ฝนฤดูร้อนมาอย่างรวดเร็ว
ลมกระโชกแรงระลอกหนึ่งกวาดความร้อนอบอ้าวไปจนหมดสิ้น เมฆดำทะมึนเคลื่อนเข้ามาบดบังท้องนภา
ลมพัดทิวไม้เสียดสีกันดังซู่ซ่า อสนีแปลบปลาบตัดผืนนภาดำทะมึน ตามมาด้วยเสียงฟ้าลั่นครืนครั่น
ชั่วพริบตาเดียวฝนห่าใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้า
เสียงฝนกระทบแผ่นกระเื้ัคาดังกังวาน
ขบวนม้าเร็วห้อเหยียดจากนอกประตูเข้ามาในเมือง ฝนเทลงมาอย่างหนัก ผู้คนสัญจรบนท้องถนนต่างรีบหลบฝน เส้นทางถนนจึงว่างพอดีกับขบวนม้าเร็วที่เร่งตะบึงเข้ามา
"ซ่าๆๆ" น้ำจากกีบเท้าอาชาสาดกระจายไปทั่ว เงาร่างของคนในขบวนเดินทางแลดูเลือนรางภายใต้หมอกฝน
"ฝนตกหนักขนาดนี้จะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร"
ที่มุมทางเลี้ยว ผู้คนสัญจรซึ่งหลบไม่ทันถูกน้ำจากม้าวิ่งผ่านกระเด็นใส่เปียกไปทั้งตัว ต่างก่นด่ากันระงม
ท้องฟ้าอึมครึม แสงสว่างภายในห้องจึงค่อนข้างมืดสลัว
อูหลันฮวาจุดตะเกียงหยกลายดอกบัว ทันใดนั้นก็เบื้องหน้าสายตาก็สว่างไสวกว่าเดิมมาก
"คุณหนู ดูเหมือนว่า่นี้จิ้งจอกที่อยู่จวนติดกันจะไม่มีความเคลื่อนไหวเลยนะเ้าคะ" อูหลันฮวานึกถึงเื่นี้
"อาจเป็เพราะพวกเราไม่ค่อยออกไปไหนด้วยกระมัง" เซวียเสี่ยวหรั่นระอาใจอย่างมาก พวกนางมาถึงเมืองเฉียนเฟิงสิบกว่าวันแล้ว แต่กลับออกไปเที่ยวนอกบ้านเพียงสองหน ออกทีไรเป็ต้องพบกับซ่งจิ่งซีผู้นั้นทุกคราไป
หลังจากวันนั้นเพื่อหลบเลี่ยงปัญหา พวกเซวียเสี่ยวหรั่นจึงไม่ออกจากจวนเสียเลย
"จะว่าไปแล้วต้องโทษพวกเขาทีเดียว ข้าได้ยินเสี่ยวหงเล่าว่าเมืองเฉียนเฟิงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง แต่พวกเรากลับไม่อาจไปไหนได้"
เสี่ยวหงเป็สาวใช้ในจวน คุ้นเคยกับเมืองเฉียนเฟิงทั้งนอกในเป็อย่างดี
อูหลันฮวาสดใสร่าเริงเข้ากับคนง่าย หลายวันมานี้ก็พูดคุยกับสาวใช้ในจวนอย่างเบิกบานใจ
"อ้อ มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกสนใจขึ้นมา
"ทิศตะวันตกของเมืองมีศาลเ้าเฉิงหวง ทิศเหนือมีโรงละคร ทิศใต้มีตลาดนัด ไม่ว่าจะที่ไหนล้วนครึกครื้นน่าสนุกเ้าค่ะ" อูหลันฮวายกนิ้วขึ้นมานับ
"เช่นนั้น พวกเราก็เลือกสักที่ไปดูกัน หวังว่าคงไม่เจอจิ้งจอกเ้าผู้นั้นอีกแล้วนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นลูบคาง
"ฟางขุยบอกว่าถึงพบก็ไม่กลัว ใครกล้ามาขวางทาน รับรองว่าได้ถูกตีจนหน้าเขียวกลับบ้านแน่นอน" อูหลันฮวาค่อนข้างเชื่อถือคำพูดของฟางขุย
่นี้นางฝึกใช้กระบอง สามารถควงด้วยมือเดียวอย่างทรงพลังดุจราชสีห์ แต่รับมือกับฟางขุยถึงสามกระบวนท่าก็ยังไม่ผ่าน
"งั้นก็ได้ พรุ่งนี้ถ้าอากาศดี พวกเรา..."
นางยังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงม้าอึกทึกครึกโครมจากด้านนอกมาพร้อมกับเสียงฝนห่าใหญ่
เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาสบตากัน ก่อนเดินไปที่ประตูห้องอย่างเงียบเชียบ
พอดึงประตูเปิดออก เสียงวุ่นวายจากเรือนด้านหน้าก็ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
"คุณหนูข้าไปดูเองเ้าค่ะ" อูหลันฮวาท่าทางตื่นเต้น หยิบร่มกระดาษเคลือบน้ำมันจากมุมห้องวิ่งออกไปโดยไม่ห่วงว่ารองเท้าจะเปียก
เซวียเสี่ยวหรั่นมองดูสายฝนที่โปรยปรายลงมา
คงไม่หรอกมั้ง ฝนตกหนักขนาดนี้เชียวนะ
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ อูหลันฮวาก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา กระโปรงเปียกชื้นไปกว่าครึ่ง แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
"คุณหนู พวกเขากลับมาแล้ว"
เป็พวกเขาจริงๆ สีหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นเผยแววยินดี
"ข้าจะไปดู หลันฮวา เ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ"
เซวียเสี่ยวหรั่นรับร่มกระดาษเคลือบน้ำมันมาจากมือของนาง
"พวกคุณชายกำลังอาบน้ำอยู่ กำชับเป็พิเศษมาว่าท่านอย่าเพิ่งไป"
อูหลันฮวากลับไม่ส่งร่มให้
"หา? เขาสั่งมาขนาดนี้เชียว ชักจะเ้ากี้เ้าการเกินไปแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นพึมพำ แต่พอเห็นฝนยังเทลงมาอย่างหนัก ก็ไม่ดึงดันต่อไป
"เขาหายป่วยแล้วหรือ" เธอใส่ใจเื่นี้มากกว่า
"ดูไม่ออกเ้าค่ะ แผลเป็บนใบหน้าของคุณชายเลือนหายหมดแล้ว" อูหลันฮวาส่ายหน้า นางเองก็ได้คุยกับคุณชายเพียงสองสามประโยคเท่านั้น
แผลเป็บนใบหน้าหายหมดแล้ว? เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเช่นนี้ ก็แทบระงับใจไม่ได้
แต่ฝนตกหนักไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
หลังอูหลันฮวาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินเข้ามาหาแล้วกระซิบบอก "สีหน้าของคุณชายผูหลานไม่สู้ดี หน้าง้ำบึ้งตึงเชียวเ้าค่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นพูดไม่ออก
ยามได้พบหน้าของผูหยางชิงหลัน สีหน้าเขาก็ไม่ดูไม่ได้จริงดังว่า
เขาเปลี่ยนเป็อาภรณ์สะอาดสะอ้าน เรือนผมยาวที่ยังแห้งแล้วครึ่งหนึ่งสยายอยู่บนแผ่นหลัง ดวงหน้าหล่อเหลางอง้ำนั่งรออยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ
อวี๋เฟิงหยางผมยังเปียกชื้นยืนอยู่ด้านหลังของเขา
เซวียเสี่ยวเหล่ยนั่งอยู่ด้านข้าง มองพวกเขาด้วยความตึงเครียด
หลังฝนเบาลงแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาก็มาถึง
ไม่นึกว่าจะมีแค่พวกเขาสองศิษย์อาจารย์กับเซวียเสี่ยวเหล่ย
เหลียนเซวียนแล่นไปไหนล่ะเนี่ย? เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นงึมงำในใจ
"แม่นางเซวีย" ผูหยางชิงหลันซึ่งอยู่ในห้องรับแขกลุกขึ้นต้อนรับ ใบหน้าบูดบึ้งเผยรอยยิ้มอย่างเห็นได้ยากนัก
"คุณชายผูหยาง พี่ชายน้อยอวี๋" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มเดินเข้ามา "ไฉนถึงกลับมาทั้งที่ฝนตกหนักเช่นนี้ พวกท่านคงเปียกปอนกันถ้วนหน้าเลยสินะ"
ผูหยางชิงหลันได้ยินเช่นนั้นก็หน้าบึ้งทันที "ก็เพราะเ้าเด็กโสโครกนั่นล่ะสิ"
พวกเขายังไม่เข้าเมือง พายุก็เริ่มโหมพัดอย่างรุนแรง เขาบอกให้หลบฝนก่อน แต่หมอนั่นกลับบอกว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงอยู่แล้ว
ผลก็คือแต่ละคนล้วนเปียกมะล่อกมะแล่กกลายเป็ไก่ตกน้ำแกง
หากไม่ใช่ว่าสมุนไพรของเขาห่อด้วยกระดาษน้ำมันกันฝนได้ เขาต้องให้เ้าเด็กโสโครกชดใช้เสียให้เข็ด
พูดถึงสมุนไพร ดวงตาของผูหยางชิงหลันพลันสว่างวาบมองเซวียเสี่ยวหรั่น "แม่นางเซวีย ได้ยินเสี่ยวชีบอกว่า เ้าเป็คนเก็บเห็ดหุยซินเ่าั้กลับมารึ"
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปเล็กน้อย หลังไตร่ตรองแล้วก็พยักหน้า
ผูหยางชิงหลันปรึกษากับนางเื่ขอซื้อเห็ดหุยซินทันที
"เื่นี้... ท่านควรถามเหลียนเซวียนมากกว่า "แม้กล่าวว่าเธอเป็คนเก็บเห็ดหุยซิน แต่เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่า ถ้าไม่เพราะเหลียนเซวียนรู้จักของเ่าั้ ใครจะว่างขนาดไปขุดพวกมันกลับมา
"เสี่ยวชีให้ข้ามาซื้อกับเ้า แม่นางเซวีย ครานี้เสี่ยวชีใช้เห็ดหุยซินไปสามดอก ที่เหลือ เ้าคิดจะขายอย่างไร"
ผูหยางชิงหลันไม่แน่ใจว่าในมือเหลียนเซวียนมีเหลืออยู่กี่ดอก ดังนั้นเขาจึงลองถามหยั่งเชิงดูก่อน
"เช่นนี้เอง แต่ข้าไม่รู้ราคาตลาดหรอกนะ มิเช่นนั้นเห็ดที่เหลือสี่ดอกนี้ ท่านลองประเมินดูแล้วกันว่าจะให้เท่าไร แม้เห็ดหุยซินจะเป็ของดี แต่ถ้าอยู่ในมือของคนที่รู้คุณค่าของมันถึงจะมีประโยชน์
เมื่อเหลียนเซวียนจะให้เธอขาย เธอก็จะขาย ของอย่างพวกสมุนไพรสมควรอยู่ในมือหมอที่รู้คุณค่าของพวกมัน
ดวงตาของผูหยางชิงหลันเจิดจรัสดั่งแสงตะเกียง ไม่นึกว่าเห็ดหุยซินจะมีถึงสี่ดอก เ้าเด็กโสโครกซ่อนไว้แเียิ่งนัก
"ก็ได้ เช่นนั้นข้าให้..."
"ช้าก่อน" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นตัดบทการสนทนาของพวกเขา
สีหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นฉายแววตื่นเต้นดีใจ หันไปมองที่หน้าประตู
เหลียนเซวียนในอาภรณ์ตัวยาวสง่างามข้ามธรณีประตูเข้ามาอย่างช้าๆ
เรือนผมสีดำสนิทรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย แผลเป็มากมายก่อนหน้า บัดนี้ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว ผิวพรรณเรียบเนียนกระจ่างสดใส ดวงตาล้ำลึกเปล่งประกายพราวระยับ
หนวดเครารุงรังได้รับการตัดแต่งอย่างประณีต ดวงหน้าคมสันเด่นชัด เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ยังแลดูสง่างามมีอิสรเสรี
"เหลียนเซวียน ท่านกลับมาแล้ว"
พอเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย เซวียเสี่ยวหรั่นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหา รอยยิ้มฉายผ่านแววตาจนเป็วงโค้ง
