ความเยือกเย็นของฉินอวี่ถ่ายเทเข้าสู่แก่นปราณอันบริสุทธิ์ น้ำเสียงดังออกไปราวกับเสียงของฟ้าผ่าอันสั่นะเื กระแทกใส่โสตประสาทของเหล่าอัจฉริยะแต่ละคนในทันที ราวกับสายฟ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ทุกคนต่างมองไปยังฉินอวี่ที่มีสีหน้าเคร่งขรึม จิตใจของแต่ละคนต่างสั่นสะท้านขึ้นพร้อมกัน
หากจะพูดถึงฉินอวี่ในก่อนหน้านี้ที่ทำให้พวกเขารู้สึกถึงการโอ้อวดกำลัง ความโง่เขลาและหยิ่งผยอง อวดร่ำรวย แต่แล้ว ฉินอวี่ในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็คนละคน น้ำเสียงดูหนักแน่นชัดเจน มีพลังของความบ้าคลั่งและทรงพลังแฝงออกมาอย่างไร้ตัวตน สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างมึนงงเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มจางๆ ตรงมุมปากของฉินอวี่
ทุกคนต่างกำลังเหมือนถูกฟ้าผ่า ในตอนนี้ในเวลานี้ ทุกคนเกือบจะยืนยันได้ว่าหลี่โหย่วฉายมีเจตนาทำเช่นนี้มาั้แ่ต้น มีเจตนาจะจับทุกคนเป็เหยื่อของเขา?
หรือว่าหลี่โหย่วฉายจะมีความมั่นใจอย่างมากจริงๆ ที่จะเป็สามสิบหกขุนพล์?
น่าจะเป็เช่นนี้แน่นอน
เดินเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้าง
นั่นระยะรัศมีเพียงสองจ้างเชียวนะ
ต่อให้เป็ผู้นำของเต้าหวังทั้งสี่ของต้าหลัวเต้าจวินซึ่งเป็ผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้าสิบอันดับแรกของแดนต้าโหมวเทียนอย่างฉิงเทียนหวังก็ยังเข้าใกล้ได้เพียงสองจ้าง และหลี่โหย่วฉายคนนี้สามารถจะเข้าไปเคียงข้างฉิงเทียนหวังได้ เขาต้องมีสายสัมพันธ์อันดีกับผนึกจอมอสูรเป็แน่?
นับั้แ่เกิดการก่อตัวขึ้นของแดนต้าโหมวเทียน คนที่อยู่ระดับต่ำกว่าขั้นเขตแดนเต๋าที่สามารถเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ก็มีระยะห่างถึงสิบจ้าง และก็มีอยู่เพียงไม่กี่คน
แต่คนในระดับต่ำกว่าระดับเขตแดนเต๋าที่เข้าถึงแผ่นผนึกว่านเซี่ยงได้ในระยะเพียงสองจ้าง เกรงว่า นับั้แ่โบราณมาถึงปัจจุบันคงมีเพียงหลี่โหย่วฉายเท่านั้น!
แม้ว่าจะเข้าใกล้ในระยะสองจ้างได้ก็ยังไม่ได้หมายความว่าหลี่โหย่วฉายจะได้เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ แต่ตัวแปรที่เกิดขึ้นจริงกลับมีมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระดับฝึกฝนในขั้นกุมารทิพย์ระดับกลางที่สามารถเข้าถึงแผ่นผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้างได้นั้น ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย สิ่งนี้ทำให้จิตใจของพวกเขาหวาดกลัวเป็อย่างมาก และมีบางคนเริ่มมั่นใจว่าฉินอวี่จะต้องได้เป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์อย่างแน่นอน
เมื่อเป็เช่นนี้ หากถึงเวลานั้นสิ่งของที่วางเดิมพันไว้ก็จะต้องนำออกมาให้เขาใช่หรือไม่? แต่พวกเขามีสักกี่คนที่สามารถนำอาวุธเต๋าระดับสูงที่เดิมพันไว้มาได้จริงๆ?
แม้ว่าจะมีสถานะที่โดดเด่นในสังคม แต่พวกเขาแต่ละคนต่างมีสิ่งตกทอดในตระกูลของตนมาอย่างยาวนาน มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะมีอาวุธเต๋าอยู่จริงก็อาจจะตกไม่ถึงมือของพวกเขา
ในชั่วขณะหนึ่ง ศิษย์อัจฉริยะเหล่านี้ต่างเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาในใจ แม้ว่าจะเกรงกลัวสถานะของฉินอวี่ แต่ก็ไม่ยินยอมให้ฉินอวี่จากไปอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงตัดสินใจล้อมฉินอวี่ไว้พร้อมเงื่อนไขแลกเปลี่ยน เพียงหวังว่าฉินอวี่จะยอมมอบไม้ไผ่เดิมพันออกมา และยกเลิกการเดิมพัน!
ฉินอวี่กวาดสายตามองทุกคนอย่างเ็า และแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ คนเหล่านี้ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนหน้านี้มีแต่ความกระตือรือร้นที่จะมาเดิมพัน แต่ตอนนี้กลับ้าถอยหนีอย่างสุดชีวิตราวกับสังเกตเห็นสถานการณ์บางอย่าง? มีอะไรบนโลกที่ได้มาโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนบ้าง? เพียงแต่ ในตอนนี้ยังไม่อาจจะหยิ่งผยองได้ ไม่เช่นนั้น คนเหล่านี้ก็อาจจะสร้างความยุ่งยากขึ้นมาจริงๆ และจะกลายเป็ความวุ่นวายเสียเปล่า ทันใดนั้น ฉินอวี่จึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “พวกเ้าต่างกล้าที่จะเดิมพันกับข้าเองมิใช่หรือ? การที่ข้าเข้าใกล้แผ่นผนึกว่านเซี่ยงในระยะสองจ้างได้เป็เื่ดีมากเลยทีเดียว มันหมายความว่าข้าจะได้เป็สามสิบหกขุนพล์ใช่หรือไม่?”
“ไม่ต้องสนใจว่าจิตใจของพวกข้าจะเป็อย่างไร แต่เ้าวางแผนหลอกลวงพวกข้ามาั้แ่แรก เห็นอยู่ชัดเจนว่าเ้าประสบความสำเร็จเื่ของผนึกจอมอสูร แต่เ้ากลับเสแสร้งทำเป็ไม่มีประสบการณ์อ่อนต่อโลก เพื่อหลอกลวงพวกข้า หลอกล่อให้พวกข้ามาร่วมการเดิมพัน เห็นได้ชัดว่าเ้าไม่บริสุทธิ์ใจ! ในตอนนี้พวกข้าเองก็ไม่กล้าจะทำให้เ้าลำบากใจ นำไม้ไผ่เดิมพันทั้งหมดออกมา พวกข้าจะไม่เอาเื่กับสิ่งที่เ้าทำกับพวกข้า” ชายหนุ่มที่เคร่งขรึมคนหนึ่งลุกขึ้นมา จ้องไปยังฉินอวี่และพูดอย่างเ็า
“หลัวอวิ๋นทุน! ลูกหลานสายตรงของตระกูลต้าหลัวเต้าจวิน!” มีใครบางคนพูดขึ้นมา
“ใช่ พี่หลัวพูดได้มีเหตุผล หลี่โหย่วฉาย เ้าจงใจวางแผนร้ายกับพวกข้ามาั้แ่แรก ตอนนี้ขอแค่เ้าเอาไม้ไผ่เดิมพันออกมา พวกข้าจะละเว้นเื่ที่เกิดมาแล้วทั้งหมด!” มีคนเห็นด้วยกับหลัวอวิ๋นทุน และพูดขึ้นเสียงดัง
“ใช่แล้ว พี่หลัวอวิ๋นทุนพูดได้มีเหตุผล หลี่โหย่วฉาย ข้าว่าเ้ายอมเสียโดยดีจะดีกว่า อย่าให้ต้องใช้กำลังกันเลย กล้าวางแผนร้ายใส่พวกข้า เ้าก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วล่ะ!”
หลัวอวิ๋นทุนเป็ผู้นำ ส่วนคนอื่นๆ ได้แต่ทยอยเห็นตามเขา ในคำพูดต่างมีคำพูดของหลัวอวิ๋นทุนแฝงอยู่ในนั้น ราวกับว่าได้ลอกตามความหมายของหลัวอวิ๋นทุน จนทำให้สีหน้าของหลัวอวิ๋นทุนเริ่มนิ่งขรึม
ในความเป็จริง ในใจของหลัวอวิ๋นทุนในตอนนี้ก็เริ่มจะเสียใจอย่างมาก เขารู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดของเื่ทั้งหมดได้ั้แ่แรก ไม่ว่าหลี่โหย่วฉายจะโง่ถึงขนาดไหนก็คงไม่โง่พอจะนำพาผู้เฒ่าร้องไห้ก้าวไปสู่ความตายได้? อย่าว่าแต่จะเป็หลี่โหย่วฉาย ต่อให้เป็ผู้เฒ่าร้องไห้สมัยยังหนุ่ม ก็คงไม่มีความมั่นใจที่จะผ่านหอคอยเทียนกังไปได้ แต่หลี่โหย่วฉายผู้นี้น่ะสิ กลับไปเอาความกล้ามาจากไหนกันที่จะทำการเดิมพันกับทุกคนเช่นนี้?
เมื่อมีสิ่งผิดปกติก็ย่อมมีมาร ไม่ใช่ว่าหลัวอวิ๋นทุนจะไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึก เขาได้ชั่งน้ำหนักเื่ต่างๆ อยู่หลายครั้งแล้ว และครุ่นคิดไปมา โอกาสที่หลี่โหย่วฉายผู้นี้จะผ่านหอคอยเทียนกังนับว่ามีน้อยมาก ผนวกกับการเข้าร่วมเดิมพันของเหลยจั๋วเยว่ยิ่งทำให้เขาเปิดใจมากขึ้น และทุกคนต่างร่วมเดิมพัน ด้วยการวางเดิมพันเป็อาวุธเต๋าทั้งสิ้น มันยิ่งทำให้หลัวอวิ๋นทุนยากที่จะควบคุมความโลภในใจของเขาได้...
จนท้ายที่สุด หลัวอวิ๋นทุนก็ทนไม่ไหว และลงเดิมพันด้วยอาวุธชื่อเซียนหนึ่งชิ้น...
และด้วยเหตุผลนี้ หลัวอวิ๋นทุนจึงต้องกัดฟันทำอะไรเช่นนี้ เพราะตอนนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว หากปล่อยให้หลี่โหย่วฉายจากไป ตนเองก็คงต้องหาอาวุธชื่อเซียนมาให้เขาจริงๆ? แล้วตนเองจะไปเอาอาวุธชื่อเซียนจากที่ไหนมาให้หลี่โหย่วฉาย?
“เหอๆ? นับั้แ่ก่อนที่พวกเ้าจะมอบไม้ไผ่เดิมพันมา การเดิมพันก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ต่อให้ต้าหลัวเต้าจวินมาที่นี่ด้วยตนเองก็ไม่อาจขัดขวางการเดิมพันได้ ส่วนสิ่งที่พวกเ้าคิดในใจ ข้าอยากแนะนำให้พวกเ้ายกเลิกความคิดเ่าั้ไปเถอะ ถึงอย่างไร แม้ว่าแดนต้าโหมวเทียนจะยิ่งใหญ่ แต่ด้วยมโนจิตของอาจารย์ข้าย่อมปกคลุมไปทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียน” ฉินอวี่พูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ย ข่มขู่ทุกคนอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ได้ ใบหน้าเปลี่ยนเป็สีแดง แต่กลับไม่มีอะไรจะโต้เถียง ไม่อาจจะลงมือได้ และทำได้เพียงเก็บทุกอย่างไว้ในใจ จ้องมองฉินอวี่อย่างไม่มีคำพูดใดๆ
“ถอยไปเถอะ อันที่จริงหากข้าเป็พวกเ้า ก็คงจะได้แต่กลับไปคิด... ถึงที่มาเดิมของเื่นี้ให้ดีๆ เดิมแล้วเื่นี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเ้าเลย พวกเ้าทั้งนั้นที่หาเื่ใส่ตัว ตอนนี้ กลับมาหาว่าข้าวางแผนร้ายใส่พวกเ้าหรือ? ทุกท่าน ข้าขอแจ้งให้ทุกท่านรู้ไว้ด้วย ต่อให้พวกเ้าจะแข็งแกร่ง ก็ต้องใส่ใจต่อเหตุผลในแต่ละเื่ให้ดี หากไม่พูดคุยกันด้วยเหตุผลละก็... เหอๆ ข้าหลี่โหย่วฉายยิ่งชอบคนไร้เหตุผลอยู่ด้วยสิ...” ฉินอวี่เยาะเย้ย และพูดเชิงบีบบังคับ
แม้ทุกคน้าจะขัดขวาง แต่ดวงตาที่เ็าของฉินอวี่ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว และต่างถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย
เมื่อเป็เช่นนี้ ภายใต้วงล้อมของทุกคน ฉินอวี่จึงอันตรธานไปต่อหน้าทุกคนในทันที
คำพูดของฉินอวี่กึกก้องอยู่ในใจของเหล่าศิษย์อัจฉริยะ ท้ายที่สุด สายตาของแต่ละคนต่างมองไปยังร่างของเหลยจั๋วเย่วที่แทบจะหมดแรงยืน... และสายตาเหล่านี้ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป ท้ายที่สุด ก็เปลี่ยนเป็สายตาของการเค้นคำตอบและโกรธเคือง
“เหลยจั๋วเยว่... เ้า... เ้ากล้าสาบานหรือไม่... ว่าเื่นี้... ไม่ใช่แผนการร่วมมือกันของเ้ากับหลี่โหย่วฉาย?” ศิษย์อัจฉริยะที่ทุ่มสุดตัวคนหนึ่งจ้องตรงไปหาเหลยจั๋วเยว่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่า เขาพยายามรวบรวมความกล้า
คำพูดนี้เหมือนสิ่งแทนใจทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทุกคนต่างจ้องมองเหลยจั๋วเยว่ราวกับเสือร้าย
ใบหน้าของเหลยจั๋วเยว่เคร่งเครียดเป็อย่างยิ่ง รู้สึกโกรธมากอยู่ในหัวใจจนแทบจะกระอักเืออกมา เขาพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ตนเองสงบลง แต่สายตาเต็มไปด้วยความดุร้ายบึ้งตึง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหลยจั๋วเยว่ก็พยายามสุดความสามารถที่จะระงับความโกรธของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง “ร่วมมือหรือ? ข้าก็วางเดิมพันด้วยอาวุธเซียน ยังจะไปร่วมมือกับเขาได้อย่างไร?”
“ใครจะไปรู้เล่า เขาอาจแอบคืนไม้ไผ่เดิมพันให้เ้าเป็การส่วนตัวก็ได้?” มีศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ
“เฮือก...” เหลยจั๋วเยว่โกรธจัด และกระอักเืออกมาในที่สุด!
