หลี่ชิงหยุนเดินไปที่ลานบ้านของเขา เขาเห็นว่าทุกคนกำลังฝึกฝนอยู่
ขณะนี้มีรัศมีสีขาวบางๆปรากฏขึ้นรอบตัวของเหล่าหญิงสาว ดูเหมือนว่าพวกนางเริ่มที่จะสื่อสารกับเต๋าได้แล้ว
ในที่นี้ปิงเสวี่ยเอ๋อร์เป็ผู้ที่มีรัศมีสีขาวบริสุทธิ์มากที่สุด ซึ่งมีด้วยกันถึงสามจุด ด้วยความทรงจำจากอดีตนางเป็ผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงสามารถเข้าใจเต๋าได้เร็วกว่าคนอื่น
รองลงมาคือนาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิง ทั้งสองใช้ความพยายามอย่างมาก ตอนนี้ทั้งคู่ดูเหนื่อยล้าแม้แต่เหงื่อก็ไหลออกมาจากหน้าผากสีขาวของพวกนาง
ส่วนโม่หยุนซีและกู่ซินเหลียนมีเพียงแค่รัศมีสีขาวบางๆหนึ่งจุดเท่านั้น
"ถือว่าพวกนางมีพร์มากกว่าคนอื่นๆที่ข้าเคยพบเจอ" หลี่ชิงหยุนพยักหน้าอย่างชมเชย
หากจะเทียบผู้ที่สามารถสื่อสารกับธรรมชาติและเข้าสู่สภาวะเต๋าได้ ในอาณาจักรเซวียนคงมีไม่เกิน 50 คนเท่านั้น
แม้แต่อาณาจักรนภา มีเพียงแค่นิกายใหญ่ๆหรือตระกูลระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเต๋าได้อย่างลึกซึ้ง
หลี่ชิงหยุนได้อธิบายแนวทางและวิธีให้กับพวกนางทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็จะขึ้นอยู่กับความสามารถและพร์ในการรับรู้ส่วนบุคคล
นาหลันเสี่ยวฉีลืมตาขึ้นมาครั้นััได้ถึงบางอย่าง แม้ว่านางจะปิดประสาทััทั้งห้า แต่ความคิดของนางก็กำลังสื่อสารกับเต๋ารอบๆตัว ดังนั้นหากมีใครเข้าใกล้นางก็จะสามารถััได้ทันที "อาหยุน เ้ากลับมาแล้ว"
เมื่อได้ยินเสียงของนาหลันเสี่ยวฉี ทุกคนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้น
"พวกเ้าทำได้ดีมากที่สามารถสื่อสารกับพลังงานธรรมชาติได้แล้ว" หลี่ชิงหยุนชมเชยทุกคนที่นี่
"แต่ข้ายังไม่สามารถสื่อสารกับเต๋าได้มากนัก" โม่หยุนซีและกู่ซินเหลียนดูไม่พอใจกับผลลัพธ์เล็กน้อย
"ไม่จำเป็ต้องน้อยใจ ต้องเข้าใจว่าในอาณาจักรเซวียนนั้นพลังของเต๋าแห่งธรรมชาติไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่ากับอาณาจักรที่สูงกว่า การที่เ้าสามารถสื่อสารกับมันได้เล็กน้อยก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว" หลี่ชิงหยุนยิ้มอย่างอ่อนโยน
นี่เป็ความจริงสำหรับอาณาจักรเซวียน หากมีใครพูดว่ามีใครบางคนสามารถสื่อสารกับเต๋าได้โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป คงจะไม่มีใครเชื่อและถูกกล่าวหาว่าบ้าอย่างแน่นอน
"หยุน สถานการณ์ทางเ้าเป็อย่างไร? เ้าไม่าเ็ใช่หรือไม่?" ปิงเสวี่ยเอ๋อร์ลุกขึ้นและเดินไปสำรวจร่างกายของหลี่ชิงหยุนด้วยความเป็ห่วง
"แม้จะเจอปัญหาเล็กน้อย แต่ข้าไม่เป็อะไรมาก" หลี่ชิงหยุนยิ้มและลูบหัวนางเบาๆ
"อืม..." ปิงเสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างโล่งอก
"องค์หญิง พรุ่งนี้ข้าอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์เล็กน้อย" หลี่ชิงหยุนหันไปคุยกับโม่หยุนซี แม้ว่าเื่คราวนี้จะเป็เื่ส่วนตัวของเขา แต่โม่หยุนเทียนก็รับรู้แล้วว่าตระกูลหงมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างกับปีศาจ เขาเชื่อว่าโม่หยุนเทียนจะสามารถช่วยเขาในเื่นี้ได้
หลี่ชิงหยุนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้พวกนางฟัง พร้อมกับแผนการและข่าวลือที่เขาเตรียมไว้
"เอาล่ะ ปล่อยให้ข้าจัดการเื่นี้" โม่หยุนซีตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด
"อาหยุน แล้วเื่ท่านพ่อกับลุงหลี่เ้าจะทำอย่างไร?" นาหลันเสี่ยวฉีพูดขึ้นมา นางเริ่มเป็ห่วงสถานการณ์ที่เมืองอาทิตย์สีชาดเมื่อได้ยินสิ่งที่หลี่ชิงหยุนพูด
"พรุ่งนี้ข้าจะไปหาพวกเขาก่อน แล้วจึงค่อยเดินทางไปที่บ้านของกู่ซินเหลียน" หลี่ชิงหยุนมีแผนที่จะให้ครอบครัวของเขาย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง
ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลหงจะทำอะไรต่อไป บางทีพวกเขาอาจจะไม่ทำอะไรกับเขาที่อยู่เขตวังขององค์หญิง
แต่หลี่ชิงหยุนทำให้หงชาเทียนและตระกูลหงขุ่นเคืองไปแล้ว แม้ว่าเขาจะปล่อยข่าวว่ามีผู้ฝึกฝนระดับลมปราณลึกซึ้งคอยปกป้องเขา แต่ที่ตระกูลหลี่ของเขาก็ยังไม่ปลอดภัยมากพอ
"เข้าใจแล้ว" นาหลันเสี่ยวฉีเห็นด้วยกับความคิดนี้
หลี่ชิงหยุนพูดกับนางต่อ "ฉีฉี เรียกแม่บ้านเตรียมห้องให้กับเสิ่นชิง เสวี่ยเอ๋อร์และกู่ซินเหลียนด้วย"
"หยุน เหตุใดเราไม่มานอนด้วยกันเล่า?" ทันใดนั้นปิงเสวี่ยเอ๋อร์เดินเข้าไปกอดแขนหลี่ชิงหยุนและมองไปที่เขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก
"เอ่อ..." หลี่ชิงหยุนที่ได้ยินก็เริ่มเหงื่อออก
แม้ว่าเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์กับหญิงสาวมากนักในชีวิตที่แล้ว แต่เขาก็รู้ว่าปิงเสวี่ยเอ๋อร์้าอะไร เขาอาจจะถูกราชินีน้ำแข็งผู้นี้กินก็เป็ได้...
"คิกคิก หยุนเ้ากำลังคิดอะไรอยู่?" ปิงเสวี่ยเอ๋อร์หัวเราะเบาๆและเอามือปิดปากเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลี่ชิงหยุนเงียบไป เห็นได้ชัดว่านางแค่แกล้งหลี่ชิงหยุนเล่นเท่านั้น
หลี่ชิงหยุนลูบจมูกอย่างเขินอาย
นาหลันเสี่ยวฉีด้านข้างก็หัวเราะเช่นกันเมื่อเห็นใบหน้าที่เขินอายของหลี่ชิงหยุน นางมองไปที่หญิงสาวทั้งสามก่อนจะกล่าวออกมา "เหตุใดพวกเราไม่ไปอาบน้ำกันก่อน?"
"นั่นเป็ความคิดที่ดี" ปิงเสวี่ยเอ๋อร์ เสิ่นชิงและกู่ซินเหลียนเห็นด้วยทันที
"เอาล่ะ วันนี้จบการฝึกฝนแค่นี้ พรุ่งนี้พวกเ้าสามารถฝึกฝนต่อไปได้ แต่อย่าหักโหมมากเกินไป มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของพวกเ้า" หลี่ชิงหยุนไม่ลืมที่จะตักเตือนพวกนาง
การปิดประสาทััทั้งห้าไว้นานๆไม่ใช่เื่ดีเสมอไป หลี่ชิงหยุนให้พวกนางเน้นไปที่ประสาทัั หาก้าเข้าสู่สภาวะเต๋าก็จำเป็ต้องปิดััทั้งห้า แต่หากไม่ได้ฝึกฝน เขาจะเน้นย้ำให้พวกนางเปิดประสาทััทั้งห้าให้ถึงขีดสุด เพื่อเป็การฝึกและเตรียมตัวรับมือกับทุกสถานการณ์
"พวกเราเข้าใจ" หญิงสาวทุกคนมีพื้นฐานมาบ้างแล้วจากการฝึกฝนครั้งนี้ เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปของพวกนางก็จะสามารถสื่อสารกับธรรมชาติได้ง่ายขึ้น
เมื่อพูดคุยกันอีกเล็กน้อย โม่หยุนซีก็ขอแยกตัวเพื่อกลับไปที่วัง
นาหลันเสี่ยวฉีมองไปที่เสิ่นชิง กู่ซินเหลียนและปิงเสวี่ยเอ๋อร์พลันยิ้มออกมา "พี่สาว ไปอาบน้ำด้วยกันเถอะ"
เมื่อสาวๆจากไปมีเพียงหลี่ชิงหยุนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่
ตอนนี้หลี่ชิงหยุน้าดูว่าเสี่ยวเฟิงเป็อย่างไรบ้าง เขาจึงตัดสินใจเข้าไปในเจดีย์ปฐมกาลทันที
เมื่อเข้ามาเขากลับเห็นภาพที่ทำให้ดวงตาของเขาแทบจะหลุดออกจากเบ้า
เสี่ยวเฟิงนกตัวน้อยที่มีขนาดเท่าฝ่ามือก่อนหน้านี้กลายเป็นกที่มีขนาดใหญ่ ในขณะนี้ร่างกายของมันสูงเท่าเอวของเขาแล้ว และมันกำลังนอนหลับสนิทอยู่ที่แท่นบ่มเพาะ
"เสี่ยวเฟิง...โตเร็วเกินไปหรือไม่?" หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
เขารับเสี่ยวเฟิงมาเลี้ยงแค่หนึ่งวันกว่าๆเท่านั้น แต่การพัฒนานี้ก็ไม่น่าเชื่อเกินไป บางทีอาจจะเป็เพราะพลังงานจากสมุนไพรระดับสูง
หากเป็สัตว์อสูรปกติไม่มีทางที่จะกินและย่อยสมุนไพรได้มากมายขนาดนี้ แต่ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฟิงจะเป็กรณีพิเศษ
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเฟิงกำลังหลับสบายหลี่ชิงหยุนก็ไม่ได้รบกวน แต่เขาเดินไปที่ห้องสมุดอย่างเงียบๆ
เขาเลือกอ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับการร่ายข้อจำกัดต่างๆที่มีอยู่ในห้องสมุดแห่งนี้
หลี่ชิงหยุน้าที่จะไปที่ห้องสมุดของราชวงศ์เพื่อศึกษาการเขียนอักษรรูนขั้นเบื้องต้น แต่เขาแทบจะไม่มีเวลาเลยั้แ่เขามาถึงเมืองหลวง
หลังจากเลือกดูหนังสือได้จำนวนหนึ่ง เขาก็ออกจากห้องสมุดและหยิบกระบี่กลืนิญญาออกมาเพื่อสื่อสารกับมัน
กระบี่เล่มนี้ได้ดูดกลืนิญญาไปมากมายแล้วในคืนนี้ ดังนั้นความทรงจำและความแข็งแกร่งของมันอาจจะเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง
ในความเป็จริงหลี่ชิงหยุนไม่้าใช้ความสามารถในการกลืนิญญาด้วยซ้ำ เพราะเขามองว่ามันไร้มนุษยธรรมเกินไป
การทำเช่นนี้เขาก็คงไม่ต่างจากตระกูลเล่ยที่คอยรวบรวมิญญาของผู้บริสุทธิ์มากนัก
แต่หากต้องใช้สิ่งนี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเผ่าปีศาจหรือภัยคุกคามขนาดใหญ่ เขาก็จะไม่ลังเลเลยแม้แตน้อย
"ิญญากระบี่ เ้าเป็อย่างไรบ้าง?" หลี่ชิงหยุนพูดคุยกับิญญากระบี่ผ่านจิตสำนึก
เขา้ารู้ที่มาที่ไปของกระบี่เล่มนี้อย่างมาก
"เ้าหนู ดูเหมือนว่าข้าจะจำบางอย่างขึ้นมาได้เล็กน้อย" ิญญากระบี่ได้ย่อยและดูดซับิญญาไปมาก ขณะนี้พลังของเขากำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ
"เ้าจำอะไรได้บ้าง?" หลี่ชิงหยุนสงสัยในเื่นี้ กระบี่กลืนิญญาต้องมีที่มาบางอย่างที่ไม่ธรรมดา แม้ว่าระดับของอาวุธจะมีจิติญญา แต่เขารู้สึกว่าิญญากระบี่นี้ต่างจากจิติญญาของอาวุธที่เขาเคยพบเห็น
ิญญากระบี่ตนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับกระบี่ แต่มีใครบางคนที่นำิญญาจากภายนอกของมันมาใส่ไว้ในกระบี่เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง
"มันเกี่ยวข้องกับหน้าที่ของข้า" เสียงของิญญากระบี่เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
"หน้าที่?" ดูเหมือนว่าที่หลี่ชิงหยุนคาดเดาไว้จะมีมูลความจริงอยู่บ้าง
ิญญากระบี่กล่าวยืนยัน "ถูกต้อง ข้าจำได้ว่า ข้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ แต่กลับกลายเป็ว่าแม้แต่เ้าของเก่าของก็ยังทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จแม้ว่าเขาจะใช้เวลามากกว่าหลายหมื่นปีก็ตาม"
"ภารกิจ มันคืออะไร?" หลี่ชิงหยุนประหลาดใจในคำพูดของิญญากระบี่อย่างมาก นั่นหมายความว่ากระบี่เล่มนี้อาจจะถูกสร้างเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งมากกว่าหมื่นปีด้วยซ้ำ
แม้ว่าอายุขัยของผู้บ่มเพาะจะสูง แต่เขาไม่รู้จักบุคคลที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าหมื่นปีเลยแม้แต่คนเดียว
หากเทียบกับระดับของเขาในชีวิตที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ขั้นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ อายุขัยของเขาก็คงอยู่ได้ไม่เกินห้าพันปีอย่างแน่นอน
'เป็ไปได้ไหมว่ายังมีระดับพลังที่สูงกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?' หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะสงสัยหัวข้อนี้
ิญญากระบี่ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดต่อ "ตอนนี้ข้ายังบอกรายละเอียดเ้าไม่ได้ แต่ถ้าให้บอกว่ามันมีความสำคัญมากแค่ไหน ข้าต้องบอกว่านี่เกี่ยวข้องกับการล่มสลายและาระหว่างเผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่"
หลี่ชิงหยุนอ้าปากค้าง เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะหยิบกระบี่ที่อันตรายขนาดนี้ขึ้นมา
"ตอนนี้เ้าอ่อนแอเกินกว่าจะรู้เื่นี้ หากเ้ารู้เข้ามีแต่จะทำให้เ้าเดือดร้อนเท่านั้น" ิญญากระบี่ดูเหมือนจะส่ายหัวเล็กน้อย
"ข้าจะแนะนำว่าเ้าควรมีดาบเล่มอื่นที่ดีกว่าดาบสีดำของเ้าอีกเล่ม กระบี่นี้อาจจะเหมาะสำหรับการต่อสู้ แต่จุดประสงค์ของมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น การที่จะให้เ้าใช้กระบี่กลืนิญญาทุกครั้ง บางทีเ้าอาจจะไม่สามารถทนต่อฟันเฟืองและผลกระทบย้อนกลับของกระบี่เล่มนี้ได้" ิญญากระบี่้าให้หลี่ชิงหยุนละเว้นการใช้กระบี่กลืนิญญาให้มากที่สุด เพื่อลดปัญหาฟันเฟืองย้อนกลับ กระบี่เล่มนี้อันตรายเกินไปหากผู้ใช้ไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ
หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะหดหู่ ก่อนหน้านี้เขาควรเลือกเหล็กอุกกาบาตเพื่อสร้างดาบเล่มใหม่จริงๆ
แต่เมื่อผ่านไปแล้ว เขาทำได้แค่ต้องหาดาบเล่มใหม่หรือตีดาบขึ้นมาด้วยตัวเองเท่านั้น
"และอีกอย่างหากมีปรมาจารย์บางคนที่รู้จักเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้ ชีวิตของเ้าก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!" น้ำเสียงของิญญากระบี่เริ่มจริงจัง แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นต้องเป็เื่ที่ร้ายแรงมากอย่างแน่นอน
"ผู้ที่รู้จักกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?" เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจัง หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะกลัวเล็กน้อย
"เกินกว่าที่เ้าจะจินตนาการได้อย่างแน่นอน..." ิญญากระบี่ตอบกลับ "หากไม่จำเป็ หลีกเลี่ยงการใช้มันให้มากที่สุด"
หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นๆ เขารู้สึกว่าชีวิตนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างกำลังบีบรัดเข้าหาเขาเรื่อยๆ
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังเป็ปริศนามากเกินไปสำหรับเขาในชีวิตนี้
เหตุใดเขาจึงย้อนเวลากลับมาได้? แล้วย้อนกลับมาเพื่ออะไร?
ผู้ที่สร้างเจดีย์ปฐมกาลมีจุดประสงค์อะไรในการสร้างของแบบนี้ขึ้นมา?
รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับตระกูลเล่ยและตระกูลหยาน และกลุ่มชายชุดดำลึกลับ
เมื่อคิดถึงหลายๆอย่างหลี่ชิงหยุนก็เริ่มที่จะปวดหัว
"ดูเหมือนว่าชีวิตสงบสุขที่ข้า้า คงจะไม่ได้ได้มาง่ายๆจริงๆ" หลี่ชิงหยุนถอนหายใจอย่างหดหู่
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆและพูดกับิญญากระบี่ "ข้าจะไปพักผ่อน"
วันนี้หลี่ชิงหยุนเหนื่อยมากเกินไป เขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์หลายๆอย่าง แม้กระทั่งเกือบถูกฆ่าโดยหงชาเทียนและเกือบจะตกอยู่ในมือของหงเจิ้น
เขาออกจากเจดีย์ปฐมกาลและตรงไปที่ห้องนอนของเขาทันที แต่เมื่อเขาเปิดประตูออกกำลังจะไปนอนที่เตียง เขาก็เห็นภาพด้านในที่ทำให้ตาค้างไปชั่วขณะ
ขณะนี้ในห้องของเขามีนาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิง ปิงเสวี่ยเอ๋อร์และกู่ซินเหลียนนั่งอยู่บนเตียงของเขา หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วร่างกายของพวกนางดูมีเสน่ห์มาก กลิ่นหอมจางๆคล้ายกับกลิ่นดอกไม้และกลิ่นร่างกายของหญิงสาวตีเข้าที่จมูกของเขาโดยตรง อีกอย่างพวกนางทั้งหมดอยู่ในชุดนอนสีขาวบางๆเท่านั้น
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของหลี่ชิงหยุนเป็ภาพที่สวยงามอย่างแท้จริง แม้แต่เขาที่มีความยับยั้งชั่งใจสูงก็เกือบจะกลายเป็หมาป่าหิวโหยโดยไม่รู้ตัว
นาหลันเสี่ยวฉีและหญิงสาวที่ได้ยินเสียงเปิดประตู พวกนางทั้งหมดหันไปมองที่ประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อพวกนางเห็นว่าหลี่ชิงหยุนกำลังจ้องอย่างไม่กระพริบตาและแทบจะน้ำลายไหล พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเหมือนแอปเปิ้ลสุก
"เอ่อ...พวกเ้ามาอยู่ในห้องของข้าได้อย่างไร?" หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
"หยุน มานี่เถิด..." ปิงเสวี่ยเอ๋อร์ไม่สนใจที่จะตอบหลี่ชิงหยุน นางเดินเข้าไปจับแขนเขาไว้และลากเข้ามาในห้องทันที