งคั่งที่เติบโตมาในชีวิตแบบนี้ห่างไกลจากคำว่าบริสุทธิ์มากนัก
และซูเฟยเฟยก็เป็หญิงสาวที่ร่ำรวยมากจริงๆ เธอช่าง.........
แต่ในทางกลับกัน........
“นี่คุณหนูสกุลซู” เย่เทียนเซี่ยลูบจมูกไปมา ก่อนจะพูดออกไปด้วยสีหน้าแปลกๆ “นี่มันยุคไหนแล้ว...... เธอจะมาให้ฉันรับผิดชอบเธอเพียงเพราะว่าฉันดันไปโดนตัวเธอ โดย... ไม่... ตั้ง... ใจ... แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันจะไม่แต่งงานกับเธอแน่”
“นี่คุณ...... ฝันไปหรือเปล่า! ใครบอกว่าฉันจะ.......”
“อื้ม! ถูกแล้วๆ! งั้นที่เธอบอกว่าจะไปอยู่ที่บ้านฉันก็คงล้อเล่นสินะ งั้นก็ลาก่อน” เย่เทียนเซี่ยเหมือนได้รับการปลดปล่อย เขารีบหมุนตัวเดินกลับบ้านไปทันที