“ประเดี๋ยวเข้าไปด้านในก็รู้แล้ว!”
สิ้นเสียงฉู่ลี่คว้ามู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาะโลอยข้ามกำแพงเมือง มาหยุดยืนที่มุมหลังกำแพง
มู่อวิ๋นจิ่นมองดูรอบข้างด้วยความแปลกใจ ที่นี่เป็ตลาดแถวยาว ผู้คนเดินไปเดินมาหนาแน่น จึงหันไปพูดกับฉู่ลี่ “หรือว่าที่นี่คือตลาดมืด?”
“อืม” การที่มู่อวิ๋นจิ่นพูดได้อย่างพูดต้อง ฉู่ลี่กลับไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปรอบตัวในตลาดมืด ผู้คนที่พบเห็นหนาแน่นล้วนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา
เพราะว่าตอนที่นางต้องเดินทางออกไปทำงานอยู่ต่างประเทศ มักได้มีโอกาสไปตลาดมืดบ่อยครั้ง ซึ่งตลาดมืดเบื้องหน้าในยุคโบราณก็ไม่ได้แตกต่างกับยุคปัจจุบันมากนัก
มู่อวิ๋นจิ่นเดินตามฉู่ลี่มองดูสิ่งของซ้ายขวาไปตลอดทาง เดินไปได้ไม่ไกลนัก เห็นถนนสายหนึ่งเต็มไปด้วยบ่อนการพนันและโรงรับจำนำยาวเหยียดกว่าครึ่งซอย
เมื่อเห็นบ่อนการพนัน มู่อวิ๋นจิ่นพลันนึกถึงตอนที่อาศัยอยู่ในจวนอัครเสนาบดีมู่ นางได้ยินได้ฟังจื่อเซียงเล่าให้ฟังอยู่บ่อยครั้งว่ามู่อี้หยางชอบเล่นพนัน ทั้งยังขโมยข้าวของในจวนไปขายในเมืองจางโจว เห็นทีที่จื่อเซียงเล่าให้ฟังต้องเป็ที่นี่แน่นอน
มู่อวิ๋นจิ่นเดินดูจนเดินชนที่ไหล่บุรุษคนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ บุรุษคนนั้นรีบโค้งตัวขอโทษ “แม่นางต้องขออภัยด้วย ข้ารีบร้อนไปบ่อนพนันอวิ๋นเทียนเกินไปจึงไม่ทันระวัง วันนี้ที่นั่นคุณชายหวงมา ย่อมต้องพนันได้เงินกลับมา!”
หลังจากนั้น บุรุษผู้นี้รียสาวเท้าไปที่บ่อนอวิ๋นเทียน
มู่อวิ๋นจิ่นกอดอกด้วยความงงงวย กำลังจะหันมาชวนฉู่ลี่ไปดูด้วยกัน กลับถูกคนชนเข้าอีกครั้ง “อั๊ยย่ะ ขอโทษด้วยข้ารีบไปหน่อย บ่อนไป๋หลานมีเทพคนหนึ่งมาเล่นไม่เคยเสียสักตา คราวนี้ข้าคงได้เงินไปเอาของโบราณออกจากโรงจำนำได้เสียที ”
พูดจบ บุรุษผู้นั้นก็รีบสาวเท้าไปบ่อนไป๋หลาน
มู่อวิ๋นจิ่นโดนชนเข้าสองครั้งต่อเนื่อง จึงรีบหันมาถามฉู่ลี่ด้วยความแปลก “ที่นี่แย่งลูกค้ากันหนักขนาดนี้เลยหรือ?”
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ “ที่นี่บ่อนพนันเฟื่องฟูที่สุด”
“อย่างนั้น……” มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยต่อไปว่า “ที่เ้าบอกว่ามาหาเงินหาทอง อย่าบอกนะว่าพาข้ามาเล่นพนันที่นี่?”
มู่อวิ๋นจิ่นมองฉู่ลี่จากหัวจรดเท้า เท้าขึ้นมาหัว ดูอย่างไรเขาก็ไม่น่าเป็คนที่เก่งเื่การพนัน!
ฉู่ลี่เอาแต่ส่ายหน้าไปมา จากนั้นเดินต่อไปข้างหน้า
มู่อวิ๋นจิ่นไม่เข้าใจความหมายที่ฉู่ลี่้าสื่อ ทำได้เพียงเดินตามอยู่ด้านข้าง พอเห็นคนรีบวิ่ง นางก็เริ่มหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ
คนพวกนี้ช่างไม่ดูตาม้าตาเรือสักคน ไม่ใช่แค่ชนแล้วขอโทษไปที หากมาชนคนละทีสองที มีหวังกลับไปต้องทายาจนหมดไปหลายขวด
ฉู่ลี่เดินนำทางมู่อวิ๋นจิ่นไปตลอดจนเดินเข้ามาในร้านน้ำชาร้านหนึ่ง
ร้านน้ำชามีทั้งหมดสามชั้น ฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นมิได้เลือกนั่งห้องส่วนตัว เดินขึ้นไปนั่งโต๊ะชั้นสามที่ติดหน้าต่าง เวลานี้ที่ชั้นสามของร้านมีคนพลุกพล่านมากที่สุด มู่อวิ๋นจิ่นเหลือบเห็นหลายต่อหลายคนหน้าตาเต็มไปด้วยความโมโห
จากนั้นครู่เดียว มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมา วางดาบบนโต๊ะเสียงดังลั่น ต่อว่าเสียงดังขึ้นมา “ต้องหาไอ้หวงนั่นให้พบแล้วลากมาเล่นงาน แต่มันกลับหนีเอาตัวรอดไปได้!”
“พวกเ้าก็มาตามหาไอ้คนแซ่หวงเหมือนกัน?” กลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ก็ส่งเสียงขึ้นมา
“ใช่นะสิ ไอ้หวงนั่นมันชนะจนบ้านที่ข้าเอาไปเดิมพันเสียให้กับมัน ตอนนี้แม้เงินเดินทางกลับเมืองไม่เหลือแล้ว ดูแล้วกันข้าจะฆ่าไอ้หวงให้ได้!”
“พวกข้าก็เหมือนกัน ทุกอย่างในบ้านเสียไปทั้งหมด ได้ยินว่าสองสามวันนี้ไอ้หวงปรากฏตัวที่บ่อนอวิ๋นเทียน ข้าจึงตั้งใจมารอมันโดยเฉพาะ สรุปมันหนีไปแล้ว”
พอได้ฟังที่คนพวกนี้เล่าออกมา หางตาของมู่อวิ๋นจิ่นกระตุกขึ้นมา หากนางโลภกับการพนันแล้วเสีย คงต้องลำบากคนที่จวนเป็แน่
ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น มีบัณฑิตหน้าใส หน้าตาขาวผ่อง ท่าทางสง่างามเดินขึ้นมาชั้นสาม พุ่งตรงมาทางฉู่ลี่
“คารวะคุณชาย” บัณฑิตหน้าใสยกมือประสานทำความเคารพ
พอเขาเห็นมู่อวิ๋นจิ่นที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ก็หันมาก้มหน้าและส่งยิ้มให้อย่างมีมารยาท
มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้ว่าบัณฑิตหน้าใสผู้นี้เป็ใครกัน ได้ยินเพียงคนรอบข้างะโใส่เสียงดัง “หวงเหยียน เสียแรงที่พวกข้าตามหาเอ็งตั้งนาน เอ็งกลับรนมาหาถึงที่เลย!”
ลูกค้าที่นั่งกันตามโต๊ะต่างลุกขึ้น หยิบดาบไว้ในมือแล้วพุ่งตัวกันมาอย่างไม่ขาดสาย
มู่อวิ๋นจิ่นมองบัณฑิตหน้าใสด้วยความแปลกใจ ที่แท้เขาคนนี้ก็คือไอ้หวงที่ทุกคนต่างตามหานี่เอง
ดูภายนอกเขาเป็เพียงคนติดตำราทึ่มทื่อ ไม่เหมือนกับคนเ้าเล่ห์อย่างที่คนพวกนี้ด่าทอ อีกอย่างเขายังรู้จักฉู่ลี่อีก
ในเวลานี้ มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความมึนงง
“พวกเ้ามาตามหาข้าทำอะไรกัน?” หวงเหยียนรินน้ำชาให้ตัวเอง โดยไม่สนใจมองผู้คนรอบข้าง
เมื่อได้ยินหวงเหยียนพูดด้วยความไม่เกรงใจ หัวหน้าคนเ่าั้ชักดาบใหญ่ออกมา วางบนบ่าของหวงเหยียน “ไอ้เด็กนี่ ขอเพียงเ้าส่งของที่ข้าแพ้พนันคืนมาทั้งหมด ข้ารับรองไม่เอาชีวิตเ้า มิฉะนั้นวันนี้เืของเ้าต้องกระเซ็นอยู่ที่นี่ ไม่มีชีวิตได้กลับไปใช้ของที่ชนะพนันมาแน่!”
“ถูกต้องๆ ขอเพียงเ้ายอมคืนเงินที่ชนะไปทั้งหมดมา พวกเราจะปล่อยเ้าไป!” กลุ่มคนโต๊ะข้างๆ สำทับ
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่มองคนพวกนี้ด้วยสายหยามเหยียดแต่เห็นดาบใหญ่วางอยู่ข้างคอหวงเหยียน มู่อวิ๋นจิ่นจึงมองไปทางฉู่ลี่ ทว่าเขากลับแน่นิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยกน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างสบายอุรา
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วขึ้นมองหวงเหยียน ในใจคิดขึ้นมาว่า หรือเงินทองที่ฉู่ลี่บอกมาจากเงินที่แพ้พนันของคนพวกนี้
ดูท่าแล้วหวงเหยียนผู้นี้รู้จักมักจี่กับฉู่ลี่มาเป็อย่างดี
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกใกับความคิดของนางในหัว และระหว่างที่จะหันไปถามฉู่ลี่ กลับได้ยินเสียงที่บ้ากามของคนหนึ่งดังขึ้น “อั๊ยย่ะ ไอ้หวงนี่รู้จักกับสตรีรูปงามผู้นี้ด้วย ประเดี๋ยวจับนางไปขายที่หอนางโลม คงได้ราคาดีไม่น้อย!”
มู่อวิ๋นจิ่นหันมองคนพวกนั้นด้วยสายตาลุกเป็ไฟ พลันตบโต๊ะเสียงดังลั่น ตวาดออกมาอย่างน่ากลัว “รีบไสหัวออกไปอย่าให้ข้าเห็นหน้าพวกเ้าอีก!”
ความสงสัยในการหาเงินที่กำลังจะเอ่ยถามฉู่ลี่ต้องหยุดชะงักลง เพราะคนพวกนี้เข้ามาขัดให้เสียอารมณ์!
ฉู่ลี่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเผชิญหน้ากับคนพวกนี้อย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว สายตาของเขาจึงหรี่ลง เผยอยิ้มมุมปาก “มู่อวิ๋นจิ่น หากจัดการคนพวกนี้ได้ ถึงจะสามารถนำเงินทองพวกนี้กลับไปได้”
“อะไรนะ?” คำพูดของฉู่ลี่ทำให้นางแทบไม่อยากเชื่อกับหูตนเอง “เ้าให้ข้าจัดการคนพวกนี้?”
ฉู่ลี่พยักหน้ารับ ทั้งยังมองนางด้วยใบหน้าเรียบเฉย
มู่อวิ๋นจิ่นนิ่งชะงักลงชั่วขณะ ก่อนหันมองใบหน้าฉู่ลี่ นี่เขา้าลองหยั่งเชิงหรือว่ารู้มานานแล้วว่านางเป็วรยุทธ์?
มิเช่นนั้นเหตุใดเขาจึงเอ่ยแบบนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยกันด้วย
มู่อวิ๋นจิ่นพยายามลงระงับความเดือดดาลภายในใจ ด้วยรู้สึกว่าเหมือนถูกจูงจมูกให้เดินตามความ้าของใครบางคน “ฉู่ลี่ เ้ากำลังปั่นหัวข้า?”
มู่อวิ๋นจิ่นเปล่งเสียงด้วยความโมโหโกรธา คำพูดและน้ำเสียงของฉู่ลี่เช่นนี้ นางคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าใคร
แรกเริ่มเดิมตอนที่อยู่ในหน่วยรบพิเศษ คนพวกนั้นมองชีวิตของนางราวกับผักปลา ทั้งทั้งเคยพูดอย่างเ็าในอดีตว่า… มู่เอ๋อร์ จัดการพวกมัน เงินส่วนนี้จะเป็ของเ้า
ในตอนนี้ความทรงจำที่ยากสลบเลือน กลับปรากฏขึ้นในมโนทวารอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งภาพเหตุการณ์เบื้องหน้านี้ช่างเหมือนกับในอดีตครั้งก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
หรือว่าไม่ว่านางจะไปอยู่ที่ไหน สุดท้ายก็ต้องทำอาชีพรับจ้างสังหารคน?
เมื่อคนพวกนั้นเห็นมู่อวิ๋นจิ่นโมโหเดือดดาลขึ้นมาต่างก็หัวเราะชอบอกชอบใจ “แม่นาง ไปกับพวกข้าเถอะ ดูสิ… คนที่มากับเ้ามองเ้าเป็……”
ยังไม่ทันที่คนผู้นั้นพูดจบพูดจบประโยค ก็ถูกเข็มในมือของมู่อวิ๋นจิ่นพุ่งทะลุเข้าลำคอ ล้มสิ้นใจลงกับพื้น
ในระหว่างที่มู่อวิ๋นจิ่นปล่อยให้เข็มพุ่งออกไป นางไม่ได้หันหน้ามองคนผู้นั้นแม้แต่หางตา เพียงอาศัยความรู้สึกก็สังหารคนได้อย่างง่ายดายไปแล้วคนหนึ่ง
เห็นชัดว่าคนพวกนั้นที่้ามาหาเื่ ต่างหวาดกลัวตัวตาย ถอยผงะไปด้านหลังคนละหลายก้าว
ร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นแผ่ซ่านความโเี้อำมหิต หันมองฉู่ลี่ด้วยความเ็า “องค์ชายหกเป็ยังไงบ้าง ความสามารถของข้า องค์ชายหกพอใจหรือไม่?”
“ถ้ายังไม่พอใจละก็ ข้าจะแสดงความสามารถอีกหน่อยแล้วกัน”
สิ้นเสียงลง มู่อวิ๋นจิ่นควักกริชที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมา พุ่งตัวหมายสังหารคนในกลุ่มนั้น ทว่ากลับมีมือของใครมาห้ามเอาไว้
“ทำไมกัน?” มู่อวิ๋นจิ่นมองฉู่ลี่ด้วยสายตาเืเย็น
ฉู่ลี่เห็นนางแสยะยิ้ม สายตาเืเย็น จึงพยายามบีบแขนให้นางปล่อยกริชในมือลงอยู่นานพอสมควร
“เ้าเป็คนสะอาด ไม่เหมาะกับการสังการคน” ฉู่ลี่มองด้วยแววตาที่จริงจัง
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักงัน แทบไม่อยากเชื่อแววตาที่ฉู่ลี่มองมา ทั้งสองต่างสบตากัน ด้วยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกันต่อ
สะอาดอย่างนั้นหรือ?
นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนเอ่ยเช่นนี้กับนาง
“หวงเหยียน ที่นี่เ้าจัดการต่อแล้วกัน”
ฉู่ลี่สั่งทิ้งท้าย ก่อนใช้วิชาตัวเบาจับตัวมู่อวิ๋นจิ่นลอยออกหน้าต่างชั้นสามไป
มู่อวิ๋นจิ่นถูกฉู่ลี่พาไปที่ห่างไกลผู้คนบนเขาและลำธาร เขาจงุมือนางเดินเรียบลำธารสายเล็กที่ไหลเอื่อยๆ “ไปล้างมือเถอะ”
“อะไรนะ?” มู่อวิ๋นจิ่นยังไม่ค่อยเข้าใจความคิดของฉู่ลี่
“ล้างมือ” ฉู่ลี่พูดเป็รอบที่สอง
มู่อวิ๋นจิ่นจึงหันไปมองลำธารสายเล็กที่ใสสะอาด ปราศจากสิ่งสกปรกใดๆ
ล้างมือ……
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือทั้งสองข้างขึ้นมองอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนเอ่ยถามเสียงนิ่ง “เ้ารู้ั้แ่เมื่อไหร่?”
“ั้แ่ครั้งแรกที่พบหน้าเ้า” ฉู่ลี่ยืนทอดมองสายน้ำที่ไหลริน
“ที่แท้การแสร้งทำของข้าช่างไม่แเีแม้แต่น้อย” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนใจ
สิ้นเสียงมู่อวิ๋นจิ่นลุกยืนขึ้น ปรายตามองฉู่ลี่ “ในเมื่อเป็เช่นนั้น ทำไมเมื่อครู่เ้ายังต้องหยั่งลองเชิงข้าด้วย?”
“คัมภีร์เฉวียนหลิงจะนำคสามลำบากมาให้กับเ้า ทางที่ดีที่สุดคืออย่าไปแตะต้องมัน” ฉู่ลี่ยกมือพาดหลัง มองนางด้วยสีหน้านิ่งเฉย
มู่อวิ๋นจิ่นตัวแข็ง หัวเราะเยาะตนเอง “เหอะๆ ไม่มีอะไรปิดบังเ้าได้เลยจริงๆ”
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกสร้อยเศร้า ย่อตวัลงนั่งข้างลำธาร ยื่นมือไปล้างในน้ำเย็นอยู่สักพัก
ฉู่ลี่เห็นภาพเบื้องหน้า กระแอ่มไอขึ้น ยกมือขึ้นลูบหัวมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความอ่อนโยน “เปิ่นหวงจื่อไม่มีทางทำร้ายเ้า”
มู่อวิ๋นจิ่นที่ก้มหน้าล้างมืออยู่ถึงกับชะงักลง มองสายน้ำที่ไหลอย่างนิ่งสงบ จนรู้สึกตัวแข็งทื่อไปหมด
จนเวลาล่วงเลยไปพักใหญ่ๆ มู่อวิ๋นจิ่นมองฉู่ลี่ด้วยหางตา พูดอย่างเชื่องช้า “แล้วเงินทองจะไปเอาได้ยังไง?”
