บทที่ 6: ห้องสมุดสีเขียว ตำราแห่งชีวิต
ดวงอาทิตย์ยามสายทอแสงลอดผ่านม่านเมฆที่บางเบาลง สาดส่องลงบนผืนป่าเชิงเขาที่เพิ่งชุ่มชื้นจากฝนพรำยามค่ำคืน มันขับเน้นให้สีเขียวของพฤกษานานาพันธุ์ยิ่งสดใสและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ในสายตาของชาวบ้าน นี่คือป่ารกชัฏที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและอันตราย แต่สำหรับถังเหมยหลินในเวลานี้ มันคือมหาวิทยาลัยเปิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอ
ตะกร้าสานบนหลังของนางยังคงว่างเปล่า นางยังไม่ได้เก็บเกี่ยวสิ่งใด แต่กลับใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามเดินสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน สองตาของนางกวาดมองอย่างเป็ระบบ สมองของแพทย์ทหารและนักพฤกษศาสตร์กำลังทำงานประสานกันอย่างเต็มศักยภาพ นางไม่ได้มองหา "สมุนไพร" ตามที่คนยุคนี้เรียกขาน แต่นางกำลังจำแนก "สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ" (Bioactive Compounds) ที่ซ่อนอยู่ในรูปของใบไม้ ดอกไม้ ราก และเถาวัลย์
"ต้นนี้...ใบมีสารแทนนินสูง ใช้ห้ามเืและสมานแผลได้ดี" นางพึมพำกับตัวเอง พลางลูบใบไม้หนาสีเขียวเข้มที่ชาวบ้านเรียกว่า "ใบลิ้นเสือ"
"ส่วนดอกสีขาวเล็กๆ ของเถาวัลย์นั่น...มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ช่วยลดการอักเสบและเป็ยาปฏิชีวนะอ่อนๆ ได้ ถ้าสกัดอย่างถูกวิธี" นางคิดในใจ พลางจดจำตำแหน่งของมันไว้อย่างแม่นยำ
นางเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยก็พบกับดง "หญ้าเกล็ดั" ที่ชาวบ้านเมินเฉยเพราะเชื่อว่าเป็อาหารของงู แต่ความรู้ของนางบอกว่าเหง้าใต้ดินของมันมีฤทธิ์ลดไข้และขับเหงื่อได้ชะงัดนัก มันคือแอสไพรินจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์และทรงพลังที่สุด
หลังจากสำรวจและทำแผนที่ในใจจนพอใจแล้ว นางจึงเริ่มลงมือ "เก็บเกี่ยว" อย่างระมัดระวัง นางเลือกเก็บเฉพาะส่วนที่จำเป็ ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ทำลายต้นแม่จนตาย การกระทำของนางเปี่ยมด้วยความเคารพต่อธรรมชาติ ซึ่งเป็สิ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการถางป่าทำไร่ที่นางเคยเห็น
เมื่อนางกลับมาถึงกระท่อมพร้อมกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยพืชพรรณหน้าตาแปลกตา ซูก๋วนที่เพิ่งกลับจากการช่วยมารดาที่ไร่ก็วิ่งเข้ามาดูด้วยความสนใจ
"ท่านพี่! ท่านเข้าไปในป่าคนเดียวรึขอรับ ไม่กลัวงูหรือเสือหรือ?" เด็กหนุ่มถามด้วยความเป็ห่วง ขณะชะโงกหน้ามองของในตะกร้า "แล้วนี่มัน...หญ้ารกทั้งนั้นเลย ท่านพี่เก็บมาทำอะไรหรือขอรับ"
ซูเหยียนยิ้มอย่างเอ็นดู "งูกับเสือกลัวคนมากกว่าที่เรากลัวมันเสียอีกน้องพี่ หากเรารู้จักที่จะไม่รบกวนบ้านของมัน" นางเทของในตะกร้าลงบนเสื่อที่ปูรอไว้ "ส่วนนี่ไม่ใช่หญ้ารก...แต่มันคือ 'ตำรา' เล่มแรกของครอบครัวเราต่างหาก"
นางเริ่มต้นสาธิตให้น้องชายดูอย่างใจเย็น "ดูนะซูก๋วน...ใบลิ้นเสือนี่ เราต้องล้างให้สะอาดแล้วนำไปตากในที่ร่มให้แห้งสนิท ห้ามตากแดดจัดเด็ดขาด เพราะแสงแดดจะทำลายสรรพคุณของมัน"
จากนั้นนางก็หยิบเหง้าของหญ้าเกล็ดัขึ้นมา "ส่วนเหง้านี่ต้องล้างดินออกให้หมดจด แล้วนำไปนึ่งก่อนจะหั่นเป็แว่นบางๆ แล้วจึงนำไปตากแดด ความร้อนจะช่วยเปลี่ยนสารบางอย่างในตัวมันให้มีฤทธิ์ยาที่แรงขึ้น"
ซูก๋วนเบิกตากว้าง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการเตรียมยาสมุนไพรจะมีความละเอียดซับซ้อนถึงเพียงนี้ ที่เคยเห็นหมอในหมู่บ้านคนก่อนทำก็เพียงแค่นำทุกอย่างไปต้มรวมกันในหม้อเดียวเท่านั้น
"ท่านพี่รู้เื่พวกนี้ได้อย่างไรหรือขอรับ...ท่านเซียนในฝันบอกท่านพี่หมดทุกอย่างเลยหรือ?"
ซูเหยียนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลูบหัวน้องชายเบาๆ "ใช่...ท่านเซียนใจดีกับพี่มาก" นางกล่าวปดคำโต แต่แววตากลับจริงใจ "ท่านบอกว่าความรู้เหล่านี้มีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คน และพี่ก็อยากจะสอนเ้า...เ้าอยากเรียนรู้หรือไม่ ซูก๋วน?"
"ขอรับ!" เด็กหนุ่มตอบรับอย่างกระตือรือร้น "ข้าอยากเรียน! ข้าอยากเก่งเหมือนท่านพี่!"
สองพี่น้องใช้เวลาตลอดบ่ายสร้าง "ห้องจำแนกยา" ขนาดย่อมขึ้นที่มุมหนึ่งของกระท่อม พวกเขาช่วยกันล้าง คัดแยก หั่น และตากสมุนไพรอย่างเป็ระบบ กลิ่นหอมสดชื่นของพืชพรรณลอยอบอวลไปทั่วกระท่อม แทนที่กลิ่นอับชื้นที่เคยมีมา
ขณะที่กำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ก็มีเสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นจากหน้ากระท่อม
"โอ๊ย! เจ็บๆ ท่านแม่...เสี่ยวถูเจ็บ!"
เป็เสียงของเสี่ยวถู ลูกชายวัยห้าขวบของป้าหลี่ที่อยู่บ้านถัดไป นางกำลังลากลูกชายที่หัวเข่ามีแผลถลอกเืซิบจากการวิ่งซนล้มเข้ามาหาซูเจินที่กำลังตำข้าวอยู่
"ซูเจินเอ๊ย...ช่วยดูแผลให้ลูกข้าที ข้าจะเอาขี้เถ้าอุดเืให้มัน" ป้าหลี่กล่าวอย่างร้อนรน ซึ่งเป็วิธีรักษาแผลแบบชาวบ้านที่ส่งต่อกันมา แต่ก็เป็วิธีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างยิ่ง
"อย่านะเ้าคะป้าหลี่!" ซูเหยียนร้องห้ามไว้ทันท่วงที นางรีบเดินเข้าไปหา "ขี้เถ้าสกปรกนัก เดี๋ยวแผลจะเน่าเป็หนองได้ มานี่...ข้าจะรักษาให้เอง"
นางสั่งให้ซูก๋วนไปต้มน้ำให้เดือดแล้วทิ้งไว้ให้อุ่น จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นเช็ดล้างคราบดินและสิ่งสกปรกออกจากแผลของเสี่ยวถูอย่างเบามือ ตอนแรกเด็กน้อยดิ้นรนด้วยความแสบ แต่เมื่อเห็นแววตาที่อ่อนโยนและมั่นคงของซูเหยียน เขาก็ค่อยๆ สงบลง
จากนั้นนางจึงเปิดขวดกระปุกดินเผาเล็กๆ ที่นางเตรียมไว้ั้แ่วันก่อน มันคือยาขี้ผึ้งสีเขียวอ่อนที่ทำจากใบของเถาวัลย์ดอกขาวผสมกับไขผึ้งบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมเย็นๆ นางป้ายขี้ผึ้งลงบนแผลเบาๆ
"ยานี่จะช่วยให้เืหยุดไหล ไม่เ็ป และที่สำคัญ...มันจะช่วยฆ่าตัวแมลงร้ายที่มองไม่เห็น ไม่ให้เข้าไปทำรังในแผลของเ้า" นางอธิบายให้เด็กน้อยฟังด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย
เสี่ยวถูรู้สึกเย็นสบายที่แผล ความเ็ปทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ เขาหยุดร้องไห้แล้วจ้องมองขี้ผึ้งสีเขียวด้วยความทึ่ง
ป้าหลี่มองภาพนั้นอย่างตกตะลึง นางไม่เคยเห็นการรักษาแผลที่พิถีพิถันและดูสะอาดสะอ้านเช่นนี้มาก่อน "แม่หนูซู...นี่...นี่มันยาวิเศษอะไรกันรึ"
"เป็ยาที่ท่านเซียนสอนให้ทำเ้าค่ะ" ซูเหยียนตอบยิ้มๆ "ใช้สำหรับรักษาแผลสดและแผลน้ำร้อนลวกได้ผลดีนัก"
เย็นวันนั้น ข่าวเื่ "ยาเขียววิเศษ" ของซูเหยียนก็แพร่ไปทั่วหมู่บ้านอีกครั้ง ความสามารถของนางไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาโรคร้ายแรงภายใน แต่ยังรวมถึงการาเ็ภายนอกในชีวิตประจำวันด้วย
เมื่อซูเจินกลับมาจากไร่และได้ฟังเื่ราวทั้งหมด นางก็เดินเข้ามาหาลูกสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการบดสมุนไพรแห้งให้เป็ผง
"เหยียนเอ๋อร์..." นางเรียกชื่อบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอีกแล้วความหวาดระแวง มีแต่ความภาคภูมิใจ "แม่ไม่รู้หรอกว่าเ้าไปรู้วิชาเหล่านี้มาจากไหน...แต่แม่รู้ว่า์ส่งเ้ามาเพื่อดูแลพวกเราจริงๆ"
นางนั่งลงข้างๆ มองดูกองสมุนไพรที่แปรรูปแล้วกองเล็กๆ "แล้วของพวกนี้...เราจะทำอย่างไรกับมันต่อไป"
"เราจะนำมันไปช่วยเหลือผู้คน...และจุนเจือครอบครัวเราไปพร้อมกันเ้าค่ะท่านแม่" ซูเหยียนตอบอย่างมั่นใจ "พรุ่งนี้...ข้าจะเริ่มปรุง 'ตำรับยาแห่งความหวัง' ของเรา ข้าจะทำยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ และยาใส่แผล บรรจุในห่อและกระปุกเล็กๆ"
นางมองหน้ามารดาและน้องชายที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ "เราจะไม่ขายมันด้วยเงิน เพราะชาวบ้านไม่มีเงิน แต่เราจะใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยน...ยาแก้ไข้หนึ่งห่อ อาจแลกกับไข่ไก่สักสองฟอง ยาใส่แผลหนึ่งกระปุก อาจแลกกับฟืนหนึ่งมัด หรือปลาตัวเล็กๆ สักตัว"
ดวงตาของซูเจินและซูก๋วนเบิกกว้างขึ้นพร้อมกัน!
นี่ไม่ใช่แค่การรักษาคน...แต่มันคือเส้นทางรอดใหม่ของครอบครัว! คือระบบเศรษฐกิจขนาดย่อมที่ไม่ต้องพึ่งฟ้าฝนหรือการทำไร่ที่เหนื่อยยากอีกต่อไป มันคือหนทางแห่งอนาคตที่ปูด้วยความรู้และสติปัญญาของซูเหยียน
คืนนั้น...ใต้แสงตะเกียงน้ำมันที่ริบหรี่ สามชีวิตในกระท่อมตระกูลซูไม่ได้หลับใหล แต่กลับช่วยกันทำงานอย่างมีความหวัง ซูก๋วนหัดบดสมุนไพรอย่างตั้งอกตั้งใจ ซูเจินนำกระปุกดินเผาเก่าๆ มาล้างทำความสะอาดเพื่อเตรียมบรรจุยา ส่วนซูเหยียนคือแม่ทัพผู้ควบคุมการผลิตทั้งหมด
นางมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา...นี่คือ "บริษัท" แรกของนางในยุคราชวงศ์ถัง มันอาจจะเล็กและยากจน แต่มันเปี่ยมไปด้วยความรัก ความร่วมมือ และความหวังที่ยิ่งใหญ่...เป็ความรู้สึกอบอุ่นที่นางไม่เคยได้ััมาก่อนในโลกแห่งเทคโนโลยีที่นางจากมา.!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้