“แค่ดูก็รู้ว่าชิวิเป็บุรุษที่มีสติสัมปชัญญะมากผู้หนึ่ง การยั่วยวนของสตรีย่อมทนรับได้ ขณะที่ตัวเ้าเองก็บอกว่าหาได้เล่นตุกติกอันใด ถ้าเช่นนั้นช่วยบอกข้าทีเถิด ว่าเป็ผู้ใดกันที่คิดทำการเช่นนี้? ” เขาเข้าใกล้นาง มองนางด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กระทั่งสายตาคู่นั้นยังบ่งชัดว่า หากเ้ายังไม่ยอมเปิดเผยความจริงอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ
อวิ๋นซีแสร้งยิ้ม “ข้าไม่ได้เล่นตุกติกจริงๆ เมื่อครู่ท่านไม่ได้ยินหรือไรว่าสาวใช้นางนั้นหลุดพูดออกมาว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของหยวนอวี่น่ะ? เพียงเท่านี้ก็พอจะรู้แล้ว คนเยี่ยงนาง สิ่งที่ถนัดที่สุดก็คือการขายเรือนร่างตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่้า การกระทำของนางเทียบได้กับสตรีโคมเขียว เพียงแต่ชาติกำเนิดของคนสูงส่งกว่านิดหน่อยก็เท่านั้น” นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหยวนอวี่เองจะเป็หนึ่งในสตรีของโอวหยางเทียนหัวด้วย
หากเื่เป็เช่นนี้ก็น่าสงสัยว่า แล้วคนจะมาทำอันใดที่ดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี่? หรือว่า แท้จริงแล้วหยวนจวิ้นอ๋องเองก็เป็คนของโอวหยางเทียนหัว ดังนั้น เหตุที่หยวนอวี่มาที่นี่ก็เพื่อเป็สาย? หรือว่า นางจะเป็คนที่โอวหยางเทียนหัวส่งมาฆ่าจวินเหยียน...ทว่า ก่อนหน้านี้คนก็แสดงออกชัดว่ารักจวินเหยียนลึกซึ้งเพียงใด หรือว่านั่นจะเป็เื่เท็จทั้งหมด?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็เบิกตาโต “ท่านอ๋อง เสน่ห์ของท่านถดถอยลงแล้ว ทั้งที่คนคนนั้นคำก็พี่จวินเหยียน สองคำก็พี่จวินเหยียน ทว่า ทุกสิ่งล้วนเป็แค่การหลอกลวงผู้อื่นทั้งสิ้น”
จวินเหยียนกอดเอวนาง มองนาง ก่อนจะพูดอย่างปลงๆ “เ้าว่า หากวันใดข้าทนไม่ไหว และพลั้งเผลอทำอันใดเ้าขึ้นมา ข้าควรทำเช่นไรดี? ”
“ข้าก็จะทำให้สิ่งนั้นของท่านมันยกไม่ขึ้นอีกเลยชั่วชีวิต” นางผลักเขาออกไป แล้วจึงพูดเสียงขรึม “ข้าพูดเื่จริงจังกับท่าน แต่ท่านก็เอาแต่พูดเื่ไร้สาระกับข้า คิดว่าท่านคงไม่อยากให้ข้าสอดมือเข้าไปยุ่งเื่ใดของท่านแล้วกระมัง? ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็รีบพูดขึ้น “ไม่มีเื่เช่นนั้นแน่ ข้า้าให้เ้ายุ่งทุกๆ เื่ของข้า ้าจริงๆ ” ชายหนุ่มพยายามเก็บสีหน้าตน จากนั้นก็พูดว่า “ข้าไม่ได้บอกเ้าไปแล้วหรือ ว่าหยวนจวิ้นอ๋องผู้นั้นเองก็จะแต่งชายาเอกแล้ว? เ้าลองเดาดูสิว่าสตรีที่หยวนจวิ้นอ๋อง้าจะแต่งด้วยคือผู้ใด? ”
“ข้า...” นางถลึงตามองเขาไปทีหนึ่ง “ข้าจะไปรู้จักคนในเมืองหลวงสักกี่คนกันเชียว ดังนั้น ท่านจะบอกหรือไม่ก็เป็เื่ของท่าน”
จวินเหยียนมองท่าทีนางที่เป็เช่นนี้ จู่ๆ ในใจก็ให้ผิดหวังเล็กน้อย สตรีผู้นี้ฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ แต่จะทำอย่างไรได้ เื่บางเื่ยังคงต้องค่อยเป็ค่อยไป “สตรีนางนั้นก็คือพี่สาวของชิวิ ชิวซินเย่วที่ก่อนออกเรือนได้สามเดือน คู่หมั้นของนางก็ตายจากไปเสียก่อน”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินแล้วก็อ้าปากน้อยๆ “ไม่ใช่กระมัง จะมีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ มิใช่ว่าหากเป็ไปตามที่ท่านกล่าว พี่สาวแต่งให้พ่อ ส่วนลูกเลี้ยงของนางก็แต่งให้น้องชายตน? ”
“เหตุใดเ้าถึงได้ดูมั่นใจนักหนาว่าหยวนอวี่จักต้องแต่งให้ชิวิ? กระทั่งเื่ของนางกับรัชทายาทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นานมากแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ดังนั้น หากว่าสองคนนี้คิดจะปิดบัง คนภายนอกย่อมไม่มีทางได้รู้” จวินเหยียนอมยิ้มมองนาง ่เวลาที่เขาชอบที่สุดก็คือ การมองดวงตาเ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกคู่นั้นของนางในยามที่กำลังคิดหาวิธีจัดการผู้อื่น
นางยิ้มมองเขา “ท่าน ข้า เราไม่ควรยินยอมให้พวกเขาปิดบังเื่เหล่านี้ต่อไป” ต่อให้คนทั้งสองจะหมายมั่นปิดบังเื่ฉาวโฉ่ นอกเสียจากชาตินี้พวกเขาสองคนจะไม่ได้เจอหน้ากันอีก มิเช่นนั้นขอแค่ได้เข้าใกล้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางอดทนไหว
การไม่เจอหน้ากันถือเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลยสักนิด เพราะนางไม่เพียงแต่จะทำให้สองคนนี้ได้เจอหน้ากันมากขึ้นอีกหน่อย แต่จะให้คนจำนวนมากกว่านี้ได้เห็นเื่นี้กับตาตน หยวนอวี่ผู้นี้คิดอยากจะแต่งให้จวินเหยียน อยากจะกลายเป็มารดาของลูกสาวนาง ฝันไปเถอะ
คนหนึ่งเป็ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็ศัตรู ส่วนอีกคนก็คือสตรีที่ชาติที่แล้วไม่ถูกกัน จึงอาจเรียกได้ว่ามีบุญคุณความแค้นต่อกันมาั้แ่อดีตชาติ ดังนั้น สองคนนี้ ไม่ว่าจะเป็คนไหน นางก็จะไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่อย่างสบายอกสบายใจเป็แน่
“เช่นนั้น เ้าคิดจะทำอันใด? ” เขาอดถามไม่ได้
อวิ๋นซียิ้มบางๆ แล้วกล่าวตอบ “ไม่ใช่ว่าท่านให้สัญญาไว้กับน้องสี่หรือ เื่ที่จะพาเขาไปขึ้นเขาล่าสัตว์น่ะ อีกทั้ง ท่านก็ตั้งใจจะเทียบเชิญบรรดาคุณหนูคุณชายผู้มีชื่อเสียงมีตระกูลทั้งหลายในหานโจวมารวมตัวกัน คนมากถึงจะสนุก คนมากถึงจะช่วยปล่อยข่าวออกไปได้ง่ายขึ้น ใช่หรือไม่เล่า”
หยวนอวี่ ก่อนหน้านี้ข้าให้โอกาสเ้าล่าถอยไปแล้วแท้ๆ แต่เป็เ้าที่ตัดสินใจจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อ อยากได้บุรุษเพียงนี้เชียวหรือ ได้ อีกไม่กี่วันข้าจะส่งไปให้เ้าสักคน และขอรับประกันด้วยว่า ข้าจะมอบประสบการณ์ให้พวกเ้าทั้งสองไม่อาจลืมเลือนไปได้ชั่วชีวิต
เช้าวันที่สอง อวิ๋นซีได้รับข่าวที่บอกว่า สตรีนางนั้นไม่ได้มีท่าทีโกรธเกรี้ยวอย่างที่สตรีที่เสียตัวไปแล้วควรจะเป็ ทั้งยังรอจนตื่นเต็มตาจึงได้สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจากไป
ด้วยเื่นี้ อวิ๋นซีได้แต่ยิ้มน้อยๆ ดูท่า ระหว่างหยวนอวี่กับโอวหยางเทียนหัวคงจะไม่ใช่เพียงครั้งเดียวแล้วกระมัง ไม่แน่ว่าตอนที่เฉียวอวิ๋นซียังมีชีวิตอยู่ สองคนนี้ก็อาจอยู่ด้วยกันแล้วก็ได้ และมีเพียงตัวนางที่โง่เง่าคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวว่า โอวหยางเทียนหัวนั้นเป็สุภาพบุรุษที่แสนดี เป็บุรุษที่เหมาะจะฝากฝังชีวิตไว้
วันล่าสัตว์มาถึงอย่างรวดเร็ว ในวันนี้ด้านล่างของยอดเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างจากนครหานโจวออกไปราวห้าสิบลี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังชุมนุมกันอยู่ คนเหล่านี้ล้วนเป็บรรดาคุณหนูคุณชายที่ชื่นชอบการขี่ม้ายิงธนู
ในตอนที่อวิ๋นซีไปถึงสถานที่แห่งนั้นก็เห็นคนราวๆ ยี่สิบกว่าคนกำลังรวมตัวกันเป็กลุ่มก้อน ทันทีที่พวกเขาเห็นว่าจวินเหยียนและอวิ๋นซีมาแล้ว ต่างก็พากันก้าวมาด้านหน้าเพื่อแสดงความเคารพ และแม้ว่าลึกๆ ในใจของคนเ่าั้จะดูถูกสถานะดั้งเดิมของอวิ๋นซีอยู่มาก แต่ไม่ว่าอย่างไรคนก็เป็พระชายาแล้ว ต่อให้จะไม่ชอบสักเพียงใดก็ได้แต่ต้องแสดงความเคารพ
วันนี้จวินเหยียนสวมชุดแพรพรรณหรูหราสีแดงฉูดฉาด เขายิ้มพูดกับคนอื่นๆ “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ลุกขึ้น วันนี้ที่ข้าให้พวกท่านมารวมตัวกันที่นี่ก็เพราะมีความคิดอยากให้ทุกคนมาร่วมสนุกสนาน ยิ่งคนมากก็ยิ่งสนุก ดังนั้น ระหว่างนี้หากถูกกฎเกณฑ์ตีกรอบไว้มากไปก็คงจะไม่สนุกนัก”
กฎของการล่าสัตว์ในครั้งนี้ก็คือ สามคนหนึ่งกลุ่ม เมื่อครบสองชั่วยามทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันที่เรือนพักส่วนตัวของจวินเหยียนที่ตั้งอยู่บริเวณตีนเขา เพื่อดูว่าใครสามารถล่าสัตว์มาได้มากที่สุด ทว่า กลุ่มใดที่ล่าสัตว์มาได้น้อยที่สุดจะต้องจ่ายเงินหนึ่งพันตำลึง และเลี้ยงข้าวทุกคนอย่างเต็มที่สักหนึ่งมื้อ
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็รีบพูดบ้าง “นี่นี่ เช่นนี้เป็อย่างไร ห้ากลุ่มที่ล่ามาได้น้อย ทุกคนในกลุ่มจักต้องบริจาคให้โรงหมอของบิดาข้าจำนวนหนึ่งพันตำลึง เพื่อจะได้สร้างกองทุนการกุศลในนามของทุกท่าน และหากมีชาวบ้านยากจนที่ไม่มีเงินรักษาตัว ก็ให้ใช้เงินจำนวนนี้ในการซื้อหายาเพื่อรักษาพวกเขา ส่วนเื่การดื่มกินเลี้ยงฉลองให้ผู้ชนะสักมื้อหนึ่งนั้น ก็ให้นำสัตว์ที่ล่าได้ทั้งหมดนี้ไปยังจวนอ๋อง คืนนี้ไม่เมาไม่เลิกลากันที่จวนอ๋อง ดีหรือไม่? ”
เมื่อทุกคนได้ยินว่าสามารถไปที่จวนอ๋องได้ก็พากันยกมือเห็นด้วย นานแล้วที่พวกเขาล้วนได้ยินว่าทิวทัศน์ภายในจวนอ๋องนั้นงดงามมาก แม้ทางบ้านของคุณชายมีตระกูลเหล่านี้จะไม่ขาดเงิน ทว่าพวกเขาล้วนไม่เคยได้รับสิทธิ์ให้ไปเยือนจวนอ๋องเลยสักครา และในเมื่อตอนนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ปรารถนาที่จะได้ไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย
บางคนที่รู้กฎของจวนอ๋องดีก็รีบะโทักท้วงเสียงดังแทบจะในทันที “พระชายา ให้พวกเราไปเยือนจวนอ๋องหรือ เช่นนั้นพระองค์ตั้งใจจะเปิดประตูชั้นใดของจวนเพื่อต้อนรับพวกเรากัน? ”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตอบ “ยามนี้ที่ชั้นสี่นั้นมีเสี้ยนจู่จากเมืองหลวงผู้หนึ่งมาพำนักอาศัยอยู่ ข้าคงไม่อาจเปิดให้พวกท่านเข้าไปรบกวนแขกสูงศักดิ์ได้ ดังนั้น ในคืนนี้จักเปิดถึงประตูเรือนชั้นสามก็แล้วกัน พอดีที่เรือนชั้นสามนั้นมีสระบัวที่ยามนี้กำลังเบ่งบานอย่างงดงามอยู่ นอกจากพวกท่านจะได้ไปเชยชมแล้ว ยังสามารถพายเรือลำน้อยเพื่อไปเด็ดบัวเ่าั้ได้ด้วย”
“ดี ดี” ทุกคนพากันะโรับ
จวินเหยียนมองสตรีข้างกายที่สวมชุดขี่ม้าสีแดงไปทีหนึ่ง บนใบหน้านางประดับไว้ด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ชวนให้คนลุ่มหลงเป็อย่างยิ่ง
นอกจากนี้ เป็เพราะสุขภาพที่ไม่ค่อยดี หยวนอวี่จึงไม่ได้มาร่วมสนุกในงานนี้ด้วย ส่วนเื่การจัดแบ่งกลุ่มล่าสัตว์นั้น แน่นอนว่าจวินเหยียนกับภรรยาจำต้องอยู่กลุ่มเดียวกัน ขณะที่องค์ชายสี่ โอวหยางเทียนหลานนั้นก็ได้แต่ตามติดคู่สามีภรรยาราวกับขนมหนิวผีถัง [1] ก็ไม่ปาน สุดท้ายชิวิจึงต้องไปรวมกลุ่มอยู่กับคุณชายจากจวนใต้เท้าหลัวผู้เป็ถงจือ [2] แห่งหานโจว กับคุณชายตระกูลรุ่มรวยอีกผู้หนึ่งแทน
ทันทีที่เริ่มการแข่งขันล่าสัตว์ คนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในป่าเขาด้วยท่าทีกระตือรือร้นเป็อย่างยิ่ง โดยก่อนหน้านี้จวินเหยียนได้กำชับไว้ว่า ห้ามเข้าลึกไปยังกลางหุบเขา ขณะเดียวกันนั้นเ้าสี่ที่กำลังตามหลังจวินเหยียนอยู่ได้แต่เหลียวมองพี่สะใภ้รองของตนที่แขนขาเรียวเล็ก ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้จึงเอ่ยถาม “พี่สะใภ้รอง ท่านไหวจริงๆ หรือ? ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ขนมหนิวผีถัง(牛皮糖)ขนมกินเล่นชนิดหนึ่ง เป็ขนมท้องถิ่นเมืองหยางโจว เนื้อเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น มีกลิ่นหอม ตัวขนมทำจากน้ำตาลทรายขาว งาขาว แป้ง และถั่วลิสง แต่ในที่นี้จะเปรียบเทียบถึงคนที่ตัวติดกันไม่ยอมห่าง
[2] ถงจือ(同知)ข้าราชการฝ่ายบุ๋นระดับยกกระบัตร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้