แสงอรุณสาดส่องผ่านเมฆหมอกบางเบา ทำให้เกิดภาพหมอกทองลอยตัวเหนือหุบเขาเบื้องล่าง หลินเว่ยตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น แม้จะต้องนอนบนพื้นหินแข็งใต้โขดหินก็ตาม การฝึกฝนท่าัพ่นไฟเมื่อวานดูเหมือนจะช่วยให้เขารู้สึกมีพลังมากขึ้น
ทุกคนทยอยตื่นขึ้นเมื่อแสงเช้าสาดส่องเข้ามาใต้โขดหิน หลิวซินที่รับเวรยามสุดท้ายยืนอยู่ที่ปากถ้ำ สีหน้าขึงขังขณะมองออกไปยังเส้นทางเบื้องหน้า
"เตรียมตัวให้พร้อม" อาจารย์เหลียงเจินบอกกลุ่ม "วันนี้เราต้องเดินทางไกล ถ้าทุกอย่างราบรื่น พรุ่งนี้เช้าเราจะถึงชายขอบเขตูเาหลิงอวี๋"
ทุกคนเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วและรับประทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆ จากเสบียงที่เหลืออยู่ เสวียนเหมยมาช่วยพันแผลขาให้ผิงเหวยใหม่ ดูเหมือนอาการของเขาจะดีขึ้นมาก สามารถเดินได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นช่วยพยุงแล้ว
"ขอบคุณนะ" ผิงเหวยกล่าวขณะเสวียนเหมยพันผ้าพันแผลให้เรียบร้อย "ไม่คิดว่าจะหายเร็วขนาดนี้"
"น้ำจากน้ำตกของดร.หลี่เจียนช่วยได้มาก" เสวียนเหมยตอบยิ้มๆ "แผลแทบไม่มีร่องรอยการติดเชื้อเลย"
เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกเขาออกเดินทางต่อตามเส้นทางที่ดร.หลี่เจียนแนะนำ พื้นยังคงเปียกชื้นจากฝนเมื่อวาน แต่แสงอาทิตย์ช่วยให้เห็นทางชัดเจนขึ้น
หลังจากเดินทางได้สักพัก พวกเขามาถึงทางแยก อาจารย์เหลียงเจินหยุดสำรวจรอยเท้าและร่องรอยบนพื้น
"มีคนผ่านมาทางนี้" เขาพูดเสียงเรียบ "จำนวนมาก อาจเป็ทหารเทียนซื่อ"
"พวกเขาอาจกำลังลาดตระเวนรอบูเา" ประมุขเจิ้งลี่หัวเสริม "เราควรระวังตัวให้มากขึ้น"
"เราควรไปทางไหน?" จ้าวหยางถาม มองไปทั้งสองทางที่แยกออกจากกัน
อาจารย์เหลียงเจินพิจารณาชั่วครู่ "ทางซ้ายจะผ่านหมู่บ้านร้าง เราอาจหาเสบียงได้ แต่มีความเสี่ยงที่จะเจอผู้คน ทางขวาอ้อมูเา ปลอดภัยกว่าแต่ใช้เวลานานกว่า"
"เวลาของเราเหลือน้อย" หลิวซินเตือน "เทียนซื่ออาจกำลังเร่งการทดลองไวรัสใหม่"
หลินเว่ยตัดสินใจ "ไปทางซ้าย เรา้าเสบียง และถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน เราจะได้รู้สถานการณ์ล่าสุดจากหมู่บ้าน"
ทุกคนเห็นด้วย พวกเขาเลี้ยวซ้ายและเดินทางต่อด้วยความระมัดระวัง อาจารย์เหลียงเจินนำหน้า หลินเว่ยและหลิวซินคอยระวังภัยทางด้านหลัง
ระยะทางประมาณสองชั่วโมงต่อมา พวกเขาเริ่มเห็นหลังคาบ้านเล็กๆ ลิบๆ ในหุบเขาเบื้องล่าง
"หมู่บ้าน" หลิงเยว่ชี้ "ดูเหมือนจะมีคนอาศัยอยู่นะ มีควันลอยมาจากบางหลังคา"
"เราต้องระวัง" อาจารย์เหลียงเจินเตือน "จะส่งคนสำรวจก่อน"
"ผมจะไป" หลินเว่ยอาสา
"ฉันไปด้วย" เสวียนเหมยเสริมทันที
อาจารย์เหลียงเจินพยักหน้า "พวกที่เหลือจะรออยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีสัญญาณจากพวกเ้าภายในหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะตามลงไป"
หลินเว่ยและเสวียนเหมยเริ่มไต่ลงเขาไปตามเส้นทางแคบๆ ที่นำไปสู่หมู่บ้าน ระหว่างทางหลินเว่ยนึกถึงท่าัสยายปีกที่เพิ่งเรียนรู้ เขาแผ่พลังชี่ออกไปรอบตัวเล็กน้อยเพื่อรับรู้ถึงอันตรายที่อาจซ่อนอยู่
"นายใช้พลังได้คล่องขึ้นนะ" เสวียนเหมยสังเกต
"ฝึกทุกวัน" หลินเว่ยตอบยิ้มๆ "แต่ยังมีอีกมากให้เรียนรู้"
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้หมู่บ้านมากขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้ทั้งคู่ชะงัก หมู่บ้านดูเงียบผิดปกติ แม้จะมีควันลอยมาจากปล่องไฟบางบ้าน แต่ไม่มีผู้คนให้เห็นเลย ไม่มีเสียงพูดคุย หรือเสียงเด็กวิ่งเล่น
"แปลก" หลินเว่ยกระซิบ "มันเหมือนเมืองร้าง แต่มีคนอยู่"
"อาจเป็กับดัก" เสวียนเหมยเตือน "เราควรระวังตัว"
ทั้งคู่แอบย่องเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบๆ ซ่อนตัวระหว่างบ้านและคอกสัตว์ พวกเขาสังเกตเห็นรอยล้อรถบรรทุกขนาดใหญ่บนพื้นดินเปียกๆ และเริ่มได้กลิ่นประหลาดในอากาศ - กลิ่นสารเคมีผสมกับกลิ่นยา
"มีอะไรผิดปกติที่นี่" หลินเว่ยกระซิบ "กลิ่นนี้..."
ทันใดนั้น ประตูบ้านหลังหนึ่งเปิดออก ทั้งคู่รีบหลบเข้าไปหลังคอกสัตว์ ชายสองคนในชุดทหารเทียนซื่อเดินออกมา พูดคุยกันเบาๆ พวกเขาถือปืนและสวมหน้ากากป้องกัน
"รอบต่อไปฉีดยาอีกสองชั่วโมง" ทหารคนหนึ่งพูด "หมอบอกว่าต้องรักษาระดับในเืให้คงที่"
"พวกชาวบ้านเริ่มดื้อยาแล้ว" อีกคนตอบ "เห็นคนแก่คนนั้นพยายามหนีเมื่อคืนไหม? เกือบเอาตัวไม่รอด"
ทหารทั้งสองเดินห่างออกไป ทิ้งให้หลินเว่ยและเสวียนเหมยมองหน้ากันด้วยความใ
"พวกมันใช้ชาวบ้านเป็หนูทดลอง" เสวียนเหมยกระซิบ น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ "นี่มันโหดร้ายเกินไป"
"เราต้องออกจากที่นี่" หลินเว่ยตัดสินใจ "และเตือนคนอื่นๆ พวกเราไม่สามารถหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ มีทหารมากเกินไป"
ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะย่องออกไป เสียงร้องไห้เบาๆ ของเด็กดังมาจากบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุด ตามด้วยเสียงผู้ใหญ่พยายามปลอบ แต่แววเสียงนั้นอ่อนแรงและไร้ชีวิตชีวา
เสวียนเหมยจับมือหลินเว่ยแน่น "เราจะปล่อยพวกเขาไว้แบบนี้ไม่ได้"
"แต่เราช่วยทุกคนไม่ได้" หลินเว่ยตอบเสียงสั่น "มีทหารเต็มไปหมด และพวกเขาติดอาวุธหนัก"
เสวียนเหมยกำลังจะตอบ แต่เสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ทำให้ทั้งคู่ต้องนิ่งเงียบ ทหารอีกสองนายเดินผ่านไป คุยกันเื่การเปลี่ยนเวรยาม
เมื่อปลอดภัย หลินเว่ยกระซิบ "เราต้องกลับไปรายงานสิ่งที่เห็น ต้องมีวิธีช่วยพวกเขา แต่ไม่ใช่ตอนนี้"
แม้จะลังเล แต่เสวียนเหมยก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งคู่เริ่มถอยออกจากหมู่บ้านอย่างระมัดระวัง ระหว่างทางพวกเขาเห็นโกดังเก็บเสบียงที่มีเ้าหน้าที่เฝ้าอยู่เพียงคนเดียว
"อย่างน้อยเราก็ควรหาอาหารกลับไป" เสวียนเหมยกระซิบ "ผู้คนต้องไม่ตายเปล่า"
หลินเว่ยพยักหน้า ทั้งคู่รอให้ยามเดินออกห่างเพื่อสูบบุหรี่ แล้วรีบแอบเข้าไปในโกดัง พวกเขาหยิบเสบียงแห้งและยาใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว พยายามไม่ให้มีเสียงดัง
ขณะกำลังจะออกจากโกดัง หลินเว่ยสังเกตเห็นตู้เหล็กเล็กๆ มุมห้อง ติดป้าย "ยารักษา" เขากับเสวียนเหมยมองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจงัดตู้เปิด ข้างในมีขวดยาหลายขวด พร้อมเอกสารระบุวิธีการใช้
"นี่น่าจะเป็ยาแก้พิษสำหรับทหารที่ััสารทดลองโดยบังเอิญ" เสวียนเหมยวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว "เราควรเอาไปด้วย"
พวกเขาหยิบยาและเอกสารใส่กระเป๋า แล้วย่องออกจากโกดังขณะที่ยามยังคงยืนสูบบุหรี่อยู่อีกด้านหนึ่ง ทั้งคู่รีบเร่งฝีเท้ากลับไปยังทางขึ้นเขา เมื่อพ้นระยะอันตราย พวกเขาจึงวิ่งขึ้นเนินไปหาเพื่อนๆ ที่รออยู่
"มีอะไรเกิดขึ้น?" หลิวซินถามทันทีที่เห็นพวกเขาวิ่งมา "พวกเ้าดูตื่นตระหนก"
"ทหารเทียนซื่อ" หลินเว่ยตอบ หอบเล็กน้อย "พวกเขายึดหมู่บ้านแล้ว... ใช้ชาวบ้านเป็หนูทดลองไวรัสตัวใหม่"
"น่าจะเป็ไวรัสควบคุมจิตใจที่ดร.หลี่เจียนเตือนเรา" เสวียนเหมยเสริม "พวกเราเห็นทหารฉีดยาให้ชาวบ้าน ทุกคนดูเหมือนไร้เรี่ยวแรงและเชื่อฟัง"
อาจารย์เหลียงเจินฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าเคร่งเครียด "พวกเ้าเห็นทหารกี่คน?"
"อย่างน้อยสิบกว่าคนที่เราเห็น" หลินเว่ยตอบ "แต่น่าจะมีมากกว่านั้น"
"พวกเราเอาเสบียงมาได้" เสวียนเหมยเปิดกระเป๋าให้ดู "และยาด้วย... รวมถึงยาแก้พิษสำหรับไวรัสที่พวกเขาทดลอง"
"ดีมาก" อาจารย์เหลียงเจินชม "แต่เราไม่สามารถหยุดอยู่ที่นี่ได้ ถ้าพวกเขาพบร่องรอยการขโมย อาจส่งคนตามหาเรา"
"แล้วชาวบ้านเ่าั้ล่ะ?" เสวียนเหมยถาม น้ำเสียงเศร้า "เราจะปล่อยพวกเขาไว้อย่างนั้นหรือ?"
"เราช่วยพวกเขาไม่ได้ตอนนี้" อาจารย์เหลียงเจินตอบเสียงเรียบ "ชีวิตของเราและภารกิจของเราสำคัญกว่า เราต้องหยุดต้นตอที่ฐานใหญ่บนูเาหลิงอวี๋"
เสวียนเหมยก้มหน้าลง น้ำตาคลอ "มันไม่ยุติธรรมเลย"
หลินเว่ยโอบไหล่เธอ "เราจะกลับมาช่วยพวกเขา เมื่อเรามีกำลังมากกว่านี้ ฉันสัญญา"
"เราต้องเดินทางต่อ" ประมุขเจิ้งลี่หัวเตือน "จะมืดเร็ว และเราต้องหาที่พักที่ปลอดภัย ห่างจากหมู่บ้านนี้"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงหมู่บ้าน แต่ยังคงมุ่งหน้าไปทางูเาหลิงอวี๋
...
ความมืดเริ่มปกคลุมเมื่อพวกเขาพบถ้ำเล็กๆ ในหน้าผา ซึ่งดูเหมาะสมสำหรับเป็ที่พักค้างคืน ถ้ำลึกพอที่จะป้องกันลม แต่ไม่ลึกจนเป็ที่อยู่ของสัตว์ร้าย
พวกเขาตั้งค่ายอย่างเงียบๆ ไม่กล้าจุดไฟเพราะกลัวจะดึงดูดความสนใจ อาหารที่หยิบมาจากโกดังถูกแบ่งปันกัน พร้อมกับขวดยาที่ศึกษาอย่างระมัดระวัง
"ยาเหล่านี้อาจมีประโยชน์" เสวียนเหมยอธิบายขณะศึกษาฉลาก "มันเป็สารต้านฤทธิ์ไวรัสควบคุมจิตใจ แต่ต้องให้ก่อนไวรัสทำงานเต็มที่"
"เราควรเก็บไว้" หลินเว่ยเสนอ "อาจมีประโยชน์เมื่อเราเข้าไปในฐานเทียนซื่อ"
ทุกคนเห็นด้วย ยาถูกแบ่งให้ทุกคนเก็บไว้บางส่วน เผื่อกรณีฉุกเฉิน
ค่ำคืนนั้น พวกเขาผลัดกันเข้าเวรยาม หลินเว่ยรับเวรแรกพร้อมกับอาจารย์เหลียงเจิน ทั้งสองนั่งใกล้ปากถ้ำ มองดาวที่เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า
"ท่านคิดว่าพรุ่งนี้เราจะถึงูเาหลิงอวี๋หรือไม่?" หลินเว่ยถามเบาๆ
"ชายขอบเท่านั้น" อาจารย์เหลียงเจินตอบ "การเข้าถึงฐานหลักต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยวันหนึ่ง"
"ท่านเคยไปที่นั่นมาก่อนหรือไม่?"
อาจารย์เหลียงเจินเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบ "ข้าเคยเห็นจากระยะไกล... สมัยที่ข้ายังหนุ่มกว่านี้"
"ท่านคิดว่าศาสตราจารย์เฉินเจิ้งยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" หลินเว่ยถามคำถามที่รบกวนจิตใจเขามาตลอด
"ข้าไม่แน่ใจ" อาจารย์เหลียงเจินตอบอย่างจริงใจ "แต่ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่... เ้าต้องเตรียมใจสำหรับความเป็ไปได้ทุกอย่าง"
"รวมถึงการที่เขาอาจไม่ใช่คนดีอย่างที่ดร.หลี่เจียนคิด?"
อาจารย์เหลียงเจินพยักหน้า "คนเราเปลี่ยนแปลงได้ หลินเว่ย... โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจ"
ทั้งสองนั่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อาจารย์เหลียงเจินจะพูดขึ้นอีกครั้ง "พรุ่งนี้จะเป็วันที่ยากลำบาก... เ้าควรฝึกสมาธิ ท่าัดำดิน"
"ผมยังไม่เคยได้ยินท่านี้มาก่อน" หลินเว่ยขมวดคิ้ว
"เป็ท่าสำหรับการเข้าถึงสมาธิขั้นลึก" อาจารย์เหลียงเจินอธิบาย "นั่งขัดสมาธิ วางมือบนเข่าทั้งสองข้าง หลับตา และจินตนาการว่าร่างกายของเ้ากำลังจมลงสู่พื้นดิน... เชื่อมโยงกับพลังของแผ่นดิน"
"ประโยชน์คืออะไรหรือครับ?"
"มันจะช่วยให้จิตใจเ้าสงบและแข็งแกร่ง" อาจารย์เหลียงเจินตอบ "เตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง"
หลินเว่ยพยักหน้า และเริ่มฝึกตามที่แนะนำทันที เขานั่งขัดสมาธิ วางมือบนเข่า หลับตา และจินตนาการว่าร่างกายของเขากำลังจมลงสู่พื้นดิน เชื่อมโยงกับพลังของแผ่นดิน
อาจารย์เหลียงเจินมองดูลูกศิษย์ด้วยสายตาเป็ประกาย ก่อนจะหันไปมองดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดและกังวล ราวกับรู้บางอย่างที่คนอื่นไม่รู้