ขณะที่ลั่วเหยียนกำลังหน้าบึ้งตึงจึงพูดขึ้น“ไร้ประโยชน์จริงๆ!”
คิดไม่ถึงเลยว่าหูจ่านจะไม่ประลองและยอมแพ้อีกด้วยพูดได้เลยว่าครั้งนี้สำนักหยุนต้งน่าอับอายและขายหน้าจริงๆ
ข้าเดินตรงไปยังที่นั่งของตัวเองหลังจากเดินลงเวทีการประลองเพื่อไปรับประทานอาหารต่อซูเหยียนถังเชวียหรานและตั้นไถเหยาก็โน้มตัวเข้ามาหาพร้อมกับใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอันแสนหวานขณะปรบมือและพูดชม“เยี่ยมจริงๆ!”
มือซ้ายของช่างหรงกดลงที่โต๊ะส่วนมือขวายกขึ้นเพื่อดึงอาวุธิญญาออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับพูดขึ้น“เซินยวนแข็งแกร่งที่สุด ปู้อี้เชวียน เ้าจะยอมไปทดสอบกับข้าหรือไหม?”
ถึงแม้ว่าช่างหรงจะบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับพิภพขั้นต้นแต่เขาก็คือหนึ่งในสี่ของสำหนักหยุนต้งและมีความฮึกเหิมเป็พร์ซึ่งสามารถกระตุ้นศักยภาพในการต่อสู้ขึ้นมาได้เกรงว่าเขาจะไม่อยู่ต่ำกว่าขั้นการบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับพิภพขั้นกลางเมื่อพลังนั้นเพิ่มขึ้นจนถึงระดับเซียนอีกอย่างช่างหรงก็เหมือนกับลั่วเหยียนที่ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ั้แ่เด็กและยังได้รับการฝึกฝนอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็ปกป้องร่างกายด้วยวิชาลมหายใจันักฆ่าของผู้พิทักษ์ระดับพิภพที่ข้าได้พบเจอในหุบเขาหลิงหยุนซึ่งต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงจาก จากแหล่งต้นกำเนิดความรู้ที่หนักแน่นนั้นทำให้รู้ว่าแม้จะบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับขั้นต้นเช่นเดียวกันแต่ก็มีขั้นพลังต่างกัน
ข้าสามารถฆ่าเสี้ยงอี้และเซียวฉู่เชิงโดยใช้พลังห้าพลังรวมเป็หนึ่งเดียวแต่ถึงกระนั้นก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเอาชนะปรมาจารย์หนุ่มอย่างช่างหรงและลั่วเหยียนเพียงใช้การผสานห้าพลังรวมเป็หนึ่งแม้แต่การผสานหกพลังรวมเป็หนึ่งก็ยังยากที่จะเอาชนะได้กระทั่งพลังของลั่วเหยียนแข็งแกร่งกว่าระดับเซียนอย่างฟางชิงยวนต่างกันราวฟ้ากับดิน
คิดอย่างนี้แล้วข้าต้องขอบคุณการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนี้และพูดขึ้น “ไม่ล่ะข้าเคยพูดก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะตอบรับการท้าประลองแค่สนามนี้เท่านั้นวันนี้ข้ามาเพื่อทานอาหาร ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับใคร จริงไหม?”
ลั่วหว่านกวาดตามองและพูดไกล่เกลี่ย“ใช่แล้วๆ ดูก็รู้ว่ามาร่วมฉลองวันเกิดให้กับอาเหยียนถ้าวันนี้รบราฆ่าฟันก็ดูจะอย่างไรอยู่ ช่างหรง มานั่งลงทานอาหารกัน!”
ลั่วหว่านกับน้องชายลั่วเหยียนนั้นบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับพิภพขั้นกลางทั้งคู่และยังชำนาญเพลงกระบี่เทพจากสำนักหยุนต้งด้วย ความแข็งแกร่งของนางจึงเหนือกว่าฉะนั้นช่างหรงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องฟังคำพูดของนางเขาทำได้เพียงขมวดคิ้วและมองข้าด้วยความโกรธแค้นก่อนพูดขึ้น“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรอทดสอบเพลงกระบี่ดินแดนหิมะที่สุดยอดในครั้งต่อไปแล้วสิท่า”
“รออะไรอีกล่ะ?”
ซูหยียนมองไปรอบๆพลางพูดอย่างใจเย็น “ช่างหรง เ้ามีฝีมือระดับสูงของการบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับพิภพส่วนปู้อี้เชวียนนั้นเพิ่งจะมาบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์และมีศักยภาพเพียงระยะเริ่มต้นเ้าได้แต่พูดว่าอยากทดสอบเพลงกระบี่ดินแดนหิมะนี่เท่ากับเป็การกลั่นแกล้งปู้อี้เชวียนแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองจะมีความหมายอะไร ท่านลุงหลงเ้ามานี่เ้าไปเป็คู่ประลองให้กับท่านช่างหรงที!”
ท่านลุงหลงโฉบร่างกายอันเปรียบเสมือนเมฆเข้ามาทั้งยังแพร่รัศมีพลังที่เปรียบดั่งูเาลูกใหญ่อยู่ไม่ไกลมาอยู่ตรงหน้าของทุกคนพร้อมกับยิ้มและประสานกำปั้นทำความเคารพก่อนจะพูด“ขอทำความเคารพขอรับ คุณหนู!”
“หลง...ทะ ท่านหลงฟ่าน...”
ใบหน้าของช่างหรงนั้นซีดลงทันทีเมื่อพบท่านลุงหลงซึ่งเป็คนแรกของอันดับัพยัคฆ์และบำเพ็ญผู้พิทักษ์์ขั้นกลางอีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งที่สามารถสกัดและปราบปรามพลังของช่างหรงได้ถ้าให้ท่านลุงหลงประลองกับช่างหรงก็เหมือนกับเอาชนะแค่นั้น
ซูเหยียนยิ้มบางๆและพูดขึ้น “ท่านช่างหรง ความแข็งแกร่งของท่านมีมากกว่าปู้อี้เชวียนถึงระดับหนึ่งพอดีว่าท่านลุงหลงบำเพ็ญผู้พิทักษ์์ขั้นกลางก็ต่างจากท่านระดับหนึ่งท้าประลองกับท่านลุงหลงแบบนี้ก็ยุติธรรมดี เอาอย่างไรดี จะสู้ไหม?”
ช่างหรงยิ้มแห้งก่อนพูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้น...ก็ช่างมันเถอะท่านหลงฟ่านเป็ถึงปรมาจารย์ัพยัคฆ์บนแผ่นดินนี้ข้าน้อยผู้นี้ไม่กล้าจะท้าประลองหรอกขอรับเมื่อครู่...เมื่อครู่นั้นก็แค่การหยอกเล่นศิษย์ที่ร่วมสำนักกับเราจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อประลองกันได้อย่างไรล่ะ แล้วซูเหยียนเ้าอย่าได้คิดเยอะไปเลยข้าก็แค่...อยากจะรู้ว่ากระบี่ดินแดนหิมะนั้นมหัศจรรย์มากเพียงใดก็เท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ท่านลุงหลงไปทานอาหารต่อเถอะ”
“ขอรับ คุณหนู!”
ซูเหยียนยิ้มร่าพลางคีบเนื้อวัวชิ้นโตมาวางลงในจานของข้าก่อนจะพูดขึ้น “กินให้เยอะๆ นะผู้คุ้มกันตัวน้อยพอกินเยอะแล้วก็จะมีพละกำลังทำงานให้ข้า!”
ข้า“...”
ไม่นานนักทุกคนบนโต๊ะก็สามัคคีร่วมกันชนแก้วดื่มเหล้า ยอดฝีมือจากสำหนักหยุนต้งต่างทยอยเข้ามาหาเพื่อเอาอกเอาใจซูเหยียนและถังเชวียหรานซึ่งเป็สองสาวงามจากทางตะวันออกและเป็ลูกสาวของสองขุนนางใหญ่ทั้งยังควบคุมการอยู่รอดของสหพันธ์อาณาจักรจะมีอนาคตที่สดใสได้ทันทีเมื่อสามารถควบคุมพวกนางได้
แต่น่าเสียดายเพราะแค่ชนและดื่มเหล้าเท่านั้นนั้นซูเหยียนเป็คนเ็า ส่วนถังเชวียหรานก็เย็นดั่งน้ำแข็งถึงอย่างไรเสียพวกนั้นก็เป็เพียงผู้ฝึกฝนขั้นที่สองทว่าซูเหยียนและถังเชวียหรานกลับฝึกฝนวิชาความรู้ขั้นสุดยอดซึ่งนางทั้งสองคนก็ไม่มีท่าทีที่จะสนใจยอดฝีมือจากสำนักหยุนต้งเลยแม้แต่น้อยเนื่องด้วยความแตกต่างจึงทำให้ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้ว
...
หลังดื่มเหล้าทานอาหารจนอิ่มแล้วก็กลับไปที่สำนักใน่บ่ายพวกข้าไม่ได้อยู่รอคนอื่นๆ กับลั่วเหยียนจึงกลับมาก่อน
ใบไม้ปลิดปลิวลงจากต้นไม้สูงอย่างไม่ขาดสายระหว่างสองข้างทางเดินใบไม้บนทางเดินปลิวไปตามลมของฤดูใบไม้ร่วง ช่างดูเงียบเหงายิ่งนักกระทั่งซูเหยียนเริ่มตัวสั่นและดวงตาได้เปล่งประกายความสุขก่อนพูดขึ้น“ดูแล้วควรจะได้เสื้อกันหนาวมาเพิ่มสินะ!”
ถังเชวียหรานยิ้มอย่างร่าเริงและพูดว่า“กลับไปซื้อด้วยกันเถอะ”
“อืม”
ซูเหยียนหันหลังกลับมามองข้าแล้วถามขึ้น“ปู้อี้เชวียน ทำไมเ้าไม่พูดไม่จา”
ตั้นไถเหยาหัวเราะเบาๆและพูดเสริม“ท่าทางของลั่วเหยียนวันนี้เหมือนจะพาศิษย์ทั้งหมดของหยุนต้งไปคารวะอาจารย์ประมาณว่าแกล้งให้ใ”
ข้าลูบจมูกตัวเองแล้วพูดขึ้น“ไม่ถึงกับใกลัว ก็แค่รู้สึกถึงความวุ่นวายคล้ายกับถูกมองอยู่แค่นั้นแต่ยังดีที่ลั่วเหยียนยังเป็สุภาพบุรุษที่ออกตัวชัดเจนว่าไม่ลอบทำร้ายกันข้างหลังไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายจริงๆ แน่”
หลิวถ๋งเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆและพูดขึ้น “พี่ปู้อี้เชวียนวางใจเถอะชื่อเสียงของลั่วเหยียนจากสำนักหมื่นิญญาก็ดีมาตลอดแม้จะอยากพุ่งเป้าเอาชนะเ้าก็ทำได้เพียงต่อหน้า ไม่ลอบทำร้ายหรอก”
“อืม ข้าก็พอมองออก”
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนพูดขึ้น “ลั่วเหยียนเป็คู่แข่งที่น่านับถือแต่ตอนนี้พลังความแข็งแกร่งของข้านั้นต่างจากลั่วเหยียนมากโขเมื่อข้าใช้พลังทั้งหมดสามครั้งก็ไม่สามารถรับมือได้อยู่ดังนั้นข้าจึง้าใช้เวลาฝึกฝนให้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่เวลามันสั้นนักในระยะเวลาสามเดือนจะต้องรวบรวมพลังัพยัคฆ์และในเวลาสามเดือนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าข้าสามารถเลื่อนไปถึงขั้นไหน”
ดวงตาคู่สวยของซูเหยียนเหลือบมองพลางพูดด้วยรอยยิ้มที่ใจดี “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหมพวกเราห้าคนก็สมัครเข้าร่วมฝึกบำเพ็ญประสบการณ์ที่หุบเขาหลิงหยุน เป็ไง? อีกอย่างพวกเราห้าคนก็ไม่ได้ไปฝึกด้วยกันนานแล้วซึ่งอาจารย์จะต้องเห็นด้วยแน่นอนแบบนี้ไม่เพียงได้ฝึกประสบการณ์และเติบโตในหุบเขาหลิงหยุนแต่ยังหลบเลี่ยงการตามราวีของลั่วเหยียนได้และก็ปล่อยให้ลั่วเหยียนที่อยากจะลิ้มลองรอคอยต่อไป เป็ยังไง?”
“เป็ความคิดที่ดี”
ข้าโบกมือแล้วพูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้แหละ รีบไปยื่นใบสมัครกันเถอะข้าคิดว่าอาจารย์หลันเท้อต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน ยังไม่ต้องไปเรียนวิชาตอนบ่ายไปเตรียมของเตรียมยาเพื่อไปฝึกบำเพ็ญพลังที่หุบเขาหลิงหยุนกัน”
“อืม!”
สาวงามทั้งสี่คนพยักหน้าพร้อมกันด้วยใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งการเฝ้ารอดูเหมือนว่าพวกนางอยากจะออกไปเดินทางตั้งนานแล้วเพราะได้รับการฝึกฝนในสำนักหมื่นิญญามานานเกินไปและเบื่อชีวิตของนกในกรงทองถึงแม้ว่าูเาหลิงหยุจะเต็มไปด้วยอันตรายทว่าตอนนี้พลังของเราทั้งห้าคนได้พัฒนาอย่างก้าวะโต่างจากที่ผ่านมาราวฟ้ากับดิน ซูเหยียนก็บำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ขั้นสุดแล้วถังเชวียหรานก็กำลังจะเริ่มบำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ขั้นสุดส่วนตั้นไถเหยาและหลิวถงเอ๋อร์ก็บำเพ็ญผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ขั้นต้นทั้งคู่ทุกคนต่างก็ตั้งใจฝึกฝนวิชาเป็อย่างมากการเข้าไปยังหุบเขาหลิงหยุนก็จะไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้”
...
หลังจากได้เห็นใบสมัครของพวกเราแน่นอนว่าหลันเท้อก็เห็นด้วยและจะไปกับพวกเรา แต่เขาก็ถูกพวกข้าปฏิเสธไป
“ทำไมไม่ให้ข้าไปกับเ้า?”
หลันเท้อดูหัวเสียจากนั้นใบหน้าก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่นให้เห็นแล้วจึงมองข้าและซูเหยียนพลางหัวเราะและพูดขึ้น “ข้าเข้าใจแล้วหรือว่าผู้สอนอย่างข้าจะเกะกะ หากข้าไม่อยู่พวกเ้าก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ในเขาหลิงหยุน จุ๊ๆ...หุบเขาหลิงหยุนเป็เขาเก่าแก่เปรียบดั่ง์ ทั้งยังลึกลับซับซ้อนแน่นอนว่าเป็สถานที่ที่ดีและเหมาะแก่การฝึกฝนบำเพ็ญ แต่ว่าพวกเ้าห้าคนไปด้วยกันสี่คนก็เป็สาวงาม อย่างนั้น...ปู้อี้เชวียน เ้ารับมือไหวเหรอ?”
หลันเท้อไตร่ตรองสักครู่และหยิบขวดหยกออกจากอกแล้วพูดว่า“นี่คือยาเม็ด ซึ่งตอนที่ข้ายังเด็กได้รับจากฤๅษีบนูเาลึกชื่อของมันก็คือเม็ดยาัพยัคฆ์มันเป็แค่ยาเม็ดเล็กๆรับรองว่าถ้าเ้ากินก็จะแข็งแรงมีชีวิตชีวาแม้แต่ปืนเงินก็ล้มไม่ได้และยิ่งไม่ต้องพูดถึงสาวงามทั้งสี่แม้ว่าสี่สิบคนก็ยิ่งไม่ต้องพูด...อา...ซูเหยียนทำไมเ้าถึงดึงดาบออกมา”
ถังเชวียหรานก็หมดคำจะพูด“บางครั้งข้าก็อยากจะเตะเ้าสองคนให้ตาย”
ข้าปฏิเสธความหวังดีของหลันเท้อและพูดขึ้น“อาจารย์หลันเท้อพวกข้าอาจจะฝึกฝนในหุบเขาหลิงหยุนยาวจวบจนครึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือนพวกข้าตั้งใจไปยังเขาที่สามของหุบเขา และสัตว์ิญญาระดับเจ็ดในเขาที่สี่ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนอย่างน้อยพลังของพวกข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งท่านช่วยข้าเขียนรายงานการออกไปฝึกบำเพ็ญข้างนอกแล้วส่งไปที่สำนักที!”
“อืม ไม่มีปัญหา แต่ว่าท่านรองเ้าสำนักเพิ่งจะไปเขตเหนือดังนั้น...ถ้าส่งไปตอนนี้คงต้องให้กับผู้ช่วยสวี่ลู่ ตอนเย็นข้าอาจจะมีนัดหมายเ้ามั่นใจว่าจะเขียนใช่ไหม?”
“แล้วแต่เ้าเลย ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญ”
ข้าพยักหน้าและพูด“ตอนนี้ได้รายงานไปแล้วพวกเราก็แยกย้ายกลับไปเตรียมตัวและออกเดินทางในวันพรุ่งนี้”
“ดี ระวังตัวด้วยนะ!”
...
ใน่บ่ายพวกเราก็ไปที่ร้านขายยาตรงริมถนนเพื่อจะซื้อยาเม็ดเช่น ยารักษาาแ ยาห้ามเื ยากำลังวังชา ยาแก้ช้ำส่วนเสบียงอาหารก็ซื้อขนมปังนับพันเก็บไว้ในแหวนกระดูกจักรภพของข้าจากนั้นก็เตรียมเครื่องปรุงต่างๆ ไว้ไม่น้อย หลังจากที่ข้าเตรียมของเสร็จบ้างแล้วซูเหยียนก็ลากแขนเสื้อของข้าและพูดขึ้น “ไปเถอะ ไปซื้อเสื้อผ้า!”
“ซื้อเสื้อผ้า ซื้อเสื้อผ้าอะไร?”
“ครั้งนี้พวกเราจะไม่ใส่ชุดของสำนักหมื่นิญญาไปหุบเขาหลิงหยุนแล้วและนี่ก็เป็อีกครั้งที่ข้า ถังเชวียหราน ตั้นไถเหยาและหลิวถงเอ๋อร์เห็นตรงกันว่าจะเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งหมดและเ้าก็เช่นกัน”
“...”
ความจริงที่นี่เป็ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองหลินเสี่ยมีสตรีที่งดงามมากมาย หลังจากนั้นไม่นานข้าก็ได้เข้าไปในร้านเสื้อผ้าภายในร้านมีเสื้อผ้าเตรียมไว้เป็พิเศษสำหรับผู้ฝึกฝนพลังหญิงซูเหยียนและตั้นไถเหยาก็ได้เลือกชุดของตัวเองมาหนึ่งชุดเมื่อซูเหยียนสวมชุดใหม่นางก็ดูมีเสน่ห์งดงามเป็พิเศษ เสื้อคลุมสีครีมกับเสื้อรัดรูปสีขาวข้างในเผยให้เห็นรูปร่างที่สง่างามอย่างสมบูรณ์แบบอีกทั้งรอบตัวยังพันด้วยสายหนัง ส่วนข้างสะโพกงอนของนางห้อยด้วยกริชสองเล่มร่างกายส่วนล่างคือกางเกงขายาวสีครีมขายาวสองข้างนั้นเผยผิวละเอียดเปรียบดั่งหิมะที่น่าดึงดูดใจและงานฝีมืออันละเอียดงดงามตรงปลอกขาและรองเท้าบูตหนังสั้นช่วยเพิ่มบุคลิกที่กล้าหาญขึ้นเล็กน้อยทุกส่วนนั้นเปรียบดั่งหยกที่์สรรค์สร้างให้งดงามอย่างไร้ที่ติ
“สวยมากจริงๆ ...”
แม้กระทั่งตั้นไถเหยาก็ตกตะลึงก่อนจะยิ้มและพูดขึ้น“สมคำเล่าลือของสำนักที่บอกว่าซูเหยียนมีคุณสมบัติสามอย่างคือ ขาอันยาวเรียวเล็กหน้าอกใหญ่ และเอวบาง วันนี้ได้เห็นกับตา ไม่เสียชื่อเลยจริงๆ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้