หลิงมู่เอ๋อร์หน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปที่ทุกคน นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยความคิดที่อยู่ในใจออกมา "เหลาอาหารถูกไฟไหม้แล้ว ข้า้าย้ายไปเมืองหลวงเ้าค่ะ แม้ว่าที่นี่จะดี แต่อย่างไรก็ถือว่าเล็กไปหน่อย ข้า้าให้พวกอวี้เอ๋อร์และเสี่ยวหู่ได้ออกไปััโลกกว้างกว่านี้ ให้พวกเขาเล่าเรียนในสำนักศึกษาที่ดีกว่านี้ นอกจากนี้ก็เป็ความเห็นแก่ตัวของข้า ข้าอยากให้คนอีกมากมายได้เห็นประจักษ์กับวิชาแพทย์ของข้า เมืองหลวงเป็สถานที่ที่เจริญที่สุดของแว่นแคว้น ที่นั่นเป็ที่รวมตัวของคนทุกพื้นที่ อยู่ที่นั่นข้าสามารถแสดงความสามารถของข้าออกมาได้อย่างเต็มที่”
ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ในราชสมัยใด เมืองหลวงก็ยังคงเป็สถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดตลอดมา นางไม่อาจอาศัยอยู่ในตำบลเล็กๆ แห่งนี้ตลอดไปได้ ตอนนี้ร้านอาหารก็ถูกไฟไหม้แล้ว ประจวบเหมาะเป็โอกาสเดียวที่จะทำให้คนในครอบครัวเข้าใจแผนการในอนาคตของนาง ถ้าพวกเขายินยอม นางจะรีบตระเตรียมเื่การไปเมืองหลวงในทันที ถ้าพวกเขาไม่ยินยอม นางก็จะให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อ
ทว่านางจะต้องเข้าเมืองหลวงอย่างแน่นอน อย่างหนึ่งคือรับปากกับซูเช่อไว้แล้ว อีกอย่างนางเองก็อยากไปเมืองหลวงเช่นกัน เมืองหลวงยังเป็ที่ที่รวมแพทย์ที่มีฝีมือดีที่สุดของแคว้นเอาไว้
ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา ในที่สุดเป็หลิงต้าจื้อที่ตัดสินใจ "เช่นนั้นก็ไปเมืองหลวง พวกเราคงต้องพึ่งบารมีของมู่เอ๋อร์แล้ว ไปเมืองหลวงเพื่อเปิดหูเปิดตาสักหน่อย"
"น่าเสียดายร้านของพวกเรา ถ้าไม่ถูกไฟไหม้ยังสามารถขายได้เงินก้อนหนึ่ง" หยางซื่อกล่าวอย่างปวดใจ "โชคดีที่เงินที่หามาได้ก่อนหน้านี้ล้วนมอบให้กับมู่เอ๋อร์ไปแล้ว และมู่เอ๋อร์ก็พกติดตัวไว้ มิฉะนั้นครอบครัวขนาดใหญ่ของพวกเราจะทำอย่างไร?"
“ท่านแม่ ท่านวางใจได้ ข้าจะไม่ยอมให้พวกท่านลำบากอีกแล้วเ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์จับมือหยางซื่อ พร้อมพิงตัวในอ้อมแขนของนางพลางกล่าว
เป็เื่ยากที่หยางซื่อจะเห็นบุตรสาวแสดงท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ออกมา หลิงมู่เอ๋อร์ในยามปกติแข็งแกร่งเกินไป หยางซื่อรู้สึกว่าตนเองเป็เหมือนลูกหลานของนางอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าเื่ใดก็ล้วนทำให้นางเป็กังวลใจ ในขณะนี้กลับมีความรู้สึกของความเป็มารดาขึ้นมาบ้างแล้ว
นางรู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์กำลังหวาดกลัว เด็กคนนี้ให้ความสำคัญกับญาติมิตร หากทั้งครอบครัวพวกเขาถูกไฟคลอกเสียชีวิตจริงๆ ก็เกรงว่าเด็กคนนี้จะทนต่อการโจมตีนี้ไม่ได้ เมื่อคิดเช่นนี้หยางซื่อก็ไม่ปวดใจกับสิ่งของเ่าั้ที่ถูกไฟไหม้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเทียบกับสิ่งของเ่าั้ที่ไหม้ แน่นอนว่าพวกเขาที่มีชีวิตอยู่ย่อมสำคัญมากกว่า ขอเพียงแค่คนยังปลอดภัย สูญเสียทรัพย์สินบางส่วนก็ไม่นับว่าเป็อันใด
นี่ก็เรียกว่าเป็การเสียเงินเพื่อขจัดเคราะห์ภัยกระมัง !
หลังจากหลิงมู่เอ๋อร์หารือกับคนในครอบครัวเื่เตรียมตัวไปเมืองหลวงเสร็จแล้ว ส่วนฟางซื่อพวกคนธรรมดาที่มีชีวิตน้อยๆ เ่าั้ ขอเพียงแค่พวกเขาไปจากที่นี่แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้พบไปอีกตลอดชีวิต แค่คิดว่าไม่ต้องเห็นใบหน้าน่าเกลียดเ่าั้ นางก็อดที่จะอารมณ์ดีขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อพวกเขาไปถึงเมืองหลวง ครอบครัวของพวกเขาจะได้มีชีวิตใหม่
พี่น้องตระกูลโจวไม่ได้กลับมา
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้นำมาใส่ใจ หยางซื่อพร่ำบ่นถึงบ้างเป็ครั้งคราว กังวลว่าจะมีเื่ที่ไม่อาจคาดคิดเกิดขึ้นกับพี่น้องคู่นั้น หลิงมู่เอ๋อร์พูดโน้มน้าวนางไปหลายครั้ง หยางซื่อถึงได้เลิกกังวลไป
ขณะที่หลิงมู่เอ๋อร์กําลังเตรียมตัวออกเดินทาง เพิ่งจะขึ้นนั่งบนรถม้าก็เห็นคนจํานวนมากมารวมตัวกันบนถนน ในมือของคนเ่าั้ถือตะกร้าอยู่ ในตะกร้าเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายหลากหลายชนิด สิ่งของที่พวกชาวบ้านเตรียมมาให้คือผักสด สิ่งของที่พ่อค้าผู้มั่งคั่งเตรียมคือของจากร้านค้าของพวกเขา ของกินของใช้ต่างๆ วางเต็มจนละลานตาไปหมด
"ที่แท้ท่านหมอเทวดาก็คือแม่นางหลิงนี่เอง" ในเวลานี้พวกเขาเพิ่งจะรู้ตัวตนของหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์กำลังจะจากไปแล้ว จึงไม่ได้ปิดบังพวกเขาอีกต่อไป นางปลดผ้าคลุมหน้าออก เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา
"เหลาอาหารสกุลหลิงถูกเพลิงไหม้ก็เป็เพราะว่าพวกข้าไม่ช่วยดูแลให้ดี ถ้าพวกข้าช่วยกันมากกว่านี้ ท่านหมอเทวดาก็คงไม่..." ทุกคนสำนึกเสียใจเป็อย่างยิ่ง
ในความคิดของพวกเขา หลิงมู่เอ๋อร์ไปจากที่นี่เป็เพราะเหลาอาหารถูกไฟไหม้ ถ้าเหลาอาหารไม่ถูกไฟไหม้ ก็คงไม่เกิดเื่ราวเช่นนี้ขึ้น
หลิงมู่เอ๋อร์ะโลงจากรถม้า มองไปที่พวกชาวบ้านที่อยู่ตรงหน้าพลางกล่าว "พวกท่านอย่าได้กล่าวโทษตนเองเลยเ้าค่ะ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกท่าน อันที่จริงถึงแม้ว่าจะไม่เกิดเื่นี้ขึ้นข้าก็จะไปจากที่นี่อยู่ดี ถ้าภายหลังพวกท่าน้าสิ่งใด สามารถไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะตรวจรักษาโรคที่เมืองหลวง”
แม้ว่าจะกล่าวออกไปเช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็รู้ว่าชาวบ้านที่ยากจนเหล่านี้ชั่วชีวิตก็คงไม่มีแม้แต่โอกาสจะไปยังสถานที่ห่างไกลอย่างเช่นเมืองหลวงได้ อีกทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่จะนั่งรถไฟหรือเครื่องบินเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถไปยังสถานที่ที่ห่างไกลเป็พันลี้ได้
"ท่านหมอเทวดา พวกข้าไม่อาจตัดใจจากท่านได้" ทุกคนเช็ดน้ำตาพลางกล่าว
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ตอนนี้ข้ายังคงนอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาไม่ได้ ท่านเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าไว้ ชายแก่ไม่มีอะไรจะให้หมอเทวดา นี่คือผักที่บ้านข้าปลูก ได้โปรดหมอเทวดาอย่ารังเกียจเลย”
"นี่คือไข่ไก่ของครอบครัวข้า ข้าดูแลไก่พวกนั้นเป็อย่างดี ไข่ไก่ของบ้านข้าอร่อยที่สุด..."
"หมอเทวดา ท่านช่วยภรรยาของข้าเอาไว้ ยังทำให้นางให้กําเนิดบุตรชายสุขภาพแข็งแรง นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้า..."
ทุกคนมาแออัดกันอยู่บนถนน โดยหวังว่าจะนำสิ่งของในมือตนเองใส่เข้าไปยังรถม้าของหลิงมู่เอ๋อร์ หลิงมู่เอ๋อร์เห็นเช่นนี้ ทำได้เพียงแต่รับน้ำใจของพวกเขาเอาไว้
เพียงแต่การมาของพวกเขา ทำให้รถม้าหลายคันถูกยัดสิ่งของใส่อย่างแน่นขนัด หลิงมู่เอ๋อร์จำต้องให้หลิงเฉินไปหารถม้าอีกสองคัน จากนั้นก็รับสิ่งของที่พวกเหล่าชาวบ้านมอบให้
"ทุกท่าน สายมากแล้ว พวกข้าต้องรีบเดินทาง น้ำใจของพวกท่านพวกข้าทำได้แค่ขอน้อมรับเอาไว้แล้ว ทุกท่านโปรดหลีกทางเถิด! ดูท่าว่าอากาศวันนี้ฝนจะตก พวกข้าต้องไปถึงโรงเตี๊ยมถัดไปก่อนฟ้ามืด" หลิงหลียืนตระหง่านพลางกล่าวกับเหล่าชาวบ้านอย่างซาบซึ้งใจ
ทุกคนเห็นเช่นนั้น จึงทำได้แต่หลีกทางให้รถม้าของหลิงมู่เอ๋อร์ผ่านไป เมื่อรถม้าของหลิงมู่เอ๋อร์ออกจากประตูเมือง เวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดถอนหายใจเบาๆ นางเปิดม่านรถม้าทอดมองไปยังทิศทางของประตูเมือง "การจากไปครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหรือไม่"
“คนเหล่านี้มีน้ำใจมากจริงๆ พวกเราถูกท่านปู่ท่านย่าเ้าปฏิบัติอย่างเ็ามาครึ่งชีวิตแล้ว คาดไม่ถึงว่าคนนอกจะมีน้ำใจต่อพวกเราถึงเพียงนี้” หยางซื่อกล่าวอย่างรู้สึกปลงอนิจจัง
“ท่านแม่ อย่าได้คิดเื่ไม่น่าอภิรมย์เ่าั้เลยเ้าค่ะ ออกจากที่นี่แล้ว สิ่งที่รอต้อนรับพวกเราอยู่ก็คือชีวิตใหม่” หลิงมู่เอ๋อร์จับมือหยางซื่อพลางกล่าว
หยางซื่อมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างรักใคร่ และพยักหน้าเบาๆ "เ้าพูดถูก แม่ไม่ควรคิดถึงเื่ไม่น่าอภิรมย์เ่าั้จริงๆ"
หลิงมู่เอ๋อร์นึกขึ้นได้ว่าซูเช่อเคยบอกไว้ว่าจะส่งคนมารับนาง ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้รอให้ถึงตอนที่คนของเขามารับ นางก็ไปเมืองหลวงด้วยตนเองแล้ว เดิมทีนางคิดจะฝากความถึงซูเช่อ แต่เมื่อคิดว่าตอนที่ซูเช่อมาหาแล้วไม่พบตัวนาง จะต้องไถ่ถามถึงที่อยู่ของนางอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้ฝากความไว้
คนสกุลหลิงไม่ได้รีบร้อน เดินทางไปหยุดไปตลอดทาง คนอื่นใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าก็ถึงเมืองหลวง แต่พวกเขาใช้เวลาสามเดือนกว่า
เดิมทีเป็วสันตฤดู แต่ตอนที่พวกเขามาถึงก็ได้เริ่มเข้าสู่คิมหันตฤดูแล้ว อากาศภายในรถม้าร้อนเป็อย่างยิ่ง ทันทีที่พวกเขาลงจากรถม้าก็หาโรงเตี๊ยมเพื่อที่จะได้พักผ่อน
ระหว่างทางหลิงมู่เอ๋อร์ก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ นางทำการตรวจรักษาโรคไปตลอดทาง ได้ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้มากมาย และเป็เพราะเช่นนี้เอง บัดนี้ชื่อเสียงของนางถึงได้โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนทั่วหล้าให้ฉายานามใหม่แก่นางว่า เซียนหมอ แน่นอนว่า ตอนนี้หลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่รู้ว่าตอนเองกลายเป็ 'เซียน' แล้ว นางกับหลิงจื่อเซวียนกำลังหาพ่อค้านายหน้าเพื่อสอบถามเกี่ยวกับจวนในเมืองหลวง
"เมืองหลวงสมกับเป็เมืองหลวงอย่างแท้จริง แม้แต่เสื้อผ้าของชาวบ้านคนธรรมดาก็ไม่มีรอยเย็บปะเลยสักนิด" หลิงจื่อเซวียนมองผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาพลางกล่าวอย่างปลงอนิจจัง
"พี่ชาย ท่านดูสายตาของแม่นางน้อยเ่าั้สิเ้าคะ… ข้ารู้สึกว่าท่านกำลังจะมีเื่น่ายินดีในเร็วๆ นี้ ครอบครัวพวกเราน่าจะมีสมาชิกเพิ่มแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?" หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่สาวน้อยเ่าั้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งห้วงรัก นางป้องปากหัวเราะ “แต่ครั้งหน้าข้าจะไม่ออกมากับท่านแล้ว สายตาที่พวกนางมองข้าไม่ค่อยจะดีนัก!”
หลิงจื่อเซวียนรูปโฉมหล่อเหลา เมื่อก่อนฐานะทางครอบครัวไม่ดี อีกทั้งเพราะว่าขาได้รับาเ็ ดังนั้นจึงมีสภาพหมดอาลัยตายอยากไปบ้าง แต่ตอนนี้ทั้งร่างเต็มไปด้วยประกายแห่งความมั่นใจ ดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นก็นับว่าไม่ต่างจากลูกหลานของครอบครัวร่ำรวยเลย ไม่แปลกใจเลยที่แม่นางน้อยเ่าั้เห็นแล้วจะิญญาหลุดออกจากร่างไป บุรุษหล่อเหลาเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่งในเมืองหลวง
"เหลวไหล" หลิงจื่อเซวียนเคาะศีรษะของหลิงมู่เอ๋อร์ พลางกล่าวอย่างไม่พอใจ "ข้างหน้าก็เป็จวนที่พ่อค้านายหน้าพูดถึง พวกเรารีบไปดูกันเถิด!"
ในเมืองหลวงมีผู้สูงศักดิ์มากมาย คนที่มีอำนาจเ่าั้อาศัยอยู่ในเมืองชั้นใน สามัญชนทั่วไปอาศัยอยู่ในเมืองชั้นนอก เมืองชั้นนอกก็ยังต้องแบ่งบริเวณเขตคนร่ำรวย เขตคนธรรมดาสามัญชน และเขตคนจน
เขตบริเวณที่พวกหลิงมู่เอ๋อร์มองหาคือเขตคนร่ำรวย บ้านเรือนในเขตคนจนและเขตสามัญชนทั่วไปล้วนไม่ค่อยดีนัก และยังมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันอยู่ นางไม่อยากให้ถังซื่อและหยางซื่อมีชีวิตอยู่ในสถานที่แบบนั้น อีกประการหนึ่งคือตอนนี้พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน ถึงแม้ว่าจวนในเขตคนร่ำรวยนั้นจะราคาแพงมาก แต่นางก็ไม่ขาดเงินจำนวนนั้น
เขตคนร่ำรวยอยู่ใกล้กับตัวเมืองชั้นใน โดยมีถนนหนึ่งสายกั้นกับเมืองชั้นใน ที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย ในยามปกติก็มีทหารเดินตรวจตราอยู่รอบๆ
จวนที่หลิงมู่เอ๋อร์อยากดูนั้นเป็บ้านที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยพ่อค้าผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง พ่อค้ามั่งคั่งคนนั้นทำการค้าขาดทุน ้าพาครอบครัวกลับบ้านเกิด ด้วยเหตุนี้จึงวางแผนขายหน้าร้านและจวนที่เขาพักอาศัยอยู่ หลิงมู่เอ๋อร์มีความตั้งใจจะซื้อหน้าร้านและจวนไปพร้อมกัน
ก๊อกก๊อก! หลิงจื่อเซวียนเคาะประตูบ้าน
เอี๊ยด! ชายชราคนหนึ่งเปิดประตู เห็นสองพี่น้องที่หน้าประตู ดวงตาอันแก่ชราเต็มไปด้วยความสงสัย "มาหาผู้ใดหรือ?"
“ท่านปู่ พวกเรา้าดูจวนของที่นี่เ้าค่ะ ข้าได้ยินว่าเ้าของจวนหลังนี้กำลังจะขายมันใช่หรือไม่เ้าคะ?” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่ชายชราด้วยรอยยิ้ม
ชายชราเห็นว่าหลิงมู่เอ๋อร์มีรูปโฉมงดงาม เวลายิ้มทั้งอ่อนโยนและเรียบง่ายเป็กันเอง จึงให้พวกเขาเข้าไปในจวน ชายชราหลังค่อม จึงเดินได้ช้าเป็อย่างยิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์รอเขาอยู่ที่นั่น นางเห็นว่าขาของชายชราาเ็ ทุกย่างก้าวที่เดินให้ความรู้สึกที่เ็ปยิ่งนัก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่แสดงออกมา แต่ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าว นางพยายามอดทน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามออกไปว่า “ข้ารู้วิชาแพทย์ ท่านปู่เป็โรคไขข้ออักเสบที่ขาใช่หรือไม่? ้าให้ข้าช่วยฝังเข็มให้หรือไม่เ้าคะ?”
ชายชราเ็ปมากจริงๆ ครั้นได้ยินคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า "รบกวนแม่นางแล้ว"
ชายชราหาที่นั่งลง
หลิงมู่เอ๋อร์หยิบห่อเข็มออกมาจากแขนเสื้อ ยกขาของชายชราขึ้นมาแล้วฝังเข็มลงไป ผ่านไปไม่นาน นางก็ถอนเข็มเงินออกมา
ชายชราลองขยับไปมา ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "ไม่เจ็บแล้วจริงๆ แม่นางมีความสามารถยิ่งนัก"
"เพียงครั้งเดียวยังไม่อาจรักษาท่านปู่ให้หายขาดได้ ต้องฝังติดต่อกันอีกหนึ่งเดือน และทานยาควบคู่อีกสองสามสำรับ ขาของท่านปู่ก็จะหายขาดได้เ้าค่ะ" หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวพลางเก็บของไปด้วยรอยยิ้ม
"ต้องขอให้แม่นางช่วยรักษาโรคเก่าของบ่าวชราของข้าแล้ว" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างกายของหลิงจื่อเซวียน พอเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ฝังเข็มเสร็จจึงประสานมือคารวะนางพลางกล่าว
หลิงจื่อเซวียนกล่าวแนะนํากับหลิงมู่เอ๋อร์ "ท่านผู้นี้ก็คือนายท่านแห่งตระกูลหวัง นายท่านหวังมาได้สักพักแล้ว เห็นว่าเ้ากําลังฝังเข็มอยู่จึงไม่ได้รบกวน"
หลิงมู่เอ๋อร์ย่อกายคารวะนายท่านหวัง พลางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า "หมอต้องมีความเมตตา การรักษาโรคให้คนไข้เป็สิ่งที่ข้าสมควรทำเ้าค่ะ นายท่านหวังอย่าได้เกรงใจ"
นายท่านหวังลูบเคราพลางพยักหน้า "แม่นางเป็หมอที่แท้จริง"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้