ซวี่เฉินฟางอดกลั้นบังคับลมหายใจให้นิ่ง แต่ทันทีที่เข้าใกล้นาง ลมหายใจเขาก็แปรปรวนในที่สุด
เมิ่งอู่พยุงซวี่เฉินฟางไว้พลางยกเท้าเหยียบมือของเมิ่งเจียนเจียข้างที่ััเขาเมื่อครู่ ก่อนเดินจากไปคล้ายไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้น
เมิ่งเจียนเจียช้อนตามองเงาหลังของทั้งสองคนที่กำลังเดินจากไปทั้งน้ำตา สีหน้าท่าทางไม่แน่ชัด นิ้วมือที่บิดเบี้ยวจิกพื้นอย่างแรง
เมิ่งอู่พาซวี่เฉินฟางเดินออกมาที่ลานเรือน จากนั้นก็ถอดสลักประตูลานเรือนที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ออก แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ออกจากประตูใหญ่ ก่อนกลืนหายไปในความมืดมิดชั่วพริบตา
มิน่าเล่าตอนมาถึงเงียบเชียบ เพราะไม่ได้ผ่านทางเข้าหลัก
พวกเขาทั้งสองคนเดินไปตามคันนาท่ามกลางความมืด หากเป็ความเร็วปกติของเมิ่งอู่ ยามนี้คงใกล้จะถึงเรือนแล้ว
แต่เวลานี้นางต้องพยุงซวี่เฉินฟาง ทั้งคู่เดินโซเซ ความเร็วจึงลดลงมาก
นับแต่เมิ่งอู่ก้าวเข้าห้องของเมิ่งเจียนเจีย แล้วเห็นซวี่เฉินฟางในเวลานั้น นางก็รู้ว่าร่างกายของเขาผิดปกติ
เมิ่งอู่จับข้อมือของซวี่เฉินฟางไว้ แล้วตรวจชีพจรให้เขา ก่อนกล่าวเสียงต่ำ “เป็ดังคาดเ้าถูกวางยา”
แต่ไฉนซวี่เฉินฟางที่มักจะใช้ชีวิตอย่างสำเริงสำราญตามแต่ใจถึงอดกลั้นได้เพียงนี้
ซวี่เฉินฟางถอนหายใจแ่เบา ลมหายใจที่รินรดใบหูของเมิ่งอู่ร้อนผ่าวมาก แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเป็ทุ้มต่ำแหบแห้งเช่นกัน “หากอาอู่มาไม่ทันเวลา ข้าคงเสียความบริสุทธิ์แล้ว”
“ไม่ใช่ว่าเ้าชื่นชอบหรอกหรือ ไม่เคยปฏิเสธสตรีที่เป็ฝ่ายเข้ามาหาก่อน แล้วไยถึงไม่ลองดูว่าพวกนางเป็เช่นไร” เมิ่งอู่คร่ำครวญอย่างเหนื่อยล้า “ข้าสมควรมาช้ากว่านี้ จะได้ให้คุณชายซวี่ได้เห็นฝีมือของสตรีชาวบ้านว่าทำอันใดได้บ้าง”
ซวี่เฉินฟางคาดไม่ถึงจริงๆ
เขาขมวดคิ้ว แต่ปากคลี่ยิ้ม การที่เขาใกล้ชิดเมิ่งอู่ขนาดนี้ ทำให้สติด้านที่มีเหตุมีผลของเขาทรมาน
เมิ่งอู่ใจหายวาบ ต้องรีบพาเขากลับไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วขับพิษยาออกจากตัวเขา
ยามนี้ฝีก้าวของทั้งคู่ค่อนข้างยุ่งเหยิง
ซวี่เฉินฟางขยับชิดใบหูของนางก่อนเอ่ย "อยากให้ข้าปรนนิบัตินางก็แค่พูดตรงๆ ก็พอแล้ว อาอู่ เ้าว่าใช่หรือไม่?"
เมิ่งอู่เบี่ยงศีรษะออกแล้วเอ่ยว่า "เป่าลมใส่หูของข้าให้น้อยลงหน่อย"
ซวี่เฉินฟางหัวเราะนิดๆ ลมหายใจพลันแปรปรวน เขาถือโอกาสขยับไปใกล้ซอกคอของนาง แล้วดอมดมเบาๆ เอ่ยว่า "ข้าชอบเ้า"
เมิ่งอู่เร่งฝีเท้าที่ตุปัดตุเป๋พลางกัดฟันกล่าว "ซวี่เฉินฟาง เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะโยนเ้าทิ้งลงทุ่ง?"
เมิ่งอู่ฟังแล้วใจเต้นกระหน่ำ นี่แตกต่างจากเสียงหอบหายใจของอินเหิงอย่างสิ้นเชิง เสียงหอบหายใจของเขาต่ำเจือการระงับอารมณ์รุกราน อันตรายยิ่งยวด
น้ำเสียงและท่าทางของซวี่เฉินฟางอดทนเหลือประมาณ “ยานี้ช่างร้ายกาจนัก ข้าคง... คงทนไม่ไหวแล้ว”
ฝีก้าวของทั้งคู่ไม่มั่นคงเพราะเร่งความเร็วในการก้าวเดิน ผลลัพธ์ที่ตามมาคือซวี่เฉินฟางล้มทับเมิ่งอู่
นางผลักเขา แต่ไม่ขยับเขยื้อน
เมิ่งอู่ไม่คาดคิดว่า คุณชายผู้สูงศักดิ์คนนี้จะมีเรี่ยวแรงขนาดนี้ แขนของเขาดุจห่วงเหล็ก แม้ออกแรงทั้งหมดที่มีก็มิอาจสลัดหลุด
เมิ่งอู่ไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว ลมหายใจนางไม่คงที่ก่อนกัดฟันกล่าว “ซวี่เฉินฟาง หากเ้าไม่ปล่อยมือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะหั่นเ้าเป็ชิ้นๆ”
ซวี่เฉินฟางกล่าวเสียงแหบแห้ง "อย่าขยับ"
เมิ่งอู่ไม่ทำอันใดที่หุนหันพลันแล่น กล่าวว่า “ต้องรีบขับยาที่ออกฤทธิ์ในตัวของเ้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะใช้เข็มเงินช่วยขับพิษให้เ้าเอง”
ซวี่เฉินฟางจึงค่อยๆ ผ่อนแรงลงเล็กน้อย
เมิ่งอู่ดึงแขนตนเองออกจากอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็โอบเอวเขาไว้และกอดเขา
เมิ่งอู่คลำจุดอย่างแม่นยำ ก่อนกดนิ้วแรงๆ ตามจุดฝังเข็มบนกายของเขา
ความเ็ปแหลมคมประหนึ่งถูกเข็มทิ่มแทง ทำให้ร่างกายท่อนบนของซวี่เฉินฟางชาหนึบ เมิ่งอู่จึงฉวยโอกาสนี้พลิกตัวแล้วผลักเขาออกทันควัน ในที่สุดก็สลัดหลุดจากใต้ร่างของเขาได้สำเร็จ ชั่วขณะหนึ่งนางทั้งโกรธทั้งกังวล จึงกำหมัดจะชกหน้าเขาเป็การตอบแทน
สุดท้ายกำปั้นของเมิ่งอู่หยุดอยู่ใกล้ใบหน้าเขา
ซวี่เฉินฟางที่ถูกนางกดจุดฝังเข็มรู้สึกตัวเล็กน้อย เขายกมุมปากยิ้ม กระแสอารมณ์ในตาของเขายังไม่จางหาย ถามว่า "อาอู่ ไยไม่ต่อยเล่า? ตัดใจทำไม่ลงหรือ?"
เวลานี้เองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหัวเมิ่งอู่อย่างไม่ถูกกาลเทศะ อย่าต่อยๆ ต่อยแล้วหน้าจะเสียโฉม
ดังนั้นนางจึงกัดฟันกรอด ก่อนลดกำปั้นลง
เมิ่งอู่ไม่รีรอ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวกับซวี่เฉินฟาง “ข้าจะทำให้เ้าสลบไปก่อน แบบนี้จะได้พากลับเรือนง่ายหน่อย”
ไม่คาดคิดว่าซวี่เฉินฟางจะตอบตกลง “เชิญเลย”
เมิ่งอู่ผงะ “ง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ?”
ยังจะมีอันใดที่ต้องลังเลอีก เมิ่งอู่ใช้สันมือสับที่หลังคอของเขา ทำให้ซวี่เฉินฟางหมดสติไป
บ้าเอ๊ย! คนผู้นี้ช่างตัวหนักจริงๆ…
เมิ่งอู่กึ่งลากกึ่งแบกเขากลับเรือน เหนื่อยเหลือหลายจนแทบจะยืดเอวตรงไม่ได้