ไม่มีพ่อค้าคนไหนในทวีปชี่อู่เลยที่ไม่รู้จักกลุ่มพันธมิตรการค้าใต้หล้าเวินติ่งเทียนย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าเถ้าแก่ดาวม่วงนั่นมีความหมายว่าอะไร
นั่นเป็ตัวตนที่เปรียบได้ดั่งเทพเ้าแห่งโชคลาภเป็ผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจล้นฟ้าแม้แต่หลินเฮ่ายวนยังต้องเกรงใจเมื่ออยู่ต่อหน้าคนระดับนั้น
แล้วคนที่มีฐานะสูงส่งขนาดนั้นจะมาเยี่ยมตระกูลธรรมดาๆที่อยู่ในอาณาจักรเล็กๆ อย่างชูอวิ๋นทำไม?
ไม่ต้องเดาให้ยากเลย อย่างไรก็ต้องมาหาคนๆนั้นแน่นอน
เวินติ่งเทียนเลยส่งคนให้ไปเชิญหลินหยางทันที
ขณะเดียวกันเขาก็รีบทำความสะอาดห้องเมฆาร่วงโรยให้เรียบร้อยในเวลาที่สั้นที่สุดจากนั้นก็เรียกรวมเหล่าคนระดับสูงทั้งหมดของตระกูลเวินมาเพื่อไปต้อนรับแขกกิตติมศักดิ์อันสูงส่งคนนั้น
จีหยูยี่ยังคงงดงามจนมิอาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้
บรรยากาศที่ดูเคร่งขรึมดุจเทพธิดาและสเน่ห์อันเย้ายวนของหญิงสาวนั้นได้ผสมรวมกันอย่างลงตัวจนแม้แต่เวินติ่งเทียนที่เป็สุภาพบุรุษที่ใจแข็งมั่นคงดุจเหล็กกล้ายังต้องอึ้งไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาได้พบเจอกับนางเป็ครั้งแรก
ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มากเกินไปแล้ว
“ข้าน้อยเวินติ่งเทียนขอเป็ตัวแทนตระกูลเวินในการต้อนรับท่านเถ้าแก่จีพวกเรารู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่งที่ท่านได้มาเยี่ยมเยียนคฤหาสน์ของเรา!” เวินติ่งเทียนเป็ผู้นำเหล่าคนระดับสูงของตระกูลเวินในการต้อนรับจีหยูยี่อย่างนอบน้อม
จีหยูยี่ยิ้มรับตามมารยาทพร้อมกับโบกมือให้ด้วยท่าทางอ่อนช้อยและนุ่มนวลดวงตาคู่สวยของนางนั้นถึงแม้จะดูจริงจังแต่มันกลับมีเสน่ห์อันน่าหลงไหลที่ราวกับจะดูดเอาดวงิญญาให้หลุดลอยไปจากร่างกายได้
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้วท่านประมุขเวิน ข้าน้อยต่างหากที่เป็ฝ่ายมารบกวนท่านโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้านับว่าเสียมารยาทนัก โปรดท่านประมุขเวินอย่าถือสาข้าน้อยเลย”
“ไม่เลย ไม่เลย!” เวินติ่งเทียนเองก็นับว่าไม่ธรรมดาตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรอีกแล้ว จากนั้นก็พาจีหยูยี่เข้าไปยังห้องเมฆาร่วงโรย
พอเข้ามาแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็พากันนั่งลงสนทนากันอย่างออกรส
การเข้าหาผู้คนรอบข้างของจีหยูยี่นั้นเปรียบได้กับสายลมอุ่นๆสายหนึ่งที่ทำให้เหล่าคนของตระกูลเวินต่างก็รู้สึกสบายใจส่วนเวินติ่งเทียนก็ได้แสดงให้เห็นถึงระดับภูมิปัญญาและความคิดที่ทรงภูมิลึกซึ้งจนเหล่าเถ้าแก่หลายคนจากกลุ่มพันธมิตรใต้หล้าที่ตามมาด้วยต้องแอบชื่นชมในใจ
ประมุขตระกูลเวินผู้นี้เป็ดั่งัท่ามกลางผู้คนถ้าไม่ใช่เพราะติดอยู่ในอาณาจักรเล็กๆ อย่างอาณาจักรชูอวิ๋นแห่งนี้ละก็เกรงว่าจะต้องก้าวหน้าไปได้ไกลยิ่งกว่านี้อีกมากแน่
ถึงแม้ว่าบรรยากาศภายในห้องจะดูค่อนข้างผ่อนคลายก็ตามแต่คนของตระกูลเวินก็ยังคงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็ผู้มีอำนาจมากเกินไปผู้ที่มีฐานะสูงส่งขนาดนั้นทำให้ฝ่ายเ้าบ้านรู้สึกกดดันไปหมดนั่งกันไปแค่ไม่กี่นาทีก็ทำให้รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากความเกร็งแล้ว
แต่ความรู้สึกอึดอัดกดดันเ่าั้ก็หายไปทันทีเมื่อหลินหยางมาถึง
“ผู้าุโหลินมาถึงแล้ว!!”
หลังจากสิ้นเสียงประกาศของเวินชงแล้วหลินหยางก็ค่อยๆ พาร่างกายอันแข็งแกร่งกำยำของเขาเข้าไปยังห้องเมฆาร่วงโรย
ฟึบ
พวกของเวินติ่งเทียนทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนทันที
ในที่สุดผู้นำที่แท้จริงก็มาถึงเสียที
แต่ที่ทำให้คนของตระกูลเวินทั้งหมดถึงกับตกตะลึงก็คือไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่ลุกยืนขึ้นแม้แต่เหล่าคนจากกลุ่มพันธมิตรที่มีหยูยี่เป็ผู้นำเองก็ลุกขึ้นยืนด้วยเหมือนกัน
เถ้าแก่ดาวม่วงที่น่าจะเป็เศรษฐีนีอันดับต้นๆของทวีปชี่อู่คนนั้น กลับกล่าวทักทายหลินหยางราวกับสาวน้อยธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น“คุณชายหลินไม่ได้เจอกันสักพักเลยนะคะ หยูยี่คิดถึงมากเลยค่ะ”
เพล้ง
ผู้าุโของตระกูลเวินท่านหนึ่งถึงกับเผลอทำถ้วยชาในมือตกพื้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น
นั่นมันอะไรน่ะ?
ผู้าุโหลิน เอ้ย ไม่สิตอนนี้ต้องเรียกว่าองค์ชายหลินสินะเขาได้ทำให้สตรีผู้ทรงอิทธิพลคนนั้นหลงรักได้แล้วหรือ?
แล้วคุณหนูชิงชิงของพวกเราจะทำอย่างไรเล่า!!
คำพูดเพียงประโยคเดียวของหยูยี่ถึงกับทำให้คนของตระกูลเวินสับสนกันไปหมด
ความรู้สึกหลากหลายรูปแบบที่แฝงอยู่ในดวงตาของนางนั้นมันมากพอที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนที่ถูกจ้องมองต้องเกิดความหวั่นไหว
แต่คำตอบของหลินหยางกลับตัดตอนอย่างไร้เยื่อใย“หืม? ยังไม่ถึงเวลาที่จะแบ่งจ่ายผลกำไรของไตรมาสแรกเลยนี่ เถ้าแก่จีจะรีบมาจ่ายเงินขนาดนั้นเลยหรือ...”
คนของกลุ่มพันธมิตรพลันเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที
เ้าหลินหยางนี่มันโลภขนาดนี้เลยหรือนี่? แค่กล่าวทักทายมันยังไม่ยอมพูดออกมาดีๆเลย!!
พบกันอีกครั้งเป็รอบที่สองของจิ้งจองตัวเมียและจิ้งจอกตัวน้อยณ อาณาจักรชูอวิ๋นก็ได้เปิดฉากแบบนี้เอง
ซึ่งจุดมุ่งหมายที่ทำให้หยูยี่มาเยี่ยมหลินหยางถึงที่แบบนี้หลินหยางพอจะเดาได้ั้แ่แรกแล้ว เกรงว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ “ไข่มุกทะลุโลกา”แน่นอน
..................................
หลักจากงานเลี้ยงน้ำชาอันแสนอึดอัดจบลงผู้คนทั้งหมดก็ได้ถอยออกไปจากห้องเมฆาร่วงโรยแห่งนี้ภายในนั้นจึงเหลือแค่หลินหยางและจีหยูยี่เพียงสองคนเท่านั้น
พอไม่มีคนนอกแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เปลี่ยนกลับไปเป็แค่เพียงผู้ร่วมธุรกิจกันเหมือนเดิม
เถ้าแก่ระดับดาวม่วงผู้มากแผนการผู้นี้รู้ตัวดีว่าวิชาโปรยเสน่ห์ของนางนั้นใช้ไม่ได้ผลอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยางนางจึงเปิดประเด็นทันทีอย่างตรงไปตรงมาว่า
“คุณชายหลินท่านนี่ทำให้ข้าใมากจริงๆ นะ... แค่คนๆ เดียวกลับสามารถจัดการศัตรูสุดร้ายกาจที่เป็ถึงสองยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงขั้นกลางลงได้ชุดเกราะชุดนั้นของ่ทาน แล้วก็ขนนกสุดลึกลับนั่นทำให้ข้ารู้สึกว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริงๆ”
หลินหยางไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงรู้เื่พวกนี้ได้
กลุ่มพันธมิตรการค้าจะต้องส่งคนมาคอยสอดส่องทุกย่างก้าวของเขาอย่างแน่นอนเหตุการณ์ปะทะในงานราตรีเมื่อหลายคืนก่อนนั่นเกรงว่าหยูยี่คงจะรู้รายละเอียดทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
เขาเลยยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับพูดถึงสิ่งที่หยูยี่อยากได้ยินมากที่สุดออกมาทันที
“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะมอบวิธีสร้างชุดเกราะชุดนั้นให้เอง ส่วนขนนกอัคคีนั่น...เป็ความลับส่วนตัวของข้า”
“ได้!”
หยูยี่รู้สึกว่าการพูดคุยกับคนแบบหลินหยางนั้นสบายใจกว่าคนอื่นมากถ้าเป็เื่ที่ทำให้ได้ก็จะเสนอเงื่อนไขออกมาให้เองทันทีส่วนเื่ที่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ตรงๆ ชัดเจนไม่อ้อมค้อม
จากนั้นนางก็พูดเข้าหัวข้อที่สำคัญที่สุดที่เป็จุดประสงค์หลักในการมาครั้งนี้“แล้วคุณชายหลินคิดอย่างไรกับ‘ไข่มุกสีน้ำทะเล’ หรือคะ?”
“เ้าหมายถึงไข่มุกทะลุโลกาหรือ?”หลินหยางเองก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน
หยูยี่ยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “คุณชายหลินรู้ความลับของไข่มุกนั่นจริงๆด้วย ถ้าอย่างนั้นเื่ก็ง่ายขึ้นเยอะเลย ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพราะหยูยี่้าเชิญให้คุณชายหลินเป็ตัวแทนของพวกเราพันธมิตรฟ้าสมุทรในการเข้าไปสำรวจ ‘ทะเลสาบเมฆาอัสนี’ในโลกที่อยู่เื้ัไข่มุกทะลุโลกานั่นค่ะ”
ทะเลสาบเมฆาอัสนี
หลินหยางนึกถึงโลกที่เต็มไปด้วยเกลียวคลื่นอันเกรี้ยวกราดและอัสนีที่ฟาดผ่าอย่างบ้าคลั่งที่เขามองเห็นผ่านไข่มุก
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เ้าเล่ารายละเอียดให้ข้าฟังหน่อย”
หยูยี่รีบเล่ารายละเอียดข้อมูลของทะเลสาบเมฆาอัสนีให้หลินหยางฟังอย่างละเอียดทันที
“เมื่อประมาณครึ่งปีก่อนพวกเราได้บังเอิญพบเข้ากับศพของคนๆ หนึ่งที่ตายไปนานหลายปีแล้วในทะเลสาบใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของทวีปพวกเราค้นพบขุมทรัพย์อันมีค่าจำนวนมากบนตัวของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ‘ค้อนะเืขุนเขา’ ที่คุณชายหลินประมูลไปและวัตถุดิบล้ำค่าอีกจำนวนหนึ่งด้วย พวกเราเลยเดาว่า เขาน่าจะเป็นักการช่างทีมากฝีมือคนหนึ่งนอกจากนี้ เรายังพบแผนที่ฉบับหนึ่งบนตัวของเขาด้วย ส่วนสถานที่ๆ แผนที่นั่นพาเราไปก็คือทะเลสาบเมฆาอัสนี อันแสนลึกลับที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนนั่นเอง”
หยูยี่ราวกับจมลงไปในความทรงจำของตัวเอง“่ครึ่งปีที่ผ่านมานี้พวกเราได้ทำการสำรวจในสถานที่ลึกลับนั่นมาโดยตลอดแต่สมาชิกของเราที่เข้าไปสำรวจล้วนาเ็สูญหายไปจำนวนมากอีกทั้งการที่เราเคลื่อนไหวบ่อยเกินไปมันเลยเป็เหตุให้พวกผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกต่างก็ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของทะเลสาบเมฆาอัสนีแห่งนี้และเมื่อสามเดือนก่อน ผู้มีอิทธิพลห้ากลุ่มจึงได้ร่วมมือกันตั้งกลุ่มสำรวจเฉพาะกิจขึ้นเพื่อเข้าไปสำรวจในทะเลสาบแห่งนั้นซึ่งพวกเราก็ได้พบเข้ากับหมู่เกาะแห่งหนึ่งเข้าบนเกาะนั้นมีสิ่งก่อสร้างที่ดูยิ่งใหญ่อลังการหลังหนึ่งตั้งอยู่บนนั้นซึ่งเมื่อดูจากแผนที่แล้ว สิ่งก่อสร้างนั้นจะต้องมีขุมทรัพย์ที่ล้ำค่าเกินกว่าจะจินตนาการถึงแอบซ่อนอยู่แน่”
หลินหยางถามกลับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า“มันคืออะไร?”
“ส่วนสุดท้ายของแผนที่มันค่อนข้างจะเลือนรางพอจะมองออกได้แค่คำว่า ‘อัสนี’ หรือ ‘อัคคี’ อะไรสักอย่างเท่านั้น... แต่ทุกคนต่างก็เชื่อมั่นว่าของที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในสถานที่ต้องห้ามสุดแสนอันตรายนั่นจะต้องเป็สุดยอดขุมทรัพย์ที่ล้ำค่ามากๆ อย่างแน่นอน”
พอหยูยี่พูดถึงตรงนี้แล้วก็มีความคิดหนึ่งแวบผ่านเข้ามาในหัวของหลินหยางแต่หลินหยางไม่ได้แสดงออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ ยังคงตั้งหน้าตั้งตารับฟังคำพูดของหยูยี่ที่กำลังเล่าต่อว่า
“แต่น่าเสียดาย รอบๆ เกาะแห่งนั้นมีม่านพลังประหลาดที่พวกเราไม่เคยพบเจอมาก่อนคอยปกป้องเกาะนั้นเอาไว้จากที่เถ้าแก่ระดับดาวเหลืองของพวกเราบอกมานั้นมันเป็เกราะป้องกันที่แฝงไว้ด้วยพลังฟ้าดินสุดแข็งแกร่งในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนขนาดกลุ่มห้าอิทธิพลใหญ่ใช้เวลานานกว่าสามเดือนก็ยังไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปได้เลย”
หลินหยางพยักหน้าเข้าใจ “ดังนั้นพวกเ้าเลยใช้ไข่มุกทะลุโลกาเพื่อค้นหาผู้ที่จะสามารถทะลวงผ่านม่านกำบังนั้นไปได้สินะ?”
“ใช่แล้ว” หยูยี่พยักหน้า “พวกเราสร้างไข่มุกนั่นขึ้นมาก็เพื่อที่จะหายอดฝีมือที่สามารถััได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ในลูกกายโดยเฉพาะแต่เดิมแล้ว คุณชายหลิน ท่านเป็แค่หนึ่งในตัวเลือกที่พวกเราจับตามองเท่านั้นแต่ผลงานที่ท่านแสดงให้เราเห็นเมื่อสามวันก่อนนั้นมันสุดยอดมากๆพวกเราเลยตัดสินใจมาเชิญท่านไปช่วยเหลือเราสำรวจ ‘ทะเลสาบเมฆาอัสนี’ ด้วยตัวเอง”
หลินหยางเหมือนจะกำลังคิดเื่อะไรบางอย่างอยู่
จากนั้นครู่หนึ่ง หลินหยางก็พูดต่อว่า“ลองบอกเงื่อนไขมาสิ”
“ชัดเจนดีมาก” หยูยี่แย้มยิ้มดุจดอกไม้งาม “ขอแค่คุณชายหลินยอมลงมือช่วยเหลือพวกเรากลุ่มพันธมิตรใต้หล้าจะจ่ายค่าตอบแทนเป็ทองคำหนึ่งร้อยล้านชั่งหรือก็คือเงินขาวมูลค่าหนึ่งหมื่นล้านชั่งนั่นเองและถ้าคุณชายหลินสามารถช่วยพวกเราทำลายม่านพลังประหลาดนั่นได้ละก็เราจะจ่ายเพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าพร้อมกับแบ่งสมบัติทั้งหมดที่หาได้ในนั้นให้คุณชายหลินอีกสามส่วนพร้อมกับให้สิทธิท่านเลือกก่อนชิ้นแรกด้วย!!”
พอนางกล่าวจบ สีหน้าท่าทางของนางก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
นางได้บอกจุดประสงค์ทั้งหมดของนางให้หลินหยางฟังอย่างละเอียดแล้วเหล่ากลุ่มยอดฝีมือของผู้มีอิทธิพลทั้งหลายที่อยู่ในทะเลสาบเมฆาอัสนีนั้น ต่างก็กำลังค้นหาวิธีที่จะทำลายม่านพลังนั่นสุดความสามารถแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นทั้งห้าฝ่ายจึงตกลงร่วมกันว่าใครที่สามารถทำลายม่านป้องกันนั่นได้ก่อน ก็จะได้เป็ผู้นำในการสำรวจทะเลสาบเมฆาอัสนีพร้อมกับได้รับส่วนแบ่งมากกว่าคนอื่นถึงสองส่วนด้วย
ส่วนสาเหตุที่ทำให้หยูยี่มั่นใจในตัวของหลินหยางขนาดนี้นั่นก็คืออาวุธลับที่หลินหยางเปิดเผยออกมาในการต่อสู่เมื่อหลายคืนก่อน - ขนนกอัคคีของปี้ฟัง
อานุภาพของมันนั้นเกือบจะทำให้ยอดฝีมือของกลุ่มพันธมิตรใต้หล้าที่มาสังเกตการณ์หลินหยางจากระยะไกลใจนฉี่เกือบแตกมันทำให้หยูยี่รู้สึกเชื่อมั่นในตัวหลินหยางมากๆถ้าหากหลินหยางยังมีขนนกอันทรพลังนั่นเหลืออยู่อีกละก็ไม่แน่พวกเขาอาจจะสามารถทำลายม่านพลังนั่นได้ก็เป็ได้
นั่นจึงเป็ที่มาของการเจรจาในวันนี้
นางได้เสนอเงื่อนไขของนางไปแล้วที่เหลือก็แค่รอให้หลินหยางตอบรับเท่านั้น
หยูยี่ที่เคยผ่านการเจรจาสุดประทับใจกับหลินหยางมาก่อนแล้วมาคราวนี้นางจึงเตรียมใจมาก่อนแล้วขอแค่เงื่อนไขทางฝั่งของเ้าหนูนี่ไม่ไร้เหตุผลจนเกินไป นางจะรีบตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลย
แต่สุดท้ายหลินหยางก็สมกับเป็หลินหยางความเขี้ยวของเขาไม่เคยทำให้หยูยี่ผิดหวังเลย