ไป๋ซูเหอชะงักไปทันที
นางนึกไม่ถึงว่าตนเองจะถูกตบหน้า
นางไม่ควรถูกไป๋เซี่ยเหอตบไม่ใช่หรือ?
ไป๋เซี่ยเหอไม่รอให้ไป๋ซูเหอได้สติ ใบหน้าขาวผ่องที่เล็กเท่าฝ่ามือก็ร่ำไห้ราวกับดอกสาลี่พร่ำหยาดฝน “น้องสาม เ้ารู้หรือไม่ว่าความเอาแต่ใจของเ้าได้ทำร้ายพี่รองของเ้าจนตายน่ะ”
อะไรนะ?
“เ้าพูดอีกทีสิ! หนิงเอ๋อร์เป็อะไรไป?” ไป๋เสียนอันะโขึ้นจากที่นั่งทันที ความกังวลสะท้อนอยู่ในแววตา
ไม่ว่าจะคนไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็บุตรสาวทั้งสิ้น
ทว่าในสายตาของไป๋เสียนอันกลับมีเพียงไป๋หว่านหนิงเท่านั้น เพียงเพราะไป๋หว่านหนิงเติบโตอยู่ข้างกายของเขามาั้แ่เล็ก ความผูกพันจึงลึกซึ้งยิ่งกว่า
“ข้ากับน้องรองพบโจรกลุ่มหนึ่งระหว่างทาง พวกเขาพ่นคำลามกออกมา ทว่ากลับไม่้าเงินทอง เพียงพูดว่า...”
“พูดอะไร? เ้าพูดออกมาเร็วๆ เข้า ข้าร้อนใจแทบตายแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอแสดงสีหน้าเ็ปเสียใจ “บอกว่าจะพากลับไปเป็ฮูหยินเ้าค่ะ”
“เ้าว่าอย่างไรนะ?” ไป๋เหล่าฮูหยินตาลอยก่อนจะเป็ลมหงายหลังทันที
“เร็ว รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า!”
จวนสกุลไป๋ตกอยู่ในความโกลาหลทันที
ไป๋เซี่ยเหอยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเ็า ไม่มีความคิดที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือแม้แต่น้อย
รังแก ไม่แยแส ทำร้ายจิตใจ และข่มขู่...
การกระทำชั่วร้ายต่างๆ ที่จวนสกุลไป๋ทำกับนางนั้นเรียกได้ว่านับไม่ถ้วน หากจะให้นางตอบแทนโทษด้วยคุณโดยการช่วยเหลือไป๋เหล่าฮูหยิน นางทำไม่ได้หรอก
นอกจากนี้ แม้ว่านางจะเต็มใจช่วยเหลือ ไป๋เสียนอันย่อมไม่ยินยอม เขารู้อยู่แก่ใจว่านางรู้วิชาแพทย์ ทว่าเขากลับยอมที่จะทำตัวใกล้เกลือกินด่าง
เขากำลังระแวงนาง!
ทว่าด้วยเหตุอันใด? พวกนางไม่ใช่พ่อลูกกันหรือ?
หลังจากหมอมาถึง ไม่นานไป๋เหล่าฮูหยินก็ได้สติ เพียงแต่แววตาของนางหม่นแสง ราวกับชราลงสิบกว่าปีก็ไม่ปาน
“แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น? เ้าพูดต่อเร็ว”
ไป๋เซี่ยเหอกลับมา ทว่าไป๋หว่านหนิงไม่ได้กลับมา ในใจของพวกเขาคาดเดาว่าน่าจะเกิดเื่โชคร้ายมากกว่าโชคดี ทว่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม
เพราะบางทีอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอย่างไรเล่า!
“ต่อมาน้องรองกลิ้งตกจากรถม้า ทำให้ม้าใและวิ่งเร็วขึ้น ข้าจึงช่วยน้องรองไม่ทัน”
“เหลวไหล เป็ไปไม่ได้ นี่มันเป็ไปไม่ได้!” ใบหน้าของไป๋ซูเหอซีดเผือด นางทั้งใและหวาดกลัว
หากเกิดเื่กับพี่รอง เื่แต่งงานของนางจะทำอย่างไร?
“หุบปาก!” ไป๋เสียนอันพุ่งเข้าไปตบหน้าไป๋เซี่ยเหออย่างโเี้ฉาดหนึ่ง
“เ้ามันคนอำมหิตไร้เมตตา นางเป็น้องสาวของเ้า เหตุใดเ้าถึงไม่ช่วยนาง? เ้าไม่คำนึงถึงสายสัมพันธ์ของครอบครัวได้อย่างไร? เหตุใดเ้าถึงไม่เอาตัวเข้าแลกเพื่อให้นางกลับมา?”
หากจะบอกว่าเมื่อครู่ไป๋เซี่ยเหอเพียงรู้สึกกังขา ทว่าตอนนี้นางเริ่มแน่ใจเสียแล้ว
หรือว่านางไม่ใช่บุตรีของเขา?
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า นางตวัดลิ้นเพื่อลิ้มรสคาวเืในโพรงปาก
“พี่รองถูกย่ำยีแล้ว พี่รองเป็ไท่จื่อเฟยไม่ได้แล้ว ทีนี้จะ...ได้อย่างไร...”
ไป๋ซูเหอยังไม่ทันกล่าวจบ ไป๋เสียนอันก็เตะนางอย่างแรงโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ทำให้ร่างของนางลอยละลิ่วก่อนจะกระแทกลงกับพื้น ลุกขึ้นมาไม่ได้เป็เวลานาน
“ท่านพ่อ”
แววตาของไป๋ซูเหอเผยความสิ้นหวังออกมา นางคิดมาโดยตลอดว่าท่านพ่อเพียงไม่สนิทสนมกับนาง ไม่ได้ไม่ชอบนางจริงๆ ทว่าการถูกเตะในวันนี้ทำให้ความหวังของนางเลือนหายไป
ไป๋เซี่ยเหอดีกว่านางอยู่เล็กน้อยคือ เดิมทีก็ไม่มีหวังอยู่แล้ว จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงความผิดหวังและความสิ้นหวัง นางมีเพียงความเกลียดชังอันเข้มข้น และความคิดที่จะออกไปจากจวนสกุลไป๋ให้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น
ทว่านางไม่อาจกระทำการบุ่มบ่ามเพราะมารดายังอยู่ที่นี่
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” ไป๋เสียนอันตวาด “ยังวุ่นวายไม่พอหรือไร? หากไม่ใช่เพราะเ้าดัดจริต้าให้พี่ใหญ่ของเ้าไปรับ จะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นหรือไม่?”
ไป๋ซูเหอกุมหน้าอกหอบหายใจเฮือกใหญ่ ความเ็ปทำให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็บิดเบี้ยว “เช่นนั้นก็ต้องโทษพี่ใหญ่เช่นกันที่เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย”
กระทั่งตอนนี้ไป๋ซูเหอยังคงพยายามโยนเอาโทสะของไป๋เสียนอันไปไว้ที่ไป๋เซี่ยเหอ
นางคิดแผนการอะไรบางอย่างออก ตอนนี้ไป๋หว่านหนิงเป็ตายยังไม่แน่ชัด ขอเพียงบิดาสังหารไป๋เซี่ยเหอภายใต้โทสะ นางก็จะเป็บุตรีโทนของสกุลไป๋
เมื่อถึงตอนนั้นนางก็จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไป๋หว่านหนิงมี
“หากพี่ใหญ่ไม่ได้ไปกับรถม้า พี่รองจะตกไปอยู่ในกำมือของคนพวกนั้นได้อย่างไร? จะถูกย่ำยีได้อย่างไร? พี่รองช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว!” ไป๋ซูเหอร่ำไห้ขณะพูด ทว่าแววตาดูประสงค์ร้ายอย่างเห็นได้ชัด
“ข้ามีคำถาม”
ไป๋เสียนอันเหลือบมองไป๋เซี่ยเหออย่างเ็า “ยังมีอะไรจะพูดอีกหรือ?”
เขารู้สึกเสียใจจริงๆ เหตุใดถึงต้องให้ไป๋หว่านหนิงตามไปด้วย? ไม่อย่างนั้นหากมีเื่อะไรเกิดขึ้น จะได้เกิดกับไป๋เซี่ยเหอเพียงคนเดียว
“ข้าสงสัยว่าในเมื่อน้องสามบอกว่าตนเองป่วยหนัก ้าให้ข้าไปดูแลรักษา ทว่าเหตุใดถึงกลับมาเองอย่างกะทันหัน? ทั้งยังดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้...”
ดูเหมือนคนป่วยตรงไหนกัน?
ยามที่ไป๋ซูเหอกลับมา ทุกคนเพียงมีความคิดว่าในที่สุดก็กลับมาอย่างปลอดภัย ไม่มีผู้ใดคิดมาก ทว่าตอนนี้การกลับมาของไป๋ซูเหอกลับดูน่าสงสัยเป็อย่างยิ่ง
หากไม่ได้เกิดเื่กับไป๋หว่านหนิง ก็ย่อมไม่มีใครสนใจเื่นี้ แม้ว่าจะมีเื่เล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น ก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็เพียงเด็กเล่นกันเท่านั้น
ทว่าตอนนี้กลับเกิดเื่ใหญ่โตปานนี้ ทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไป
“ข้า...เมื่อข้าตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ได้เหนื่อยล้าปานนั้นแล้ว กอปรกับในใจข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านย่า จึงรีบกลับมาเ้าค่ะ”
นี่คือข้ออ้างที่นางได้ปรึกษากับไป๋หว่านหนิงเอาไว้ั้แ่แรก
“เ้ารู้อยู่แก่ใจว่าข้ากับน้องรองอยู่ระหว่างทางไปรับเ้า นึกไม่ถึงว่าจะจากมาคนเดียวเช่นนี้ เ้าตั้งใจให้พวกข้าไปเก้อหรือ?”
แผ่นหลังของไป๋ซูเหอชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตอนที่ไป๋หว่านหนิงบอกนางผ่านจดหมายว่าไป๋เซี่ยเหอเปลี่ยนเป็คนละคนแล้ว นางไม่ค่อยเชื่อนัก
ทว่าตอนนี้เมื่อนางได้เผชิญหน้ากับไป๋เซี่ยเหอที่ช่างจำนรรจา นางจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ข้าไม่ได้คิดมากถึงปานนั้น ข้าไม่รู้ว่าพี่รองจะตามไปด้วย”
“ดังนั้นเจตนาของเ้าคือ หากข้าไปคนเดียว เ้าก็จะปล่อยให้ข้าไปเก้อใช่หรือไม่?”
คำพูดแต่ละประโยคของไป๋เซี่ยเหอทำให้คิ้วของไป๋ซูเหอขมวดมุ่นขึ้นเรื่อยๆ
ถึงอย่างไรไป๋เซี่ยเหอก็ยังมีสถานะบุตรีของภรรยาเอกและไท่จื่อเฟยอยู่ ทว่านางไม่มีอะไรเลย ในอดีตการกลั่นแกล้งไป๋เซี่ยเหอเกิดขึ้นเพียงเพราะพี่รอง้าทำเช่นนั้น ท่านพ่อจึงยอมปิดหูปิดตาข้างหนึ่ง
หากคราวนี้ท่านพ่อรู้ว่านางกับพี่รองวางแผนร้ายกัน ทว่าสุดท้ายกลับทำร้ายพี่รองเสียอย่างนั้น นางเชื่อว่าท่านพ่อจะถือดาบสังหารนางโดยไม่ไว้หน้าเป็แน่
“มาพูดในตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?” ไป๋เสียนอันร้อนใจและหงุดหงิดถึงขีดสุด
เมื่อครู่เขาได้ส่งคนไปลอบค้นหาแล้ว ทว่ายังไม่มีข่าวคราวเลย ยิ่งล่าช้าความเป็ไปได้ที่ไป๋หว่านหนิงจะถูกสังหารก็ยิ่งสูงขึ้น
“นอกจากนี้ ข้าเดินทางไปเพียงครึ่งทางก็ย้อนกลับจวนโดยใช้เส้นทางเดิม ระหว่างทางไม่พบน้องสามเลย ขอถามว่าน้องสามเข้าเมืองหลวงั้แ่เมื่อใดกันแน่?”
นี่คือคำถามที่ไป๋เซี่ยเหอขบคิดระหว่างเดินทางกลับจวน
ระหว่างเมืองหลวงกับเมืองเล็กๆ ที่ไป๋ซูเหออยู่ มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น ทว่านางไม่พบรถม้าคันอื่นของจวนสกุลไป๋เลยทั้งยามไปและกลับ
ไป๋ซูเหอย่อมไม่ใช้เส้นทางนั้นอยู่แล้ว เพราะนางรู้ล่วงหน้าว่าไป๋เซี่ยเหอและไป๋หว่านหนิงจะพบโจร
เช่นนั้นก็มีเพียงความเป็ไปได้เดียวเท่านั้น...
ไป๋เสียนอันรู้สึกเพียงว่าลมหายใจติดขัดอยู่กลางอก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทรมานอย่างยิ่ง เขาเหลือบมองไป๋ซูเหออย่างเ็า
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? อย่าให้ข้าต้องส่งคนไปตรวจสอบ!”
ท้ายที่สุดแล้วไป๋ซูเหอก็เป็เพียงคุณหนูตระกูลขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะมีความรู้เื่การปกปิดร่องรอยอะไรเทือกนั้น หากตรวจสอบก็ย่อมพบเบาะแสอย่างรวดเร็ว
หัวใจและปากของไป๋ซูเหอเต็มไปด้วยรสขมปร่า สีหน้าของนางดูหมองคล้ำ “ความจริงข้าเข้าเมืองหลวงั้แ่เมื่อวานแล้ว ข้าเพียงแค่อยากหยอกล้อพี่ใหญ่เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเื่ขึ้นเ้าค่ะ”
“เ้ามันสตรีชั่วร้าย!” ไป๋เสียนอันโกรธจัด “ใครก็ได้มานี่ ลากคุณหนูสามไปโบยยี่สิบที และกักบริเวณอีกสองเดือน!”
กิ่งไม้อันเปราะบางถูกทำลายด้วยสายลมยามราตรีจนเกิดเสียงหวีดหวิว
ณ จวนเซ่อเจิ้งอ๋อง
อิ๋งเฟิงที่ถือชุดกระโปรงยาวสีชมพูตัวหนึ่งไว้ในมือเดินเข้ามาในห้องหนังสือด้วยใบหน้าขมขื่น
“ท่านอ๋อง ่นี้กระหม่อมทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮั่วเยี่ยนไหวเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “พูดภาษาคน”
อิ๋งเฟิงยกชุดกระโปรงยาวสีชมพูในมือขึ้น “สถานที่ที่ท่านให้ข้าไปไม่มีสตรีรออยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้