ไม่นานเฉินซานหยวนก็ถูกหยาเว่ยคุมตัวเข้ามาคุกเข่าในศาลพิจารณาคดี
“แพทย์ชายเฉินซานหยวนน้อมคารวะจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย! ”
เขายังคงสวมใส่เสื้อคลุมของแพทย์ชาย รูปร่างหน้าตาซีดเผือด ขี้ขลาดตาขาวกลัวหัวหด เขาโน้มกายแสดงความเคารพพร้อมกับชำเลืองมองไปที่ฉีฟู่ฟาง
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็การแอบกระทำอย่างลับๆ แต่ก็ทำให้ผู้คนในที่นี้มองเห็นกันหมด ั์ตาของกูเฟยเยี่ยนฉายแววการคาดเดา หญิงสาวจับจ้องโดยไม่กระโตกกระตาก
จวินจิ่วเฉินมีความตรงไปตรงมามากทีเดียว “เฉินซานหยวน เ้าพูดคำให้การสารภาพออกมาอีกหนึ่งรอบ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินซานหยวนจึงได้เงยหน้าขึ้นมา ทว่าเขายังคงเหลือบมองไปที่ฉีฟู่ฟางด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่มีลักษณะท่าทางใพลางพยายามเขยิบถอยห่างราวกับว่า้าอยู่ห่างจากฉีฟู่ฟาง
การกระทำที่มีความชัดเจนเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนมองออกว่าเขากับฉีฟู่ฟางมีปัญหาขนาดใหญ่กัน เขากลัวฉีฟู่ฟางมากเหลือเกิน
ฉีฟู่ฟางโกรธเป็ฟืนเป็ไฟจนอยากจะแก้ตัว แต่ก็เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดความหวาดระแวงมากยิ่งขึ้น
จวินจิ่วเฉินกล่าวอีกครั้ง “เฉินซานหยวน เ้าไม่จำเป็ต้องหวาดกลัว พูดคำให้การสารภาพออกมาอีกหนึ่งรอบ”
เฉินซานหยวนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาหันไปมองฉีฟู่ฟางแวบหนึ่ง ก่อนจะหลบหลีกด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของเขาเหมือนกับจะหดตัวลงราวกับว่าเกรงกลัวมากกว่าเดิมเสียอีก
อะไรที่เรียกว่าการกระทำที่ไร้เสียงแต่ดูเหมือนจะมีเสียง?
นี่ไง!
ทุกคนล้วนตื่นตระหนกใ อดสงสัยไม่ได้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่ฉีฟู่ฟางที่ติดสินบนเฉินซานหยวนเท่านั้น แต่ยังมีฉีอวี้ร่วมอยู่ด้วย
ฉีอวี้ทนต่อไปไม่ไหวจึงก้าวออกมาถามด้วยเพลิงโทสะ “เฉินซานหยวน เ้าไม่ตอบคำถามของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย แต่มองมาที่ข้าและท่านพี่สองคนหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเ้าใจฝ่อไม่กล้าพูดออกมา? ข้าขอเตือนเ้าเอาไว้ว่าเ้าต้องมีหลักฐาน มิฉะนั้นแล้วจะเป็การใส่ร้ายป้ายสี! ”
เมื่อฉีอวี้เริ่มเอ่ยวาจาออกมา ฉีฟู่ฟางจะทนไหวหรือ?
ฉีฟู่ฟางพุ่งตรงไปที่ด้านหน้าของเฉินซานหยวนพลางชี้นิ้วด่าทอ “สุนัขนู๋ไฉ เ้าเสเเสร้งได้เหมือนจริงๆ ! หากเ้ากลัวเปิ่นเสี่ยวเจี่ยจริงๆ เหตุใดเ้าจึงให้การถึงเปิ่นเสี่ยวเจี่ย? เ้ามันคนชั้นต่ำหน้าเนื้อใจเสือ! เ้าพูดออกมา กูเฟยเยี่ยนสั่งให้เ้าทำใช่หรือไม่? เ้าพูดออกมาสิ! ”
ปฏิกิริยาตอบสนองของฉีฟู่ฟางถือว่ารุนแรงมาก แต่ใครจะไปทราบว่าปฏิกิริยาของเฉินซานหยวนจะรุนแรงมากกว่านางเสียอีก เฉินซานหยวนราวกับนกที่ตื่นใ จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาก้าวเท้าอย่างรีบร้อนไปด้านหน้าโต๊ะของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
เขาโขลกศีรษะลงบนพื้นอย่างรุนแรงพลางร้องะโเสียงดัง “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดไว้ชีวิตด้วย! ไว้ชีวิตด้วย! เมื่อวานนี้มีการตกลงกันแล้วว่าเพียงแค่ข้าน้อยให้การสารภาพคนร้ายตัวจริง แล้วนำหลักฐานออกมา ศาลต้าหลี่ก็จะไว้ชีวิตข้าน้อยและจะไม่ให้ข้าน้อยพบกับคุณหนูใหญ่ฉีอีก! ศาลต้าหลี่จักต้องรักษาคำพูดสิ! ”
นี่…
ฉีฟู่ฟางตกตะลึงมาก นางติดสินบนเฉินซานหยวนก็จริง แต่นางก็พูดจาดีมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยข่มขู่เขาเลยสักครั้ง! เขาเจตนา! เขากำลังแสดง!
เขาไม่ได้ให้การรับสารภาพออกมาเพราะความหวาดกลัว เขาถูกคนติดสินบนไปแล้ว!
ทันทีที่ฉีฟู่ฟางเข้าใจสถานการณ์ก็โกรธจนแทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ นางสาวเท้าพุ่งเข้าไปหยิกเฉินซานหยวน “เ้าแสร้งทำ! เ้าแสร้งทำอีกสิ! เหตุใดเ้าจึงทำเช่นนี้? เพราะอะไร? ”
หยาเว่ยรีบเข้ามาแยกออก ทว่าฉีฟู่ฟางไม่ยอม “เฉินซานหยวน เ้าใส่ร้ายข้า! เ้าตั้งใจจะทำลายข้าใช่หรือไม่ เ้าพูดออกมาสิ เป็กูเฟยเยี่ยนที่ติดสินบนเ้าใช่หรือไม่? เ้าพูดออกมาสิ! ”
ถึงแม้ว่าชื่อของนางจะถูกเรียกขานมาหลายครั้ง ทว่ากูเฟยเยี่ยนก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังดูละครอยู่ ดูจนอยากจะหัวเราะออกมาแล้ว หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้นางสงสัยการกระทำของเฉินซานหยวน เช่นนั้นในตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่าเฉินซานหยวนก็คือคนของจิ้งจอกเฒ่า!
ช่างแสดงได้ดีเลิศเหลือเกิน ทันทีที่เข้าประตูมาก็เริ่มการแสดง จงใจยั่วยุพี่น้องตระกูลฉี นางจะคอยดูว่าเขาจะสามารถนำหลักฐานอะไรออกมาได้ จวินจิ่วเฉินเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง เขาปล่อยให้ฉีฟู่ฟางก่อความวุ่นวายโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา
ท่าทาง้ากินคนเข้าไปของฉีฟู่ฟางทำให้เกิดความน่าสงสัยมาก คณะขุนนางล้วนกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กัน สุดท้ายก็เป็ฉีอวี้ที่เข้าใจแล้วว่าพวกเขาตกหลุมพรางของเฉินซานหยวน เขาจึงรีบร้อนไปดึงฉีฟู่ฟางกลับมา
“ท่านพี่ ในห้องพิจารณาคดีไม่อาจเสียมารยาทได้ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงไต่สวนด้วยพระองค์เอง ดังนั้นจะต้องคืนความยุติธรรมให้ท่านได้ คนในตระกูลฉีตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง มาคอยดูกันว่าสุนัขตัวนั้นจะนำหลักฐานอะไรออกมาได้บ้าง”
องค์หญิงหวายหนิงจึงรีบร้อนเอ่ยออกมา “ท่านพี่ฟู่ฟางวางใจได้ วันนี้ ไม่ว่าใครก็มิอาจใส่ร้ายป้ายสีท่านได้! ”
ในที่สุดฉีฟู่ฟางก็สงบสติอารมณ์ลง
การที่จวินจิ่วเฉินมีความอดทนเช่นนี้ถือเป็เื่ที่พบเจอได้ยาก เมื่อทุกคนเงียบลงแล้วเขาจึงเอ่ยออกมา “เฉินซานหยวน จำเป็ต้องให้เปิ่นหวางถามเ้าเป็ครั้งที่สามหรือไม่? ”
“ไม่ๆ ! นู๋ไฉไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ! นู๋ไฉจะพูดเดี๋ยวนี้เลย จะพูดเดี๋ยวนี้! ”
เฉินซานหยวนเครียดจนพูดจาตะกุกตะกักไปหมด “เป็ เป็…เป็คุณหนูใหญ่ฉีที่สั่งให้ข้าน้อยแอบ…แอบสับเปลี่ยนห่อย่าวซ่านของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย หลังจากนั้น…หลังจากนั้นก็ให้โยนความผิดไปให้แพทย์หญิงกูเฟยเยี่ยน”
ทุกคนล้วนทราบการชี้ตัวเช่นนี้อยู่แล้ว สิ่งที่ทุกคนรออยู่ก็คือรายละเอียด
จวินจิ่วเฉินเอ่ยน้ำเสียงเ็า “พูดรายละเอียดออกมา! ”
“ก็คือ…ก็คือว่าในหนึ่งคืนก่อนวันแจกจ่ายห่อย่าวซ่าน คุณหนูใหญ่ฉีมาพบนู๋ไฉที่ห้องยาสำนักหมอหลวงเป็การส่วนตัว ในตอนนั้นนู๋ไฉยังไม่ทราบตำรับใบสั่งยาย่าวซ่าน และไม่ทราบด้วยว่าคุณหนูใหญ่ฉีไปได้ยินมาจากที่ใดว่าในตำรับยานี้มีโสมเล็กอยู่สามต้น นางให้ข้าน้อยมาห้าพันเหรียญทอง ให้ข้าน้อยนำโสมเล็กที่อยู่ภายในห่อย่าวซ่านสับเปลี่ยนให้หมด…”
การแสดงของเฉินซานหยวนนั้นเยี่ยมยอดจริงๆ เขาเอ่ยมาถึงตรงนี้ก่อนจะชำเลืองมองไปที่ฉีฟู่ฟางอีกครั้ง
ฉีฟู่ฟางเคร่งเครียดอีกครั้ง นางกำลังจะโต้แย้ง ทว่าถูกฉีอวี้ขวางเอาไว้
จวินจิ่วเฉินถามอย่างเ็า “เปลี่ยนเป็อะไร?”
เฉินซานหยวนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับว่า “เปลี่ยนเป็ตัวยาแปลกๆ หนึ่งชนิดที่มีลักษณะเหมือนกับโสมเล็กทุกประการ มันคือ คือ…”
จวินจิ่วเฉินเร่งรัดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “พูด! ”
“ลิ่วตันซางลู่”
เฉินซานหยวนใจนโขลกหัวกับพื้นอีกครั้ง “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดไว้ชีวิตด้วย! ข้าน้อยถูกคุณหนูใหญ่ฉีบีบบังคับ! สิ่งที่ข้าน้อยทราบล้วนสารภาพออกมาหมดแล้ว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย! ”
เฉินซานหยวนพูดไปพร้อมกับหยิบตั๋วทองออกมาจากตัว “เตี้ยนเซี่ย นี่คือห้าพันเหรียญทองที่คุณหนูใหญ่ฉีมอบให้แก่นู๋ไฉ นางกล่าวว่าหลังจากที่เื่ราวสำเร็จจะให้ข้าน้อยอีกห้าพันเหรียญทอง และรับรองว่าจะให้ข้าน้อยออกไปจากเมืองจิ้นหยาง หากว่า…หากว่าไม่สำเร็จ นาง นาง…จะสังหารข้าน้อยทิ้ง! ”
ห้าพันเหรียญทองนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะ เป็ไปไม่ได้ที่เฉินซานหยวนที่เป็เพียงแค่แพทย์ชายจะควักออกมาได้ และไม่ใช่คนทั่วไปที่สามารถนำออกมาได้ง่ายดายเช่นนี้! ตั๋วทองนี้ใช้เป็หลักฐานได้ไม่มากก็น้อย
ผู้คนค่อยๆ มองไปที่ฉีฟู่ฟาง ฉีฟู่ฟางเกิดความเคร่งเครียดอีกครั้ง นางจะสามารถมอบเงินมากมายขนาดนี้ให้แก่เฉินซานหยวนได้อย่างไร นางเพียงแค่ให้เฉินซานหยวนไปห้าร้อยเหรียญเท่านั้น!
“เฉินซานหยวน เ้า…”
นางกำลังจะกร่นด่า ทว่าก็ถูกฉีอวี้ขวางไว้อีกครั้ง หลังจากที่เสียเปรียบไปหนึ่งครั้ง ฉีอวี้จึงได้ระมัดระวังมากขึ้น เขาจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าเฉินซานหยวนจะเปิดเผยจนหมดเปลือก
ห้าพันเหรียญทองเป็หลักฐานก็จริง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าท่านพี่เป็คนร้ายตัวจริง เพราะถึงอย่างไรแล้วก็ไม่อาจละเว้นได้ว่าเฉินซานหยวนอาจถูกคนอื่นติดสินบนเอาไว้
ฉีอวี้ลอบสงสัยว่ากูเฟยเยี่ยนไม่มีทางที่จะมีเงินได้มากขนาดนี้ คนที่ติดสินบนเฉินซานหยวนจะเป็ใครกัน? เขาคิดไปคิดมาก็นึกถึงศัตรูตัวฉกาจ เฉิงอี้เฟย!
ทางด้านของเฉิงอี้เฟยนั้นได้ยินข่าวมานานแล้ว เขาซ่อนตัวท่ามกลางผู้คนด้านนอกเพื่อดูเื่ครึกครื้น เขาไม่สนใจรายละเอียดของคดีความ แต่จับจ้องไปที่ผ้าพันแผลที่ถูกห่อไว้เป็ทรงกลมบนมือของกูเฟยเยี่ยนด้วยความเ็ปใจมาก
หยาเว่ยนำตั๋วทองห้าพันเหรียญมอบไปที่ด้านหน้าของจวินจิ่วเฉิน จวินจิ่วเฉินชำเลืองตามองแวบเดียวก่อนจะไม่ได้สนใจไยดี ทุกคนล้วนคิดว่าเขาจะถามหาหลักฐานอื่นจากเฉินซานหยวน แต่ใครจะไปทราบว่าเขาจะเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “เฉินซานหยวน เ้าทราบหรือไม่ว่าหากใช้ลิ่วตันซางลู่ไปแล้วจะมีผลลัพธ์เช่นไร? ”