คนที่เหลือถอยไปไม่ไกลมากนัก เพราะพวกเขาหวาดกลัวฮวาชีเยว่จากเมื่อเห็นท่าทีของท่านหญิงิจู
“องค์หญิงฮุ่ยหยา...โปรดช่วยิจูด้วย! หม่อมฉันเพียงชวนแม่นางชีเยว่มาเพื่อพูดคุยเื่ส่วนตัวเท่านั้น หม่อมฉัน...” เมื่อท่านหญิงิจูพูด นางมีท่าทีเหนียมอายและหวาดกลัว “หม่อมฉันเพียงอยากทราบว่าคนที่ท่านอ๋องถูกใจเป็เช่นไรจึงอยากลองถามท่านหญิงชีเยว่ที่ดูใกล้ชิดกับเขาดู ทว่า ท่านหญิงจิ่งฮวาไม่เพียงไม่บอกอะไรหม่อมฉัน นางยังผลักหม่อมฉันลงบ่ออีก! นางอยากสังหารหม่อมฉัน โฮ...”
ท่านหญิงิจูร้องไห้เสียงดัง นางย่อมเป็ที่รักในสายพระเนตรฮ่องเต้มากเป็แน่
ฮวาชีเยว่แสยะยิ้มพลางจำความหน้าไหว้หลังหลอกของสตรีผู้นี้ใส่ใจไว้ นางคาดไม่ถึงว่าคู่แข่งของนางจะแสดงได้ดีถึงเพียงนี้
องค์หญิงฮุ่ยหยามองชีเยว่อย่างใ ดูไม่อยากเชื่อ “เป็ไปไม่ได้ ท่านหญิงจิ่งฮวาไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย...”
คนที่เหลือเริ่มดุด่าฮวาชีเยว่บ้างแล้ว ว่าร้ายนางและหัวเราะเยาะนาง พวกเขาที่เมื่อครู่ยังเชิดชูนาง แต่ท่าทีตอนนี้กลับเปลี่ยนไปในพริบตา
เื่นี้แสดงถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ได้ชัดแจ้ง
"ท่านหญิงจิ่งฮวา เ้าทำกับท่านหญิงิจูแบบนี้ได้เช่นไร?”
“ใช่ ดูท่าฮ่องเต้จะมองคนผิดเสียแล้ว”
“ฮวาชีเยว่ นางสำส่อนเช่นเ้ากลายเป็ท่านหญิงไปได้อย่างไร? แล้วยังไม่รีบขอโทษท่านหญิงิจูอีกหรืออย่างไร?”
“ขอโทษหรือ?”
ฮวาชีเยว่แสยะยิ้มเยือกเย็น นางไม่คิดหรอกว่าท่านหญิงิจู้าเพียงคำขอโทษจากนาง ถึงกับใส่ความว่านางพยายามฆ่า ป้ายสีอาชญากรรมอันหนักหนาใส่นางเช่นนี้
“หยุด! ท่านหญิงิจู คงมีเื่เข้าใจผิดอะไรเป็แน่! อย่าร้องไห้ รอให้ข้าได้ถามก่อน!” องค์หญิงฮุ่ยหยากล่าวอย่างใจเย็นพลางสั่งการให้เหล่าบริวารไปหาเสื้อคลุมมาคลุมร่างท่านหญิงิจูเสีย
คนที่เหลือเฝ้ามองทั้งสามเงียบๆ ฮวาชีเยว่ยังคงสงบรักษาท่าที
“ท่านหญิงจิ่งฮวา ช่วยเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิงฮุ่ยหยาถามอย่างสุภาพ เป็ตอนนี้เองที่จี้จิงขัดขึ้นมา “ท่านพี่ชีเยว่จะเป็คนโหดร้ายแบบนั้นไปได้เช่นไร? ไม่ใช่ว่าพวกเ้ากำลังโดนท่านหญิงิจูหลอกหรือ”
“คุณหนูจี้ พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ฮวาชีเยว่นั้นมีชื่อเสียงไม่ดีมาแต่แรกแล้ว ดังนั้นแล้วหากนางจะเป็คนชั่วร้ายก็ไม่น่าแปลก” สตรีผู้หนึ่งหัวเราะอย่างเ็า โอวหยางหลิวเอ๋อร์นั่นเอง นางเกลียดและชิงชังฮวาชีเยว่มาตลอดนับั้แ่ที่นางพ่ายแพ้ในการประลอง
และเมื่อมีโอกาสมาแล้วเช่นนี้ นางจึงคิดจะทำร้ายสตรีผู้นี้เพื่อล้างแค้นเสีย
“นี่ เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้กัน! นี่เ้าพยายามใส่ความท่านพี่ชีเยว่อยู่เพราะนางเคยชนะเ้าในงานแข่งละสิ!” จี้จิงยิ้มเย็นเยียบ เมื่อได้ยินการสนทนานี้ คนรอบกายจึงพลันนึกถึงการประลองระหว่างฮวาชีเยว่และโอวหยางหลิวเอ๋อร์แล้ว ต่างก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
การที่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลโอวหยางไปพ่ายให้กับบุตรีขี้แพ้จากตระกูลฮวานั้นเป็เื่ตลกชั้นดี โอวหยางหลิวเอ๋อร์ตอนนี้ได้ถูกจดจำในฐานะ “ขี้แพ้ในหมู่ขี้แพ้” ไปแล้ว ทำให้นางโกรธเหลือเกิน
“เ้า เ้าพูดเื่ไร้สาระแล้ว!”
เมื่อโดนจี้ใจดำ นางจึงชี้จี้จิงอย่างเดือดดาล
“ข้าไม่ได้ผลัก นางร่วงไปเอง” ฮวาชีเยว่กล่าวเสียงนิ่ม แม้เสียงของนางจะไร้อารมณ์ แต่คำพูดนั้นมีมนต์สะกด เป็ผลให้ทุกคนหันไปมองนาง
“ท่านหญิงจิ่งฮวา...ท่านทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร? ข้าไม่...ไม่เคยทำร้ายท่านเลย แล้วท่านมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
หยาดน้ำเอ่อคลอในดวงตา ช่วยทำให้ท่านหญิงิจูยิ่งดูน่าสงสารขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
ฮวาชีเยว่ยิ้ม ประกายแสงแห่งความเ็าพลันแวบขึ้นในสายตา ั์ตานั้นราวกับสามารถทะลวงจิตใจของผู้คนและเปิดเผยความคิดเบื้องลึกทั้งมวล
“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ท่านหญิงิจู ข้าจะไปทำเื่เช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านหญิงิจู ท่านน่ะะโลงไปเอง และข้ายังพยายามวิ่งไปจับแขนเสื้อท่านด้วยซ้ำ ดูนี่สิ...ข้าอยากดึงนางขึ้นมา แต่เสื้อของนางมันบางเกินไปจนผ้าฉีก”
ฮวาชีเยว่สะบัดมือ ในมือมีเศษผ้าเล็กๆ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังแขนของท่านหญิงิจู จึงได้เห็นท่อนแขนเปลือยเปล่ากับแขนเสื้อที่ขาดออก
ท่านหญิงิจูมัวแต่เพ่งสมาธิไปที่การป้ายสีชีเยว่จนไม่ทันได้สังเกตแขนเสื้อตนเอง ยามนี้เมื่อเห็นแล้ว นางเป็ต้องตกตะลึง!
นางไม่รู้สึกเลยว่าฮวาชีเยว่พยายามดึงตัวนาง จึงไม่ทันสังเกตว่าแขนเสื้อนางขาดไปแล้ว
“หากแค่นี้ยังไม่ใช่หลักฐานที่ดีพอ ก็เชิญชมนี่!” ฮวาชีเยว่ชี้ไปยังจุดที่นางกับท่านหญิงิจูยืนอยู่ก่อนหน้า “เพราะท่านหญิงิจูร่วงลงบ่อทั้งยังดิ้น นางจึงขยับไปทางซ้าย ตรงนี้ยังมีร่องรอยที่พวกเราเคยยืนอยู่ หากไม่เชื่อข้า ก็เชิญเรียกเหล่าทหารมือดีหรือแม่ทัพหวางมาตรวจได้เลย!” ฮวาชีเยว่ชี้ไปยังพื้นหญ้าเรียบข้างกาย
“หากข้าจะผลักนาง นางก็ควรยืนอยู่เบื้องหน้าข้า แต่นางยืนอยู่เื้ัข้า เช่นนั้นแล้วการบอกว่าข้าผลักนางนั้นก็ดูจะไม่บ้าบอไปหน่อยหรือ?” ฮวาชีเยว่กล่าวอย่างใจเย็นพลางมองท่านหญิงิจูด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
สายตาทุกคู่พลันมองเหล่าทหารมือดีทันทีที่ได้ฟังคำกล่าวของฮวาชีเยว่
เหล่าทหารในวังนั้นมีความสามารถหลากหลาย พวกเขาเป็จอมยุทธ์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการสังเกต ผ่านการฝึกฝนจากปรมาจารย์ลมปราณ เป็ผลให้พวกเขาได้รับการยกย่องในวังหลวง
ทหารรายหนึ่งลุกขึ้นแล้วเดินไปตรวจจุดเื้ัฮวาชีเยว่ แล้วพยักหน้า “ท่านหญิงจิ่งฮวาพูดถูกแล้ว เมื่อครู่ท่านหญิงิจูยืนอยู่เื้ันาง”
ฝูงชนตื่นตะลึง
จี้จิงแค่นเสียงแล้วมองท่านหญิงิจูอย่างชิงชัง “เป็แค่พวกขี้แพ้แต่พยายามจะแต่งงานกับหนานอ๋องหรือ แหวะ”
จี้จิงเป็คนห่ามๆ ที่พูดอะไรตรงๆ เรียบๆ ทว่า เหล่าสตรีอื่นก็ไม่ได้เห็นต่างจากนาง และพากันมองท่านหญิงิจูอย่างชิงชัง
อย่างไรเสีย คนที่พยายามใส่ความและใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตัวเองก็ไม่มีทางได้รับความเห็นใจ
“ไม่...ข้าบริสุทธิ์นะ! องค์หญิงฮุ่ยหยา ท่านหญิงจิ่งฮวาผลักข้า...” ท่านหญิงิจูคาดไม่ถึงว่าฮวาชีเยว่จะเป็คนรอบคอบปานนี้ ทำลายแผนของนางได้ด้วยสองขั้นตอนง่ายๆ ตอนนี้นางจึงทั้งโกรธและใ
“บริสุทธิ์หรือ? ท่านหญิงหากชีเยว่เป็ฝ่ายผลักท่าน แล้วแขนเสื้อของท่านมาอยู่ในมือข้าได้อย่างไร?”
ฮวาชีเยว่โบกแขนเสื้อขาดๆ ในมือ
ท่านหญิงิจูเม้มปาก “เ้า เ้าจับแขนเสื้อข้าไว้ตอนที่เ้าผลักข้า...”
“ก่อนจะปล่อยให้เ้าร่วงน่ะหรือ? ท่านหญิงิจู เช่นนั้นแล้วท่านก็ดึงข้าลงบ่อไปด้วยกันได้ง่ายๆ เพียงจับมือข้าไม่ใช่หรือ? คำอธิบายนั้นมันไม่เป็เหตุเป็ผลเลย!” ฮวาชีเยว่แสยะยิ้ม “เนื้อผ้าของชุดท่านก็มาจากร้านฝูกุ้ยอันโด่งดัง ผ้าไหมแสงจันทร์ฝูกุ้ยนี้หาใช่จะขาดหรือถูกเผาไหม้ได้ง่ายๆ เรามาลองกันอีกรอบก็ย่อมได้...”
ความชิงชังจากสายตาโดยรอบพลันรุนแรงขึ้น
“ไม่...ข้าบริสุทธ์นะ ข้ากลัวมากจนข้าจำตอนขึ้นฝั่งไม่ได้ แต่ข้าไม่ได้ดึงนาง...”
สีหน้าของท่านหญิงิจูซีดขาว ยังเอ่ยคำปดต่อเนื่อง
“ท่านหญิงิจู ต้นไม้ต้องมีเปลือก มนุษย์ต้องมีใบหน้า เ้าทำตัวไร้ยางอายปานนี้ได้เช่นไร? ข้าเห็นเ้าโดดลงบ่อไปเองกับตา” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากระยะที่ห่างไปพอประมาณ ทุกสายตาพลันหันไปมอง จากนั้นฝูงชนจึงเปิดทางให้หนานอ๋อง ผู้เฝ้ามองสถานการณ์จากระยะไม่ไกลนัก
ฮวาชีเยว่คาดไม่ถึงว่าอวิ๋นสือโม่จะเข้าข้างนาง ช่างประหลาดนัก
ด้านหลังอวิ๋นสือโม่มีปิงอี่ผู้ริมฝีปากกระตุกอยู่ ตอนนี้ท่านอ๋องถึงกับคอยปกป้องฮวาชีเยว่ตลอดแล้ว
ยามนี้เมื่อมีท่านอ๋องมาให้การย่อมทำให้ท่านหญิงิจูหมดหนทางแก้ตัว เมื่อไร้ซึ่งความอาจหาญ นางจึงได้แต่ก้มหน้าสะอื้น
“ท่านหญิงิจู ช่างโง่เขลานัก! เ้ากล้าใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ใส่ความท่านหญิงจิ่งฮวาได้อย่างไร!”
“ใช่ ข้าไม่เคยเห็นคนโฉดเช่นนี้มาก่อน!”
ฝูงชนเริ่มหันคำด่าว่าไร้ยางอายจากฮวาชีเยว่ไปหาท่านหญิงิจูแทน สภาพจิตใจของคนฝูงนี้ช่างแปรปรวนเสียจริง
ฮวาชีเยว่คลี่ยิ้มบาง “ขอบคุณหนานอ๋องที่ช่วยเป็พยานให้ชีเยว่ มิเช่นนั้นแล้ว...คงมีคนโกหกต่อไปไม่จบสิ้นเป็แน่”
ร่างของท่านหญิงิจูอ่อนยวบลงเนื่องด้วยหมดสติไป องค์หญิงฮุ่ยหยาจึงรีบสั่งการให้มีคนมาพานางไปทันที ทั้งแสยะยิ้ม “จิตใจของมนุษย์นี่ช่างลี้ลับโดยแท้ ข้าคาดถูกแล้วว่าท่านหญิงจิ่งฮวาไม่ใช่คนเลวร้าย ท่านหญิงจิ่งฮวา เราไปดื่มชากันเถอะ”
ฝูงชนมองฮวาชีเยว่ด้วยความริษยา นางไม่เพียงได้หนานอ๋องมาเป็พยาน แต่ยังได้รับการคุ้มครองจากองค์หญิงฮุ่ยหยาอีก
ทว่ายามนี้ดึกเกินไปเสียแล้ว ฮวาชีเยว่จึงออกปากปฏิเสธ ทั้งส่งสัญญาณว่านางสนใจจะนัดพบปะกันในอนาคต
เย็นวันนี้ได้เปลี่ยนให้ชื่อเสียงของฮวาชีเยว่เป็ไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรเสียฮ่องเต้ก็ได้แต่งตั้งนางให้เป็ถึงท่านหญิงจิ่งฮวา นางมีหลงแดงอยู่ในมือ ดังนั้นทุกคนล้วนแต่้าทราบถึงบุคคลลี้ลับเื้ั
ตระกูลสมุนไพรเช่นโอวหยางหรือสกุลซย่า และอีกสองตระกูลใหญ่เช่นสกุลไป๋หลีและสกุลเหลียวต่างก็สืบทราบข้อมูลของฮวาชีเยว่มาได้มากยิ่งขึ้น
ทุกคนต่างก็ใกับความเปลี่ยนแปลงของบุตรีไร้ความสามารถผู้นี้ ฮวาชีเยว่แต่เก่าก่อนนั้นเคยเป็ผู้อ่อนแอที่ทำได้เพียงถูกรังแก มิกล้าแม้จะรายงานให้ฮูหยินผู้เฒ่าและฮวาหลี่ถิง เพียงแค่อดทนและปล่อยวางต่อทุกสิ่ง
แต่วันนี้นางกลับกลายเป็ผู้ทรงภูมิ มียอดยุทธ์สนับสนุน และผู้คนยังคงให้ความสนใจกับหลงแดงของฮวาชีเยว่อีกด้วย
ฮวาชีเยว่ผู้สำส่อนและโง่เขลาแห่งเมืองหลวงดูจะกลายเป็สิ่งลี้ลับไปเสียแล้ว
ใครคือผู้ที่ช่วยเหลือนางกันแน่?
เบื้องหน้าของจวนสกุลฮวา ฮวาชีเยว่ขอบคุณหนานอ๋องก่อนเข้าจวนไปพร้อมฮูหยินผู้เฒ่า หนานอ๋องเลิกม่านรถม้าของตนขึ้นเพื่อมองประตูแดงั์ใหญ่ทั้งสองบานถูกปิดลง กระทั่งมันปิดสนิท เขาจึงได้คลี่ยิ้มออกมา
จากนั้นฮวาชีเยว่จึงสั่งให้ข้ารับใช้ไปซื้อไก่ย่างสองตัว ถั่วทอดถ้วยใหญ่ และเหล้าบ๊วยสะพรั่งห้าขวดมาจากภัตตาคารหวางเยว่
จากนั้นนางจึงบอกว่านางจะไปพัก แล้วบอกให้นำอาหารไปวางไว้ในห้องนาง
ลู่ซินและบริวารคนอื่นต่างก็นึกสงสัย เพราะหลังๆ มานี้นางดูจะหิวโหยเป็พิเศษ ทานอาหารเยอะขึ้นมาก
เทียนซีเกือบถูกลืมทิ้งไว้ภายนอกแล้ว เขาอดมิได้ให้สิ้นหวังขึ้นมา ทว่าเมื่อเอ่ยถึงเื่การเรียน ความกระตือรือร้นก็กลับมาอีกครั้ง
ฮวาชีเยว่นำอาหารทั้งหมดเข้าไปยังโลกลี้ลับ เมื่อเห็นนาง เทียนพี่ก็คำรามใส่นางราวสมิง ชิงของไปจากนาง เขาเปิดห่อสัมภาระออกแล้วะโออกมา “ขอบคุณ์! ขอบคุณ์! สุรา! ไก่! ถั่ว!”
ล้วนแต่เป็อาหารที่เขาชอบทั้งสิ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้