ฤดูร้อนฟ้าจะสว่างนาน สวี่ไป่สดใสร่าเริงเต็มที่ จนตอนกลางวันไม่อยากจะนอน สุดท้ายก็ถูกสวี่ตี้ขู่ไปรอบหนึ่งถึงได้ตามแม่นมลู่ไปนอนกลางวันด้วยท่าทางน้อยใจ
สวี่ตี้สอบผ่านถงเซิงระดับอำเภอของเดือนสี่ไปแล้ว ของเดือนหกจะต้องเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อ หลังจากเข้าเดือนหก อากาศก็ร้อนเกินไป ในเรือนมีน้ำแข็ง ถึงแม้จะมีน้ำแข็งก็มักจะรู้สึกไม่หายร้อนอยู่ดี
สวี่ตี้มาปรึกษากับจางจ้าวฉือ ว่าสามารถไปหนีร้อนที่สวนที่นอกเมืองได้หรือไม่ ซึ่งจางจ้าวฉือตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็เคยเห็นแค่ครั้งเดียว ต่อมาผ่านปีใหม่ ในครอบครัวมีเื่ค่อนข้างมาก ทั้งยังยุ่งอยู่กับการสอบของสวี่ตี้ แล้วก็ยุ่งกับงานแต่งงานของสวี่เกา หลังจากแต่งงานออกไปแล้ว ครอบครัวสวี่ผูก็ออกเดินทางไกล วันๆ จึงรู้สึกว่ายุ่งไปหมด ตอนนี้เพิ่งจะวางเื่ในใจลงได้ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ
จางจ้าวฉือจึงไปหาฮูหยินผู้เฒ่า หญิงชราได้ฟังแล้วก็รู้สึกสนใจมาก สวี่ตี้สอบเซียงซื่อตอนปลายเดือนหก ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเดือนหก ไปอยู่ที่บ้านสวนสักสิบสองวันก็สบายมากไม่ใช่หรือ?
โหวเย่ได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไปบ้านสวนที่นอกเมืองกับจางจ้าวฉือ จึงได้ส่งองครักษ์ในจวนตามไปด้วย วันที่สองเดือนหกจางจ้าวฉือกับฮูหยินผู้เฒ่าก็ออกเดินทางกันั้แ่เช้าตรู่ อาศัยใน่อากาศยังไม่ร้อนมาก พาสวี่ตี้สามพี่น้องแล้วก็สาวใช้นั่งรถม้าไปที่บ้านสวน
หลังจากออกจากเมืองหลวงมา จนถึงใกล้ๆ กับบ้านสวนล้วนปูด้วยพื้นหิน เดินทางได้ง่ายมาก ใช้เวลาเดินทางครึ่งวันผ่านเส้นทางบนูเาที่ใช้หินปูไปยังบ้านสวน
บ้านสวนอยู่ที่เอวูเา เป็พื้นที่ที่ดินหลายสิบไร่มีขนาดใหญ่ หลังจากเดินทางผ่านถนนเส้นใหญ่ เลี้ยวตรงถนนเส้นเล็ก แล้วเดินทางไปอีกไม่กี่ลี้ ก็ถึงบ้านสวน
ป่าใกล้ๆ กับบ้านสวนถูกปลูกมาอย่างดี อีกทั้งเพราะว่าในบ้านสวนมีน้ำพุร้อน ตอนหน้าหนาวจึงไม่หนาวมาก และเพราะว่าต้นไม้สีเขียวบนูเาที่เป็ร่มเงา ทำให้ฤดูร้อนก็ไม่ร้อนมาก ถนนทั้งสองข้างบนูเามีลำธารสายเล็กๆ ไหลผ่าน มองลำธารเส้นเล็กๆ น้ำเย็นๆ ก็ทำให้รู้สึกสดชื่น
ลมพัดโชยมาเป็ระยะ ความร้อนบนตัวถูกลมพัดจนหายไปหมด ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแล้วพูดกับแม่นมเสิ่นที่ยั่งอยู่บนรถม้าคันเดียวกันว่า “ที่นี่สบายดีจริงๆ ทำให้รู้สึกเย็นสบายมากเลย”
แม่นมเสิ่นตอบ “ใช่เ้าค่ะ ข้าได้ยินหัวหน้าผู้ดูแลสวนสกุลหลี่บอกว่า ผักในสวนปลูกออกมาได้ดีทีเดียว ธัญพืชก็ปลูกได้ดี พวกเราไปถึงแล้วก็ยังสามารถเก็บผักในสวนมากินได้ด้วยเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเหอะๆ “จริงสินะ ข้าไม่ได้ทำงานในสวนมากี่ปีแล้ว ก็เป็ตอนที่ติดตามพวกท่านพ่ออยู่ที่ชายแดน ไปที่นาของครอบครัว พูดไปแล้วนี่ก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว”
ที่บ้านสวนได้รับจดหมายแจ้งแล้ว พอมาถึงตอนกลางวัน โรงครัวในจวนก็ได้เตรียมข้าวเที่ยงเอาไว้แล้ว หลังจากกลุ่มคนที่ท้องหิวโซลงมาจากรถม้าพอดี หลังจากอาบน้ำกันง่ายๆ รอบหนึ่งก็เริ่มมานั่งทานข้าวร่วมกัน
บ้านสวนได้ขยายใหญ่ขึ้น เดิมทีเป็บ้านเล็กๆ สองทางเข้า สวี่ตี้ก็ขยายเป็บ้านขนาดใหญ่ห้าทางเข้า กำไรที่ได้รับจากร้านหม้อไฟเยอะมาก ในมือมีเงินแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเอามาใช้ทำตามใจชอบ ไม่เพียงแต่บ้านที่ขยายใหญ่ขึ้น การตกแต่งภายในก็ทำตามความ้าของสวี่ตี้ ห้องน้ำก็ใช้ท่อน้ำจากดินเผา เดิมทีบ่อน้ำพุร้อนก็คือตาน้ำเล็กๆ ที่เรือนหลัง สวี่ตี้ก็สร้างห้องทับเอาไว้ให้มันอยู่ด้านใน อีกทั้งยังขยายตาน้ำพุให้กว้างขึ้น กำแพงห้องสร้างเป็กำแพงไฟ สร้างช่องทางลมขึ้นโดยเฉพาะ ตอนที่อากาศเย็นมาถึง ก็จุดไฟในกำแพง แล้วแช่บ่อน้ำพุร้อนอย่างสบายใจ ในตอนนี้เข้าไปนอนแช่ก็เป็อะไรที่สบายมาก
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็จับมือแม่นมเสิ่นที่พยุงตัว แล้วตามสวี่ตี้เดินไปรอบๆ เรือนหนึ่งรอบ ถึงได้กลับมาพักที่ห้องของตนเองในเรือนหลัง
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ แล้วพูดกับแม่นมเสิ่น “คุณชายใหญ่ของพวกเราเป็คนที่มีความสามารถจริงๆ เรียนหนังสือก็ดี เื่พวกนี้ลงมือทำก็ทำออกมาได้ดี”
แม่นมเสิ่นยิ้มแล้วเอ่ย “ใช่เ้าค่ะ ข้าคิดว่าออกมากับคุณชายใหญ่แล้วรู้สึกมั่นคงในใจจริงๆ เ้าค่ะ อะไรก็ไม่ต้องกังวล สนใจแค่กินให้ดี ดื่มให้ดีก็พอ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “จริงด้วยนะ ใช่แล้ว พวกเราหาเวลาไปถามตี้เกอเื่ภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานเข้ามาคนนั้นกัน ตอนที่พวกจ้าวฉือกลับไปที่เหอซี พวกเราจะต้องเตรียมของขวัญไปให้ถึงจะถูก นี่เป็เหลนสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งงานของข้าเชียวนะ”
แม่นมเสิ่นรีบรับคำ ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย “ตอนที่คุณหนูใหญ่ของโหวเย่กลับมาเมื่อหลายวันก่อน ข้าได้ยินนางปรึกษากับฮูหยินใหญ่ว่าอยากจะคุยเื่แต่งงานของคุณชายใหญ่ด้วยเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “พวกนางก็แค่คิด ยังต้องดูว่าเหราเอ๋อร์สองสามีภรรยากับโหวเย่ รวมทั้งข้าจะยอมหรือไม่ เื่แต่งงานเป็เื่ใหญ่ ยังมีคำสั่งของบิดามารดา และคำพูดของแม่สื่ออยู่ ไม่ต้องถึงมือป้าๆ อย่างพวกนางที่แต่งงานออกไปแล้วมายุ่งหรอก”
แม่นมเสิ่นฟังแล้วก็รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าหมายความว่าอย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “คุณหนูใหญ่ผู้นี้ของพวกเราหากพูดกันตามจริงแล้ว ก็ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเท่าไหร่ ตอนนั้นนางอยากจะแต่งงานไปที่จวนหย่งผิงโหว ข้าก็บอกนางแล้วว่า จวนหย่งผิงโหวไม่ใช่ที่ที่ดี อย่าเห็นว่าจวนหย่งผิงโหวดูดีมีหน้ามีตา ภายในอันตรายแค่ไหนนางมองไม่เห็น อีกอย่างฮูหยินที่ดูแลจวนหย่งผิงโหวก็ไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยง่าย แต่นางก็ไม่ฟัง มารดาของนางในใจก็ไม่มีกฎเกณฑ์ห้ามปรามลูก ข้าเองก็ไม่อยากจะไปยุ่งแล้ว ยุ่งมากไปก็มีแต่ทำให้คนรังเกียจ”
แม่นมเสินเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มโกรธแล้วจึงเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ พูดขึ้นมาแล้วท่านก็โกรธ เช่นนั้นก็ช่างมันเถิดเ้าค่ะ พวกเราไม่พูดถึงนางแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “ข้าแก่แล้ว ชาตินี้อะไรก็ดี มีแต่เื่การแต่งงานของลูกหลานที่ใจแข็งไม่ได้เลย โหวเย่ก็เช่นนี้ คุณหนูใหญ่นางนี้นี่ก็เป็เช่นนี้ ตอนแรกถ้าหากข้าใจแข็งห้ามปราม พวกเขาจะโกรธข้าก็โกรธไป ดีกว่าวันนี้ที่ทำเื่วุ่นวายพวกนี้ออกมา”
แม่นมเสิ่นะเืใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงรีบเทชาร้อนๆ ให้ ฮูหยินผู้เฒ่าหยิบขึ้นมาดื่มสองอึก “ช่างเถิด ช่างเถิด ข้าเองก็ไม่พูดแล้ว พูดมากไปก็ไม่มีความหมาย พวกเราน่ะไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขาแล้ว หากพวกเขาอยากจะเข้ามายุ่งกับเื่แต่งงานของเด็กในเรือน ข้าไม่เห็นด้วย เ้าไปบอกจ้าวฉือนะ ให้พวกนางจับตาไว้ให้ดี ฮูหยินซื่อจื่อของจวนหย่งผิงโหวผู้นี้เป็คนที่ทำอะไรไม่สนวิธีการ”
แม่นมเสิ่นพยักหน้า หลังจากเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่านอนหลับไปแล้ว ก็ส่งให้สาวใช้เฝ้าฮูหยินผู้เฒ่านอน ก่อนจะออกจากห้องไป
ฮูหยินผู้เฒ่าพักอยู่เรือนหลักที่เรือนหลัง จางจ้าวฉือพาสวี่ไป่พักที่เรือนตะวันออก สวี่จือกับแม่นมลู่พักที่เรือนตะวันตก ส่วนสวี่ตี้พักอยู่เรือนหน้า ที่นั่นยังมีห้องตำรา เขาจำเป็ต้องอ่านหนังสือในห้องตำราเป็ประจำทุกวัน
แม่นมเสิ่นเห็นแม่นมลู่กับจางจ้าวฉือยังไม่ได้พักผ่อน จึงเดินไปทางห้องของจางจ้าวฉือ
สวี่ไป่พอเปลี่ยนสถานที่ก็ตื่นเต้น หลังจากทานข้าวก็ไม่ยอมนอนกลางวัน เอาแต่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนตั่ง แม่นมลู่เห็นจางจ้าวฉือกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ก็หยิบเข็มปักผ้าออกมา ทำไปก็อยู่เป็เพื่อนจางจ้าวฉือไป
เห็นแม่นมเสิ่นมาหา ทั้งสองคนก็รีบลุกขึ้น แม่นมเสิ่นเห็นสวี่ไป่ที่ง่วงงุนอยากนอน ก็ยิ้มแล้วพูดเสียงเบา “ข้าเห็นพวกเ้าไม่ได้พักผ่อน ก็เลยมาพูดคุยด้วย”
สวี่ไป่ฟังแล้วก็รู้ว่าจะเล่าเื่แล้วจึงรีบหลับตา แกล้งทำเป็ว่าหลับแล้ว แม่นมลู่กลับมองไปที่สวี่ไป่ ก่อนจะห่มผ้าให้เด็กน้อย เรียกแม่นมเสิ่นให้นั่งลงริมตั่ง ส่วนตัวเองไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าตั่งแทน
แม่นมเสิ่นพูดเสียงเบา “เมื่อครู่ข้าคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าเื่ของคุณหนูใหญ่พี่สาวของโหวเย่ของจวนพวกเรา ข้าได้ยินคนในจวนพูดว่านางอยากจะคุยเื่คู่แต่งงานของคุณชายใหญ่ ข้าจำได้ว่าคุณชายใหญ่มีคู่หมั้นอยู่แล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?”
จางจ้าวฉือพยักหน้า “ข้าเองก็เคยพูดเอาไว้ ว่าครั้งนี้สวี่ตี้อยากจะหนีร้อนมาที่นี่ แล้วก็เพราะว่าไม่อยากจะถูกคนรบกวนก่อนสอบ หากไม่ใช่เพราะจะสอบแล้ว จะมีค่าพอให้เดินทางมาไกลหรือ?”
แม่นมเสิ่นเอ่ย “ในเมื่อพวกเ้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็ดี เพื่อเื่แต่งงานของลูกคนโตของพวกเขา คุณหนูใหญ่นางร้อนใจมาก แล้วก็เป็แม่สามีของนางใช้สิทธิ์ในการดูแลเรือน ทำให้คุณหนูใหญ่ดำเนินการอะไรไม่ได้เปรียบมากเท่าไหร่นัก”
แม่นมลู่ยิ้มแล้วเอ่ย “ฮูหยินของจวนหย่งผิงโหวข้ารู้จัก ฮูหยินนางนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เป็คนชอบยึดอำนาจ นิสัยเอาแต่ใจ อยากจะเอาอำนาจในการดูแลเรือนมาจากมือของนาง คาดว่าคงจะยากมาก”
แม่นมเสิ่นเห็นแม่นมลู่กับจางจ้าวฉือต่างรู้เื่พวกนี้ดี จึงไม่ได้ปกปิดอีก “คุณหนูใหญ่อยากจะหาสตรีที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูงให้กับลูกคนโตของพวกเขา นางอยากจะบีบแม่สามีของนางที่เอาอำนาจเื่ดูแลจวนของนางไป ข้าคิดว่าคุณหนูใหญ่คิดนั้นดีมาก แต่ทำยาก หลายปีมานี้จวนหย่งผิงโหวไม่ค่อยจะมั่นคงเสียเท่าไหร่ ข้าได้ยินจากคนที่ติดตามคุณหนูใหญ่แต่งงานไปพูดว่า คุณหนูใหญ่ใช้สินเดิมหนึ่งแสนตำลึงไปเยอะมาก หากเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าจะต้องเริ่มขายร้านค้าแล้ว”
สวี่สาวคือลูกสาวคนโตของหย่งหนิงโหวเย่ เติบโตมาอย่างสูงส่งงดงาม ตอนที่แต่งงานไม่เพียงจะเงินในจวนไปจำนวนมาก ยังได้ยินมาว่าอู่ซื่อแบ่งเงินสินเดิมสี่ส่วนให้นางเอาไปด้วย ซึ่งอู่ซื่อเป็ลูกสาวคนเล็กที่ทางครอบครัวรักมากที่สุด สินเดิมในตอนนั้นจึงทำให้คนถึงกับอิจฉาตาร้อน
จางจ้าวฉือมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับพี่สาวที่เกิดมาก่อนสามีของตนเองสักเท่าไหร่ สวี่สาวหน้าตาไม่เหมือนอู่ซื่อ เพราะอู่ซื่อหน้าตาอ่อนโยนนุ่มนวล แล้วก็ไม่เหมือนกับโหวเย่ นางหน้าตางดงาม นิสัยเอาแต่ใจ ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานออกไปก็เป็สตรีงามมีชื่อเสียงในเมืองหลวง ต่อมาแต่งงานไปที่จวนหย่งผิงโหว สินเดิมก็พร้อมสรรพเต็มที่จนทำให้คนต่างพากันอิจฉามากมาย หลังจากที่สวี่สาวแต่งงานไปแล้ว ก็ยังคงอยู่ในแวดวงสังคมเมืองหลวง เพียงแต่น่าเสียดายที่่หลายปีมานี้จวนหย่งผิงโหวไม่ได้รับความชอบจากเหลียงเฉิงตี้ เพราะว่าทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ไม่ดี ทำเอาอำนาจในมือของหย่งผิงโหวเย่ถูกริบไว้พอสมควร คนภายนอกแค่มองก็รู้แล้วว่าเื่ราวมันเป็อย่างไร ซึ่งสวี่สาวไม่ได้รับจดหมายเทียบเชิญมานานมากแล้ว
จางจ้าวฉือไม่ชอบสวี่สาว เพราะว่าั้แ่เล็กสวี่สาวชอบรังแกสวี่เหรา ตอนที่จางจ้าวฉือแต่งงานกับสวี่เหราตอนนั้น สวี่สาวก็อาศัย่ว่างๆ กลับมาที่ครอบครัวมารดามาตำหนิทั้งสองคน ซึ่งสวี่เหราก็ไม่ได้พูดอันใด แต่จางจ้าวฉือไม่ใช่คนที่จะสามารถทนได้ จึงเอ่ยสวนกลับไปทำเอาสวี่สาวโกรธแล้วเดินตึงตังจากไป บวกกับจางจ้าวฉือไม่ค่อยจะปฏิสัมพันธ์กับคนในจวน สวี่สาวจึงไม่กล้ามาอยู่ต่อหน้าของสวี่เหรา
จางจ้าวฉือเอ่ย “คุณหนูใหญ่ของพวกเรานางนี้ สนใจหน้าตาเป็ที่สุด คาดว่าก็คงจะมาหาฮูหยินใหญ่เพื่อสอบถามบ่อยๆ สินะ?”
แม่นมเสิ่นยิ้มแล้วเอ่ย “เื่นี้ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดจริงๆ เ้าค่ะ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่ใช่มารดาของคุณชายสาม ของของนางพวกเราเองก็ไม่ได้อยากได้ อยากจะให้ใครก็ให้ไป หากพวกเขาอยากจะมายุ่งกับเื่แต่งงานของตี้เกอ ข้าไม่ยอมหรอก แม่นมเสิ่น ท่านกับฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ ตี้เกอของพวกเราทำอะไรย่อมรู้ตัวเองดี ส่วนข้าน่ะชอบลูกสะใภ้ที่ยังไม่ได้แต่งเข้ามาของตี้เกอมาก พวกเขาจะต้องรู้ว่าเื่นี้พวกเขายุ่งไม่ได้ แล้วต้องถอยกลับไปนี่คือสิ่งที่ดีที่สุด อยากจะใช้วิธีการอะไร พวกเราก็ไม่กลัวที่จะฉีกหน้าหรอกนะ”
แม่นมเสิ่นยิ้มแล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็ได้ ข้ารับทราบแล้วเ้าค่ะ นี่ก็เย็นแล้วพวกเ้ารีบพักผ่อนเถิด ข้าจะไปดูทางด้านฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว”
หลังจากแม่นมเสิ่นจากไป จางจ้าวฉือก็หัวเราะเสียงเย็น “พวกเราถอยออกมาแล้ว ข้าอยากจะดูว่าพวกนางทำอย่างไร”
สวี่ตี้พักอยู่เรือนหน้า จึงรู้เื่ราวภายในเรือนมากมาย จางจ้าวฉือเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจอะไร มีคนมาที่เรือนอย่างน้อยที่สุดจะมาสอบถามเื่อะไร นางให้ความสนใจที่สุดก็คือสวี่สาวที่กลับมาครอบครัวมารดาแล้วปรึกษาเื่อะไรสักอย่างกับโหวฮูหยิน ซึ่งนางเองก็ไม่ใช่คนใส่ซื่อจนไม่รู้อะไร แม้จะไม่เห็นหมูวิ่งแต่เป็คนที่เคยกินหมู แล้วก็รู้ดีว่าอายุของสวี่ตี้นั้นเื่ที่ทำให้คนมายุ่งมากที่สุดนอกจากเื่การเรียนก็คือเื่แต่งงาน
สวี่ตี้ไม่ใช่คนที่มีความคิดแบบเด็กวัยรุ่นจริงๆ ิญญาของเขาอายุสามสิบกว่าแล้ว จะยังมองไม่ออกอีกหรือว่าเื่พวกนี้เป็เื่อะไร ปกติเวลาออกไปเดินด้านนอก ก็ให้ความสำคัญกับเื่พวกนี้มาก บางคนก็อยากจะลากเขาไปเปิดหูเปิดตาในสถานที่พิเศษ ซึ่งสวี่ตี้ได้กล่าวพูดอ้อมๆ แล้วขอบคุณปฏิเสธไป โดยทั้งหมดล้วนเอาอายุที่ยังน้อยของตัวเองมาเป็ข้ออ้าง ส่วนเื่แต่งงานก็เน้นย้ำว่าจะฟังคำบิดามารดา คนที่สกุลจางส่งมาก็ไม่ได้มากินข้าวให้เสียเปล่า สกุลชนชั้นสูงใหญ่ๆ พวกนั้นภายในเมืองหลวงขนาดใหญ่นี้ย่อมรู้จักทั้งหมด
สวี่ตี้วางแผนเอาไว้ดีแล้ว หลังจากการสอบถงเซิงเสร็จ ก็จะมาเตรียมตัวสอบระดับเซียงซื่อที่บ้านสวน การสอบระดับเซียงซื่อเดือนแปดจบลงแล้ว คะแนนจะออกหรือไม่ออกก็จะพาแม่ น้องชายและน้องสาวกลับไปยังเหอซีในตอนที่อากาศยังไม่เย็นมาก ขอแค่ตนเองไม่อยู่ อีกทั้งตนเองมีคนที่จะแต่งงานด้วยอยู่แล้ว คนอื่นอยากจะมายุ่งก็ยุ่งไม่ได้
สวี่ตี้พิจารณาอย่างไรนั้นจางจ้าวฉือรู้ดี นางเองก็อยู่ที่เมืองหลวงพอสมควรแล้วเหมือนกัน รู้สึกว่าที่ไหนก็ไม่สบายใจ แล้วก็ไม่วางใจที่จะปล่อยให้สวี่เหราอยู่ที่เหอซีเพียงคนเดียว ถึงแม้หนึ่งวันอาหารสามมื้อจะมีคนคอยดูแล แยกกันมาหนึ่งปีกว่าแล้ว จะอย่างไรก็ทำให้รู้สึกไม่วางใจอยู่ดี
ทั้งครอบครัวจึงมาอาศัยอยู่ที่บ้านสวนเช่นนี้ ทุกวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่านอกจากเดินไปทั่วแล้ว ก็ยังไปเดินที่แปลงผักกับสวี่จือและสวี่ไป่ มองว่าผักอันไหนที่ตนเองอยากกินก็เด็ดออกมาด้วยตนเอง ก่อนจะให้คนเอาไปส่งให้โรงครัวทำอาหารออกมา
ข้าวกล้องที่ฮูหยินผู้เฒ่าปลูกเอาไว้พวกนั้นได้เก็บเกี่ยวแล้ว ผลผลิตที่ได้ล้นหลาม เก็บเอาไว้ให้ตนเองกินพอแล้ว ที่เหลือก็เอาไปขายให้กับร้านขายข้าวร้านใหญ่ในเมืองหลวง ที่ดินไม่กี่สิบไร่กลับขายได้เงินหนึ่งหมื่นกว่าตำลึง ฮูหยินผู้เฒ่ามองตั๋วเงินที่สวี่ตี้ส่งให้กับตนเองแล้วรู้สึกตะลึงมาก ไร่นานั้นไม่เคยหาเงินให้กับตนเองมาก่อน มีแต่นางที่เอาเงินเข้าไปให้กับคนที่ไร่
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “ตี้เกอ เ้าคงไม่ได้เอาเงินของตนเองมาปลอบให้ข้าดีใจใช่หรือไม่?”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วเอ่ย “ท่านทวดขอรับ ดูท่านพูดสิ ท่านไม่เชื่อใจตัวเองหรือว่าไม่เชื่อใจพวกท่านลุงท่านน้าที่ไร่ขอรับ? เงินพวกนี้เหลือจากที่ข้าแบ่งให้กับพวกลุงๆ ที่ไร่แล้ว หากจะให้พูดกันจริงๆ จะต้องได้เงินหนึ่งหมื่นห้าพันกว่าตำลึง ข้ารู้ว่าท่านเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินแค่นั้น ก็เลยเอาเงินห้าพันตำลึงไปซ่อมแซมบ้านในไร่ แล้วก็แบ่งให้กับคนในไร่ไปด้วยขอรับ ท่านทวด ไร่ของท่านเป็ที่ที่เหมาะกับการปลูกข้าวกล้องที่สุดของทางภาคเหนือของเราเลยนะขอรับ ไร่อื่นๆ คิดจะหาเงินมาได้เท่านี้ไม่มีทางหรอกขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินสวี่ตี้พูดเช่นนี้ก็พูดออกมาด้วยความดีใจ “ในเมื่อเป็เช่นนั้น เงินพวกนี้ข้าก็จะเก็บเอาไว้แล้วกัน”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วเอ่ย “ท่านทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วขอรับ นี่คือเงินที่ได้จากการขายข้าวของท่าน ท่านก็ควรจะรับมันไว้อย่างดีใจ ปีนี้น่ะ ข้าใช้เมล็ดข้าวแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ผ่านไปอีกสักหน่อยข้าจะปลูกข้าวสาลี เก็บข้าวสาลีเสร็จก็ค่อยปลูกข้าวขาวต่อ รับรองต่อไปจะให้ท่านกลายเป็คุณนายที่หาเงินได้เยอะที่สุดในต้าเหลียงเลยขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วก็ยิ้มแล้วเอ่ย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้ายังมีไร่อีกสองแห่ง มอบให้เ้าทั้งหมดดีหรือไม่?”
สวี่ตี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ได้สิขอรับ เหตุใดจะไม่ได้ มอบให้ข้าท่านวางใจได้เลย ข้ารับรองว่าจะขุดทองจากพื้นดินมาให้ท่าน”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มแล้วเอ่ย “เช่นนั้นก็ต้องรอให้เ้าสอบผ่านระดับถงเซิงและระดับเซียงซื่อก่อนค่อยมาคิดเื่พวกนี้ ข้ารู้ว่ารอจนเ้าสอบเซียงซื่อเสร็จแล้วพวกเ้าก็จะกลับเหอซีเลย คนที่ไร่ของข้าเชื่อฟังมาก ข้าจะให้พวกเขาฟังคำสั่งของเ้า ดีหรือไม่?”
สวี่ตี้ยิ้มพลางเอ่ย “ขอรับ เหตุใดจะไม่ดี ท่านทวด ถึงตอนนั้นท่านไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว รอรับเงินอย่างเดียวก็พอขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้