ในที่สุด ราตรีก็เข้าปกคลุมปฐี
โคมไฟแขวนเป็แนวยาวส่องให้ยามวิกาลของเมืองฉางอันสว่างไสวราวทิวากาล
ทิศประจิมของเมืองที่รุ่งโรจน์และยิ่งใหญ่มากที่สุดของแผ่นดินต้าเว่ยมีโรงเตี๊ยมที่หรูหราจนเข้าขั้นฟุ่มเฟือยอยู่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้ชื่อว่า หอหมู่ตัน
ที่นี่เป็สถานที่ที่ยอดเยี่ยม อย่างน้อยชายส่วนมากในเมืองฉางอันก็คิดเช่นนั้น
มีสุรารสชาติเลิศที่สุดของเมืองฉางอัน และมีหญิงที่งามละลานตา
หอนางโลมอันดับหนึ่งของเมือง
มันเป็จุดมุ่งหมายที่ชนชั้นสูงทั้งหลายแห่แหนเข้าไป เป็สถานที่ที่คุณชายและบัณฑิตทั้งหลายหลงใหลและมัวเมาไปกับมัน
ที่นี่มีลูกค้าล้นหลามเฉกเช่นทุกวัน เมื่ออยู่ ณ ที่แห่งนี้ ผู้คนต่างพร้อมใจถอดหน้ากากแห่งความสุภาพอ่อนโยนที่สวมมาตลอดวันทิ้งเสียแล้วเริ่มดื่มเหล้าเคล้านารี กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับโฉมงามภายใต้เครื่องสำอางจัดจ้าน
แม่เล้าของที่นี่มีอายุมากเต็มทีแล้ว
นางอยู่ในหอหมู่ตันมานานหลายปี หากพูดอีกอย่าง นางอยู่ที่นี่มาครึ่งชีวิต
เมื่อครั้งยังสาว นางไม่ต่างจากหญิงสาวที่ยิ้มแย้มสดใสในที่แห่งนี้ นางเคยแสดงกิริยายั่วยวนในอ้อมแขนของลูกค้าที่เดินทางมาเยือนหอหมู่ตันและใช้ชีวิตไปวันๆ เช่นนั้นมาก่อน
ทว่าเมื่อเริ่มมีอายุ ยามไร้รูปโฉมงดงามและไม่มีใครมาไถ่ตัวออกไปเสียที...
เดิมที นางควรจะถูกส่งไปใช้แรงงานเหมือนกับหญิงที่ไร้ลูกค้าแวะเวียนคนอื่นๆแต่โชคยังดีที่นางมีความประพฤติดีมาโดยตลอด ทั้งยังปากหวาน รู้จักพูดจักจา จึงได้รับเมตตาจากเ้านายให้มาเป็แม่เล้าดังทุกวันนี้แม้ไม่ใช่งานดีเลิศอะไร แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าหญิงคนอื่นๆ ที่แม้จะมีอายุมากก็ยังต้องใช้แรงงานแลกเงินประทังชีวิตไปวันๆ
“นี่... เสี่ยวหลาน ดูแลคุณชายจางให้ดีละ!” นางจัดหาหญิงมาคอยบริการลูกค้าคนหนึ่งด้วยรอยยิ้มยั่วยวนโดยก่อนจะจากไปก็ยังไม่ลืมส่งเสียงกำชับตามหลังไปด้วย
จากนั้นนางก็หมุนตัวกลับไปอีกทาง รอยยิ้มบนใบหน้ามลายไปในพริบตา นางทอดมองไปยังประตูห้องบนชั้นสองที่ปิดสนิทด้วยความเป็กังวล
นางลอบถอนใจหนักๆ ขึ้นในหัวใจั้แ่ท่านประมุขพาหรูเยี่ยนกลับมาจากงานเลี้ยง นางขังตัวเองอยู่แต่ในห้องมาโดยตลอดนี่เป็วันที่สิบแล้วที่นางไม่ยอมออกมาจากห้องแม้ก้าวเดียว แม้แต่อาหารยังต้องให้สาวใช้นำไปส่งให้ถึงห้อง
แม้ท่านประมุขจะไม่ได้ว่าอะไร ทั้งยังสั่งให้ดูแลนางเป็พิเศษอีก แต่จากสิ่งที่เห็นทำให้แม่เล้ารับรู้ได้ทันทีว่าคนที่นางรอคอยมาโดยตลอดทรยศต่อนางในที่สุด
เพราะเื่นี้ แม่เล่าทั้งก่นด่าและสาปแช่งชายผู้นั้นในใจมาโดยตลอด ถึงทำเช่นนั้นไปแต่มันจะมีความหมายอันใดเล่า?
นางเป็เพียงหญิงในหอคณิกา มีอาชีพเป็แม่เล้าที่ไม่ได้รับเกียรติใดๆเท่านั้น ลำพังแค่ออกไปซื้อของข้างนอก นางก็กลัวเสมอว่าจะมีใครพูดถึงอาชีพของนางนับประสาอะไรกับการไปฟ้องร้องเทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ยแทนหญิงโคมเขียวที่แสนต่ำต้อยเช่นนี้?หากทำเช่นนั้นจริง นางคงถูกเฆี่ยนตายก่อนที่หนังสือร้องเรียนจะถูกส่งไปที่ศาลประจำเมืองด้วยซ้ำ
คนอย่างพวกนาง จำเป็ต้องยอมรับในชะตากรรมของตนและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรศักดิ์ศรีให้ได้
นี่เป็สิ่งที่นางคิดได้หลังทำอาชีพนี้มานานหลายปี ซึ่งนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันถูกหรือเปล่าแต่อย่างน้อยนางมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เพราะหลักการนี้และการได้มีชีวิตอยู่นับเป็เื่ที่โชคดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยนางก็คิดแบบนั้น
เหตุนี้ นางจึงหวังว่าหรูเยี่ยนจะเข้าใจกฎข้อนี้เช่นกัน อย่างน้อยนั่นทำให้นางรักษาชีวิตต่อไปได้เพราะไม่ว่าอย่างไร หรูเยี่ยนก็เป็เด็กที่นางดูแลมาั้แ่ยังเล็ก และนางหวังว่าหรูเยี่ยนจะใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยตัวเอง
ตึก!ตึก!
เสียงบูตราคาแพงกระทบบนพื้นหินราคาแพงของหอหมู่ตันดังขึ้น
แค่ฟังเสียง แม่เล้ารับรู้ได้ทันทีว่าผู้มาเยือนต้องเป็บุคคลที่ร่ำรวยมากเป็แน่จึงหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางวาดประกายรอยยิ้มยั่วยวนขึ้นอีกครั้ง และหมุนตัวกลับไปต้อนรับลูกค้าทันที
“ท่านผู้นี้ ทำไมเพิ่งมาเอาตอนนี้ละ สาวๆ รอ...” ยังไม่ทันพูดจนจบประโยคจู่ๆ เสียงของแม่เล้าก็ชะงักลงกลางคัน
เพราะชายตรงหน้าเป็คนที่พิเศษมาก
เขามีร่างสูงโปร่ง ใบหน้าซีดเผือดทว่างามสง่าขณะที่ริมฝีปากกลับแดงฉ่ำราวถูกฉาบด้วยเืสดก็ไม่ปาน
ทว่าสิ่งที่ทำให้แม่เล้าทึ่งที่สุด คือคนตรงหน้ากำลังอยู่ในชุดสีขาวเสียนี่
ชุดคลุมยาวสีขาว รองเท้าบูตสีขาว และกวานประดับผมสีขาว
การแต่งกายของเขา ดูไม่เหมือนกับผู้ที่้าดื่มเหล้าเคล้านารีสักเท่าไหร่กลับกัน ดูเหมือนเขาจะมาร่วมงานศพเสียมากกว่า
ชายผู้นั้นไม่สนใจแม่เล้าแม้แต่น้อยเขาเดินตรงไปนั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ตัว ซึ่งยังว่างอยู่อย่างไม่สนใจใคร
แม่เล้ารีบเดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มอย่างที่เคยทำเป็ประจำทันทีที่ได้สติกลับมา“ท่านลูกค้า เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกใช่ไหมเ้าคะ โปรดนั่งรอสักครู่ข้าจะไปเรียกสาวๆ มาดูแลท่านเดี๋ยวนี้”
ไม่ว่าลูกค้าจะดูแปลกเพียงไร ขอแค่เขาคนนั้นยอมควักเงินจ่าย ไม่ว่าใคร นางก็ปรนนิบัติราวกับพระาาทั้งนั้น
นี่เป็กฎเหล็กของหอหมู่ตัน และเป็กฎที่หลงเซี่ยงจวินบอกกับคนรับใช้และทุกคนในหอหมู่ตันอยู่เสมอ แม่เล้าก็ปฏิบัติตามกฎข้อนี้อย่างเคร่งครัดมาหลายสิบปีครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ไม่ต้อง” ชายผู้นั้นโบกมือ “ข้าอยากพบหรูเยี่ยน”
“หรูเยี่ยนหรือเ้าคะ? ตอนนี้นาง...”เพิ่งพูดไปได้แค่ครึ่ง แม่เล้ากลับหยุดชะงักลง ด้วยรูปโฉมและอายุของหรูเยี่ยนในตอนนี้เป็เวลานานมากแล้วที่ไม่มีลูกค้าเรียกนางไปบริการแบบเจาะจงเช่นนี้ เหตุนี้หลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม่เล้าจึงพูดขึ้นในที่สุด “ตายแล้ว น่าเสียดายเหลือเกินวันนี้แม่นางหรูเยี่ยนไม่สบาย เกรงว่า...”
“ข้าบอกแล้ว ว่าข้าจะเจอหรูเยี่ยน” เสียงของชายผู้นั้นฟังดูราบเรียบเหลือเกินไม่มีทั้งความทุกข์หรือสุขแฝงอยู่แม้แต่น้อย เพียงเต็มไปด้วยความเย็นะเื ชายผู้นั้นพูดขัดประโยคของแม่เล้าก่อนที่นางจะได้พูดจนจบจากนั้นหันไปอีกทาง หยิบเงินออกจากหน้าอกวางลงบนโต๊ะ
แม่เล้าชะงักไปอีกครั้ง หาใช่เพราะเงินมูลค่ามากตรงหน้าแต่เป็เพราะจู่ๆ นางก็คุ้นหน้าชายตรงหน้าเหลือเกินราวกับว่าตนเคยเจอคนผู้นี้ที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออกเสียทีว่าเขาเป็ใครกันแน่
นางลำบากใจมากขึ้นเรื่อยๆ ดูก็รู้ว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คนที่ควรมีเื่ด้วยทางด้านหรูเยี่ยน รู้ๆ อยู่ว่าตอนนี้นางมีสภาพเช่นไร นางกลัวว่าหรูเยี่ยนจะปรนนิบัติไม่ดีจนทำให้ชายผู้นี้โมโหขึ้นมา หากเป็เช่นนั้น หรูเยี่ยนต้องเดือดร้อนแน่ ซึ่งนางไม่้าให้เป็เช่นนั้นแต่ชายตรงหน้าก็สั่งอย่างเด็ดขาดว่าจะเจอหรูเยี่ยนให้ได้และดูเหมือนเขาจะไม่ยอมประนีประนอม หรือฟังเหตุผลใดใด เสียด้วย แต่ในขณะที่นางกำลังนึกลังเลอยู่นั้นเองพลันเสียงที่อ่อนโยนเกินจะเป็เสียงจากชายชาตรีก็ดังขึ้น
“อ้าว แขกพิเศษนี่”ชายเ้าของรูปโฉมงามสง่าเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าพร้อมพัดคู่ใจเขาเดินตรงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าชายชุดขาว แล้วกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม“นี่มันแม่ทัพเป่ย เทพนักรบ ัคำรามแห่งแผ่นดินต้าเว่ยไม่ใช่รึ? เหตุใดวันนี้ถึงมาหาความสุขที่หอคณิกาของข้าได้เล่า? ”
คำพูดของหลงเซี่ยงจวินทำให้แม่เล้าสะดุ้งเฮือก นางปรายตามองชายในชุดขาวอีกครั้งอย่างลืมตัว
เป่ยทงเสวียน!
ในที่สุดเขาก็มาเสียที ชายตรงหน้าคือเป่ยทงเสวียนสินะ
ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความร่าเริงสดใสเมื่อสิบปีก่อน บัดนี้กลายเป็ชายมือเปื้อนเืไปเสียแล้วรอบตัวเขาเต็มไปด้วยไอเย็นราวเพชฌฆาต ทั้งที่เป็คนๆ เดียวกันแต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในตอนแรก แม่เล้าจำเขาไม่ได้ จนเมื่อหลงเซี่ยงจวินเอ่ยชื่อของเขาออกมานางจึงนึกขึ้นได้ในที่สุด
เป่ยทงเสวียนทำราวมองไม่เห็นหลงเซี่ยงจวิน เขายกกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้น รินน้ำชาให้ตัวเองอย่างใจเย็นจากนั้นจึงยกแก้วขึ้นมาจิบคำเล็กๆ และเอ่ยย้ำอีกครั้ง “พานางมาพบข้า”
“นาง?นางคนไหน? ” หลงเซี่ยงจวินทำท่าราวไม่เข้าใจ เขาเบิกตากว้าง แล้วเผยอปากออกเล็กน้อย“หอหมู่ตันของข้ามีผู้หญิงมากเป็ร้อยๆ คน ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพอยากเจอนางคนไหนรึ?”
เขาจงใจพูดด้วยเสียงที่แหลมและดังเป็พิเศษ เพื่อส่งคำพูด รวมไปถึงความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคไปสู่ทุกคนในหออย่างชัดเจน
ผู้คนในหอแห่งนี้ล้วนมีฐานะและอำนาจกันทั้งสิ้น บางคนมีโอกาสได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงคืนนั้นด้วยตาของตัวเองเสียด้วยซ้ำ
เหตุนี้ เมื่อพวกเขาได้รู้ฐานะที่แท้จริงของผู้มาใหม่คนส่วนมากก็พอจะเดาได้แล้วว่าเขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด คนทั้งหลายต่างวางแก้วสุราลงบนโต๊ะหันมามองทางเป่ยทงเสวียนแทน
หอหมู่ตันเงียบสงัดลงในพริบตา
แม้ใบหน้าของเป่ยทงเสวียนจะนิ่งเรียบและเยือกเย็นราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เส้นเืที่แขนข้างที่ถือแก้วน้ำชา ซึ่งปรากฎขึ้นเป็ระยะๆ ก็แสดงให้เห็นว่าหัวใจของเขาไม่ได้สงบเหมือนภายนอก
“หรูเยี่ยน” ในที่สุดเขาก็เค้นชื่อนั้นออกมาจากลำคอจนได้
“หรูเยี่ยน? ใครคือหรูเยี่ยนนะ? ขอข้าคิดสักครู่”หลงเซี่ยงจวินเก็บพัดคู่ใจ จากนั้นก็เคาะมันลงที่หัวของตนเบาๆราวกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจังอย่างไรอย่างนั้น ราวกับลืมไปแล้วจริงๆ ว่าพาแม่นางคนไหนไปร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
แต่เขาก็ประมาณเวลาได้ดียิ่งนักเพราะวินาทีที่เป่ยทงเสวียนเริ่มขมวดคิ้ว เขาใช้มือตบไปที่หน้าผากของตัวเองเบาๆแล้วทำท่าราวเพิ่งนึกขึ้นได้ในที่สุด
เขาขยับเข้าไปใกล้เป่ยทงเสวียน หรี่ตาเล็กจนกลายเป็เส้นตรง มองไปยังอีกฝ่ายพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คิดออกแล้ว นังคนชั้นต่ำที่กระจายข่าวไปเรื่อยจนทำให้ชื่อเสียงของแม่ทัพได้รับความเสียหายใช่ไหม? ”
หลงเซี่ยงจวินจงใจเน้นเสียงคำว่าคนชั้นต่ำเป็พิเศษและวินาทีที่เขาพูดคำนั้นออกไป สีหน้าที่เคยเย็นะเืของเป่ยทงเสวียนพลันเปลี่ยนไปแต่เพียงไม่นานก็กลับมาสงบดังเดิม เป่ยทงเสวียนล้วงเข้าไปในอกเสื้อแล้วหยิบเงินก้อนหนักๆ ออกมาหลายก้อน เมื่อวางเงินลงบนโต๊ะเป็ที่เรียบร้อยเป่ยทงเสวียนจึงถามขึ้นอีกครั้งด้วยสายตาเย็นะเื “เป็อะไรไป? หอหมู่ตันเลิกทำการค้าแล้วรึ? ”
หลงเซี่ยงจวินชะงักไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเป่ยทงเสวียนจะสงบนิ่งได้เพียงนี้เขาจึงพุ่งความสนใจไปที่เงินบนโต๊ะแทน หลงเซี่ยงจวินหยิบเงินก้อนขึ้นจากโต๊ะเบื้องหน้าชั่งน้ำหนักด้วยฝ่ามืออยู่ครู่หนึ่ง
“ทำสิ ทำไมจะไม่ทำเล่า แต่แม่ทัพเป่ยใจป้ำเสียจริงด้วยค่าตัวของหรูเยี่ยนในตอนนี้ เงินนี่สามารถเหมานางได้นานมากกว่าครึ่งปีแล้ว! ” พอพูดจบเขาก็หันไปมองแม่เล้าที่มีอาการอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะเบะปาก แล้วพูดขึ้นดังนี้ “ไป...ไปเรียกหรูเยี่ยนมาเสีย”
แม่เล้ายังไม่ยอมขยับ นางลังเลเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ เป่ยทงเสวียนผิดต่อหรูเยี่ยนมามากพอแล้ว แต่มาตอนนี้ จู่ๆเขาก็มาหา แล้วบอกว่าจะเจอนางให้ได้ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา นางไม่เชื่อว่าเป่ยทงเทวียนจะเปลี่ยนใจกลับมารักหรูเยี่ยนจึงพอเดาได้ว่าเื่นี้ต้องไม่ดีต่อหรูเยี่ยนแน่
ร่างค่อมๆ ของนางเริ่มสั่นะเืขึ้น นี่เป็ครั้งแรกในชีวิตเลยที่นางคิดจะต่อต้านคำสั่งของหลงเซี่ยงจวิน
“ท่านประมุข... แม่นางหรูเยี่ยนไม่สบาย... เกรงว่า...”แม่เล้าพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทั้งยังขาดห้วง แต่ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป
“เป็อะไรไป? ต้องให้ข้าไปเรียกเองหรืออย่างไร? ”แน่นอนหลงเซี่ยงจวินไม่มีทางเปลี่ยนใจเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของแม่เล้าผู้แสนต่ำต้อยแน่นอนเขาหรี่ตาเล็ก พลางมองไปที่แม่เล้า ก่อนไอเย็นจะกระจายไปครอบคลุมร่างของแม่เล้าคนเดิมเอาไว้ในพริบตา
ความเย็นะเืที่ได้รับ ทำเอาแม่เล้าสูงวัยรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นเพราะความหนาวเหน็บหลายปีมานี้ ดูเหมือนความหวาดกลัวจะมีมากที่สุดในบรรดาความรู้สึกทั้งหมดที่นางมีต่อท่านประมุขอย่างสิ้นเชิง
“เ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงต่ำ ขานรับ โค้งให้ และเดินออกไปอย่างเชื่องช้าในที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้