เมื่อได้ยินคำพูดของพระสงฆ์ชราอย่างไม่ทันตั้งตัว ไป๋เซียงจู๋ก็นิ่งอึ้งไป จากนั้นจึงจับใจความสำคัญของสองประโยคนั่นได้ เจวี๋ยคง? นึกไม่ถึงว่าพระสงฆ์ชราทรงสง่าตรงหน้าก็คือเจวี๋ยคงต้าซือ อีกทั้งท่านยังดูมีชั้นเชิงอย่างนักพรตผู้ละทางโลกโดยแท้ เมื่อครู่นางเพิ่งคิดว่าพระรูปนี้ดูไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะใด ที่แท้บุคคลตรงหน้าก็คือเจวี๋ยคงต้าซือ ปรมาจารย์ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังเคารพนบนอบ ไป๋เซียงจู๋ไม่รั้งรอรีบตอบกลับทันที “กิตติศัพท์ของต้าซือเลื่องลือ ข้าไป๋เซียงจู๋จากจวนไป๋ยินดีเหลือเกินที่ได้พบท่านเ้าค่ะ”
“โยมไป๋สินะ เชิญโยมไป๋ตามสะดวกเถอะ!” ว่าแล้วก็ส่งกระบอกเซียมซีด้านหน้าให้ไป๋เซียงจู๋
เซียงจู๋รีบรับกระบอกเซียมซีเสี่ยงทายมา ต้าซือก็คือต้าซือ มีมิตรไมตรีสมชื่อเสียงของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ นางยกกระบอกเซียมซีในมือและเขย่าเล็กน้อยด้วยความตั้งใจ ในที่สุดคำทำนายแท่งหนึ่งก็ร่วงออกมาจากกระบอก
ไป๋เซียงจู๋กำลังจะไปเก็บเซียมซีนั้น แต่กลับมีมือหนึ่งหยิบแท่งเซียมซีบนพื้นไปก่อนนางหนึ่งก้าว เซียงจู๋เงยหน้าพบกับแววตาที่สุขุมเปี่ยมเมตตาของเจวี๋ยคงต้าซือ
เจวี๋ยคงต้าซือเก็บแท่งเซียมซีของเซียงจู๋ขึ้นมา หลังจากที่ได้อ่านอย่างถี่ถ้วนแล้ว จู่ๆ ก็หันมองเซียงจู๋ด้วยสายตาประหลาดใจ อีกทั้งไม่พูดไม่จา ยื่นเซียมซีนั่นให้เซียงจู๋แทน เซียงจู๋รับคำทำนายจากมือเขามาโดยไม่เข้าใจสายตาเช่นนั้นของเจวี๋ยคงต้าซือ
บนแท่งเซียมซีเขียนไว้ว่า ‘หงส์ไฟเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน ความผูกพันสลักไว้,镜花水月情尘来。凤翔九天潜尘世,三生石上缘定来。
ไป๋เซียงจู๋อ่านจบแล้วก็ส่งสายตาสงสัยไปยังเจวี๋ยคง ข้อความบนแผ่นคำทำนายนี่ตรงไปตรงมายิ่งนัก ดูเหมือนไม่น่าจะมีความหมายพิเศษใดๆ แต่ทำไมเจวี๋ยคงต้าซือถึงมองนางด้วยความประหลาดใจเช่นนั้น หรือว่า... ใช่แล้ว หงส์ไฟเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน หรือเจวี๋ยคงต้าซือจะดูออกว่านางคือ... เซียงจู๋ใจเต้นผิดจังหวะ เป็ไปไม่ได้ นางไม่ได้เสี่ยงเซียมซีนี่เพื่อตัวเองด้วยซ้ำ นางเสี่ยงทายแทนตระกูลไป๋ต่างหาก
นางเงยหน้าขึ้นเพื่อจะลองถามเจวี๋ยคงต้าซือที่อยู่ตรงหน้าว่าคำทำนายนี้มีความหมายอะไรที่แตกต่างไปอย่างนั้นหรือ นางมองไปด้วยความคลางแคลงใจ อยากให้เจวี๋ยคงต้าซือผู้นี้ช่วยคลายความกังขา ถึงกระนั้นเจวี๋ยคงต้าซือก็เหมือนกำลังหมกมุ่นครุ่นคิดบางสิ่ง เขาได้แต่ใช้สายตาแปลกใจทว่าลังเลเกินกว่าจะกล่าวอันใดมองนางเท่านั้น
เดี๋ยวก่อนสิ หากเจวี๋ยคงต้าซือแปลกใจ อยากจะพูดแต่ลังเล ถ้าเป็เื่ที่นางเกิดใหม่นี่ พระเจวี๋ยคงตรงหน้าจะมีท่าทีกระอักกระอ่วนที่จะปริปากไปทำไม แสดงว่าคำทำนายนี้มีความหมายอื่นแฝงอยู่ และ ‘ความหมายอื่น’ นั่นคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เจวี๋ยคงต้าซือกังวล ความหมายนั้นคืออะไรกันแน่
เซียงจู๋ก้มหน้าอ่านคำทำนายในมือโดยละเอียดอีกรอบ แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเซียมซีแท่งนี้มีนัยอื่นใดซุกซ่อนไว้ จึงจำต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อซักถามเจวี๋ยคงต้าซือที่อยู่เบื้องหน้านาง
ทว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เบื้องหน้ากลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งเจวี๋ยคงต้าซือที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงนั้น เซียงจู๋โพล่งถามตู้เจวียนข้างกายทันที “เมื่อครู่นี้เ้าเห็นว่าตรงหน้าข้ามีพระชราคิ้วเคราขาวหมดจดยืนอยู่หรือไม่”
ตู้เจวียนพยักหน้าตอบเซียงจู๋
ที่แท้นี่มิใช่ภาพหลอนของนาง แต่เมื่อเห็นความว่างเปล่าเบื้องหน้า เซียงจู๋ก็เอ่ยถามอีกหน “แล้วพระท่านเล่า ทำไมพระชรารูปนั้นหายไปเสียแล้ว”
“บ่าวเห็นเจวี๋ยคงต้าซือยืนอยู่ตรงนั้นเ้าค่ะ แต่พอบ่าวกะพริบตา ก็เห็นที่ตรงหน้าคุณหนูว่างเปล่าเสียแล้ว และบ่าวก็ไม่เห็นว่าเจวี๋ยคงต้าซือหายไปได้อย่างไรด้วยเ้าค่ะ” ตู้เจวียนตอบจากใจจริง
เมื่อได้ยินคำตอบของตู้เจวียน ไป๋เซียงจู๋หันกลับไปมอง พระอุโบสถโล่งร้างไร้เงาคน นอกจากนางกับตู้เจวียนก็ไม่มีผู้ใดแล้ว ไป๋เซียงจู๋ถอนหายใจ เหล่านักพรตล้วนชอบโผล่มาและจากไปอย่างคาดเดาได้ยากเช่นนี้หรือ
ช่างเถอะ อย่างไรเสียนางก็ยังต้องพำนักในวัดต้าโฝอีกระยะหนึ่ง วันใดเจอเจวี๋ยคงต้าซือผู้นี้ค่อยถามเกี่ยวกับคำทำนายที่ตนเสี่ยงได้แล้วกัน พอคิดถึงตรงนี้ นางหมุนกายกลับมาพูดกับตู้เจวียน “ไปเถอะ พวกเรากลับห้องฌานกันก่อน ท่านน้าบอกว่าอีกสามวันจะส่งคนมารับพวกเราลงเขา ตอนเจอเจวี๋ยคงต้าซือครั้งหน้าค่อยขอให้ท่านอธิบายให้ข้าเข้าใจแล้วกัน!”
หลังตู้เจวียนได้ยินไป๋เซียงจู๋พูดดังนั้น นางก็เดินตามไป๋เซียงจู๋ออกไปจากพระอุโบสถ และถามด้วยความสงสัยในเวลาเดียวกัน “คุณหนู ต้าซือที่สง่าอย่างกับเซียนที่พวกเราพบเมื่อครู่คือเจวี๋ยคงต้าซือใช่ไหมเ้าคะ”
“น่าจะใช่นะ!”
“จริงหรือเ้าคะ ตู้เจวียนได้ยินมาว่าเจวี๋ยคงต้าซือคือปรมาจารย์ที่กระทั่งองค์ฮ่องเต้ยังให้ความเคารพ วันนี้คุณหนูได้พบเจวี๋ยคงต้าซือ โชคช่างเข้าข้างยิ่งนัก ว่ากันว่าเจวี๋ยคงต้าซือพบตัวได้ยากมาก เหล่าสตรีน้อยใหญ่จากตระกูลขุนนางทรงอิทธิพลในเมืองหลวงเดินทางมาวัดต้าโฝเพื่อพบเจวี๋ยคงต้าซือโดยเฉพาะ ไม่เคยได้ยินว่าเจวี๋ยคงต้าซือตอบรับพบกับผู้ใดเลย นึกไม่ถึงว่าวันนี้คุณหนูจะได้พบท่าน คุณหนูโชคดีจริงๆ เ้าค่ะ” ตู้เจวียนออกอาการตื่นเต้นพร้อมด้วยสีหน้าเทิดทูน
“...” ไป๋เซียงจู๋แย้มยิ้มละไม ในก้นบึ้งของจิตใจกลับรู้สึกเศร้าสร้อย ทำไมชาติที่แล้วนางถึงมองไม่เห็นความจริงใจของเด็กคนนี้ ดันหูเบาเชื่อคำให้ร้ายของน้าสะใภ้ผลักไสไล่ส่งนางออกไปั้แ่แรกๆ เสียได้ สุดท้ายยังเป็เหตุให้เด็กคนนี้ถูกกุดหัวอีก...
พอสูดลมหายใจลึกๆ แล้ว ใจของไป๋เซียงจู๋กลับมาสงบนิ่ง สิ่งที่ต้องเกิดนั้นไม่อาจหลีกหนีพ้น คนที่นาง้าจะปกป้องในตอนนี้คือครอบครัวเท่านั้น
เข้าอารามยามรุ่งสาง สุริยการสาดหมู่ไม้
ไป๋เซียงจู๋เดินนำตู้เจวียนผ่านทางเดินคดเคี้ยวไปยังห้องฌานที่จะพำนัก ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ ใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า ท่ามกลางพฤกษานานาพันธุ์ที่ซ้อนแทรกและส่งเสริมให้โดดเด่นซึ่งกันและกัน